สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 491 ร่วมมือ
บทที่ 491 ร่วมมือ
ลูกศรนั้นมีพลังมหาศาล เสียงของมันทั้งดังทั้งรุนแรง พวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย!
แม้กู้เฉิงเฟิงและถังเย่ว์ซานสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวได้ แต่พวกเขาไม่สามารถทิ้งเปลหามได้ในทันที
“ระวัง!” กู้เฉิงเฟิงตะโกนร้อง พยายามเอาตัวไปบังลูกธนูแทน
กู้เจียวดึงร่างเขาไว้ด้านหลัง จากนั้นใช้มือข้างซ้ายคว้าหมับเข้าที่ลูกธนูที่พุ่งเข้ามา ก่อนจะหมุนตัวแล้วเขวี้ยงลูกธนูกลับไปยังที่ที่มันจากมา!
จู่ๆ เสียงร้องโหยหวนของทหหารดังขึ้นท่ามกลางความมืด
กู้เฉิงเฟิงแอบถอนหายใจโล่งอก เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำเอาเขาเหงื่อตกไม่น้อย
ส่วนถังเย่ว์ซานเอาแต่ตะลึงและมองไปที่กู้เจียวด้วยความสับสน
ทหารผู้ผ่านศึกมานักต่อนักอย่างเขาแม้จะดูออกแต่แรกว่านางไม่ใช่ผู้ที่มีวิชาตัวเบาและกำลังภายในสูงขนาดนั้น แต่ปฏิกิริยาของนาง สัญชาติญาณของนาง แม้กระทั่งความเด็ดขาดในการเคลื่อนไหวร่างกาย เรียกได้ว่าเหนือกว่าบุรุษหลายคน
พวกตระกูลกู้อุ้มเด็กผิดคนนั้นเป็นเรื่องจริงใช่ไหม ไม่ใช่ว่าแอบเอาไปฝึกจนกลายเป็นนักฆ่ามือฉมังหรอกหรือ
ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของเขาเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะถูกเขาสะบัดทิ้งไป
เพราะถ้าพวกเขาจะส่งเสียจริงๆ ก็คงเลือกกู้เฉิงเฟิงยังจะดีกว่า เพราะเขาเป็นเด็กมีหน่วยก้านดี จะลงทุนกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งไปเพื่ออะไรกัน ถังเย่ว์ซานรู้นิสัยของกู้เฉาเป็นอย่างดีว่าไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญกับเด็กผู้หญิงอยู่แล้ว
อีกฝั่งของลำธารถูกล้อมไปด้วยทหารของพวกราชวงศ์ก่อน
คนที่นั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวซึ่งดูเหมือนเป็นแม่ทัพ สวมชุดและถุงมือจิ้งจอกสีเงิน แม้จะมองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดนัก แต่ด้วยท่าทางการจัดร่างกายของเขายิ่งทำให้ดูเปล่งประกายและสง่าผ่าเผย
“นั่นใครกัน” กู้เฉิงเฟิงเอ่ยถาม
“ผู้บัญชาการทหารม้าไงล่ะ” ถังเย่ว์ซานตอบพร้อมกับสีหน้าที่นิ่งลง
“พวกราชนิกูลของราชวงศ์ก่อนสินะ ถึงว่ารูปลักษณ์ดูเป็นผู้เป็นคน”
พวกเขามองไปที่อีกฝั่งของแม่น้ำ และผู้คนที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำก็มองดูพวกเขาเช่นกัน บุรุษบนหลังม้าคนนั้นราวกับเทวดาแห่งรัตติกาล สายตาที่มองมาที่พวกเขาราวกับกำลังมองดูกระต่ายสองสามตัวที่หลบหนีจากการล่า
กู้เจียวคว้าทวนและค่อยๆ คลายผ้าที่พันอยู่ออก พร้อมกับก้าวเดินออกมายืนอยู่ด้านหน้าคนที่เหลือ ส่งสายตาอาฆาตไปยังอีกฝั่งของลำธาร “พวกเจ้าหนีไปก่อน”
“ไปกัน!” ถังเย่ว์ซานเอ่ยในทันที
กู้เฉิงเฟิงรู้ดีว่าไม่ควรทิ้งให้ใครอยู่ตรงนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าเขาเองหรือถังเย่ว์ซานก็ตาม
กู้เฉิงเฟิงไม่ไว้ใจถังเย่ว์ซาน หากทิ้งให้อยู่กับกู้เจียว แล้วถ้าเขารู้ขึ้นมาว่ากู้เจียวหลอกเขาแต่แรกเรื่องยาพิษ กู้เจียวอาจตกอยู่ในอันตราย
กู้เฉิงเฟิงกัดฟันแบกเปลของท่านเหล่าโหวขึ้นฝั่งพร้อมกับถังเย่ว์ซาน
สายตาของเขาบุรุษในชุดจิ้งจอกสีเงินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจับจ้องไปที่ทวนพู่สีแดงของนางอยู่ครู่หนึ่ง แม้ไม่รู้ว่าทวนนี้สร้างความสงสัยอะไรให้แก่เขา เพราะเขาลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ลังเลนานจนเกินไป
เขายกมือขึ้น แล้วชี้นิ้วลง
กู้เจียวรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังพูดว่า “โจมตี”
ทันใดนั้น ทหารนับร้อยนายกระโดดลงพื้นน้ำแข็งพร้อมกับเล็งดาบมาทางกู้เจียว
กู้เจียวไม่รีบร้อนที่จะตอบโต้ แต่หยิบใบมีดคู่หนึ่งที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกจากตะกร้าใบเล็กของนางและผูกมันไว้ที่เท้า
ไม่มีใครรู้และสนใจว่านางกำลังทำอะไร พวกเขามีกันตั้งร้อยคน ส่วนนางมีแค่ตัวคนเดียว จำนวนต่างกันลิบลับ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเป็นทหารชายแดน และพื้นรองเท้าของพวกเขาถูกทำขึ้นเพื่อป้องกันการลื่นไถล ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเดินบนน้ำแข็งได้อย่างอิสระ
แต่พอกู้เจียวเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาถึงกับตาค้างกันเลยทีเดียว!
ขณะที่พวกเขากำลังเดินอย่ามั่นคงบนน้ำแข็ง แต่เด็กคนนี้ในหน้ากากกลับกำลังวิ่งอยู่บนน้ำแข็ง… ไม่สิ เขากำลังบินอยู่!
การเคลื่อนไหวของกู้เจียวเหมือนเหยี่ยวราตรีที่สยายปีก ไม่มีใครตามนางได้ทันสักคน
กู้เจียวชักทวนออกแล้วค่อยๆ สังหารพวกมันทีละคนๆ และภายในชั่วพริบตา ทหารครึ่งทัพก็ถูกจัดการจนราบเป็นหน้ากลอง
“ใต้เท้า!”
ทหารคนสนิทของบุรุษชุดจิ้งจอกสีเงินเอ่ยด้วยท่าทีกังวล
เขาไม่เอ่ยอะไร ได้แต่มองกู้เจียวที่กำลังต่อกรกับทหารหลายนาย ทวนสีแดงของนางรวมถึงอาภรณ์ของนางเต็มไปด้วยรอยเลือดของศัตรู
บุรุษในชุดจิ้งจอกสีเงินถอดถุงมือออกอย่างช้าๆ แล้วยื่นมือเรียวขาวให้ทหารคนสนิท
จากนั้นทหารคนสนิทก็ได้ยื่นคันธนูใหญ่ให้เขา
บุรุษในชุดจิ้งจอกสีเงินถือคันธนูในมือขวา หยิบลูกธนูสามดอกออกมาจากกระบอกที่แขวนอยู่บนอานด้วยมือซ้าย และยิงธนูทั้งสามดอกใส่กู้เจียวอย่างโหดเหี้ยม!
ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะหลบอย่างไร อย่างน้อยก็ต้องมียิงเข้าซักดอกนึง และถ้าโชคไม่ดี อาจจะโดนทั้งสามดอกเลยก็เป็นได้!
และทหารบนน้ำแข็งดูเหมือนจะรู้แล้วว่าเจ้านายของพวกเขากำลังทำอะไร จึงไม่ลังเลที่จะรีบเข้าไปตรึงร่างกู้เจียวให้เป็นเป้านิ่ง
ในช่วงเวลานี้เอง เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
จู่ๆ อีกฟากของลำธารก็มีลูกธนูอีกสามดอกยิ่งพุ่งออกมา และทุกดอกล้วนพุ่งชนเข้ากับลูกธนูของบุรุษในชุดจิ้งจอกสีเงิน พร้อมกันกับลูกธนูที่เหลือที่พุ่งเป้าไปยังบุรุษในชุดจิ้งจอกสีเงิน
บุรุษในชุดจิ้งจอกคว้าโล่ขึ้นมากำบังไว้ได้ทัน
แม้ลูกธนูสามดอกดูเผินๆ เหมือนพุ่งไปทางบุรุษในชุดจิ้งจอกสีเงินแต่ผู้เดียว แต่เมื่อลูกธนูเข้าใกล้เป้าหมาย กลับพบว่ามีลูกธนูเพียงดอกเดียวที่โดนโล่กำบัง ส่วนลูกธนูอีกสองดอกที่เหลือกลับพุ่งเข้าใส่ทหารคนสนิทอีกสองคนของเขาอย่างชัดเจน
ร่างของพวกเขาล้มลงบนพื้นหิมะ!
บุรุษจิ้งจอกสีเงินมองไปทางอีกฝั่งของลำธาร เห็นถังเย่ว์ซานที่กลับมาพร้อมคันธนูและลูกธนู
ถังเย่ว์ซานยืนหลบอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ และเล็งธนูไปยังจุดที่กู้เจียวรับมือไม่ถึง ศัตรูยิงมาเท่าไหร่ เขายิงธนูโต้ตอบเท่านั้น!
ตระกูลถังขึ้นชื่อเรื่องธนู และด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นหัวหน้าตระกูล ฝีมือของเขาย่อมไม่เป็นรองใคร
พอกู้เจียวรู้ว่าถังเย่ว์ซานกลับมาแล้ว จึงปล่อยให้เขารับมือกับบุรุษในชุดจิ้งจอกสีเงินอย่างไม่ลังเล
ความเชื่อมั่นที่นางมีใครเขาในครั้งนี้ทำเอาเขาตกใจอยู่ไม่น้อย
นี่นาไม่กลัวว่าเขาจะไม่กลับมาช่วยหรือเกิดพลาดขึ้นมาบ้างเลยรึ
เป็นธรรมดาที่จะพลาดท่าบ้างในยามต่อสู้ ความเร็วในการเคลื่อนไหวบนน้ำแข็งของกู้เจียวนั้นยากที่ใครจะตามทัน
ทว่าถังเย่ว์ซานสามารถอ่านความเร็วของนางได้ขาด
กู้เจียวยิงกระสุนหนึ่งนัดต่อทหารหนึ่งคน ตอนนี้มีทหารสองนายตามมาข้างหลัง ถังเย่ว์ซานจัดการยิงพวกเขาด้วยลูกธนู!
กู้เจียวมีหน้าที่โจมตีศัตรูเบื้องหน้า และมีถังเย่ว์ซานคอยคุมหลังให้
ทั้งสองร่วมมือกันอย่างราบรื่น ขนาดว่าตอนเขากับถังหมิงซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ยังไม่สามัคคีกันเท่านี้
ถังหมิงเป็นทหารที่ยอดเยี่ยม แต่เขาไม่เคยกล้าที่จะมอบความไว้วางใจให้กับใคร
เขาเชื่อแต่ตัวเอง ดังนั้นพอถึงเวลาสู้รบก็มักจะประหม่าอยู่บ่อยครั้ง
ที่จริงถังเย่ว์ซานก็ค่อนข้างพอใจกับการได้จับคู่กับลูกชายตัวเอง
แต่พอเขาได้เจอกับกู้เจียว ได้ร่วมต่อสู้ด้วยกันในครั้งนี้ ทำให้เขาตาสว่างและรู้ซึ้งถึงคำว่าสามัคคีที่แท้จริง
ทุกที่ที่กู้เจียวโจมตี ก็จะมีลูกธนูของถังเย่ว์ซานคอยเปิดทาง
ทุกที่ที่กู้เจียวล่าถอย ลูกธนูของถังเย่ว์ซานจะคุ้มกันทางกลับให้
แม้มีกันแค่สองคน แต่กลับรับมือกองกำลังนับร้อยได้!
บุรุษในชุดจิ้งจอกหรี่ตาลง
ขณะที่ถังเย่ว์ซานยิงคุ้มกันด้านหลังให้กู้เจียวอยู่นั้น ทันใดนั้นบุรุษในชุดจิ้งจอกสีเงินเล็งธนูไปที่ขาของถังเย่ว์ซานและยิงออกไป!
หากถังเย่ว์ซานหลบ เขาจะไม่สามารถช่วยกู้เจียวได้
ต้องมีคนใดคนหนึ่งแบกรับไว้สินะ
ถังเย่ว์ซานกัดฟัน และยิงลูกธนูออกไปทางด้านข้างกู้เจียวแทน!
สิ้นเสียงฉึก ความเจ็บปวดแผ่ซ่านจากขาลามไปทั่วทั้งร่างกาย ถังเย่ว์ซานโอดครวญก่อนจะร่วงลงจากต้นไม้ใหญ่
กู้เจียวขมวดคิ้ว หลังกวาดเท้าเตะทหารคนสุดท้ายจนล้มลง นางคว้าทวนพู่สีแดงและออกตัวบนพื้นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว
ความเร็วนั้นราวกับสายฟ้าสีดำ สิ้นเสียงหวีดหวิดแทงทวนก็พุ่งแทงทะลุเสื้อคลุมจิ้งจอกสีเงินเข้าไปยังบริเวณหน้าท้อง!
“ใต้เท้า!”
ทหารนายหนึ่งร้องตะโกน
เข็มขัดของบุรุษในชุดจิ้งจอกสีเงินขาดสะบั้น เขาเอามือกุมหน้าท้องก่อนจะถอยทัพกลับ
กู้เจียวถือทวนพลางจ้องเขาอย่างไม่ละสายตา
อีกฝ่ายก็เช่นกัน
เขาสัมผัสได้ถึงสายตาอันว่างเปล่าและเยือกเย็นที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
กู้เจียวคว้าเข็มขัดที่หลุดออกมาจากตัวเขา และมองด้วยสายตาหยามเหยียด
ราวกับกำลังจะสื่อสารออกไป
ครั้งหน้าจะไม่ใช่เข็มขัดแล้วนะ แต่เป็นชีวิตของเจ้า
บุรุษในชุดจิ้งจอกสีเงินจากไปโดยไร้ซึ่งกองทัพ
กู้เจียววิ่งไปที่อีกฝั่งของลำธาร เก็บใบมืดที่รองเท้าออก
ขาซ้ายของถังเย่ว์ซานถูกปักด้วยลูกธนูจนทะลุ
กู้เจียววางข้าวของทุกอย่างไว้ด้านข้าง ก่อนจะเดินเข้ามาดูอาการของเขา “ทนหน่อย”
ถังเย่ว์ซานเหงื่อแตกพล่าน
กู้เจียวชักกริชออกมา ตัดคันลูกธนูออก และดึงหัวลูกศรออกจากปลายอีกด้านหนึ่ง!
เกิดเลือดพุ่งกระจายไปทั่ว!
กู้เจียวใช้ผ้าพันแผลอุดแผลทั้งสองฝั่งอย่างรวดเร็ว
“ไร้ประโยชน์” ถังเย่ว์ซานเอ่ยด้วยปากที่ซีดเผือด “มันเป็นลูกธนูอาบยาพิษ แม่สาวน้อย…ข้าไม่น่าช่วยเจ้าเลย”
เขามีประสบการณ์การต่อสู้มานับไม่ถ้วน หากถูกพิษเข้าเป็นการยากที่จะรักษาให้หาย
เจ้านั่นมันจงใจ
มันเลือกที่จะฆ่าเขาหรือกู้เจียว ไม่คนใดก็คนหนึ่ง!
กู้เจียวหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาจากกล่องยาอย่างใจเย็น
พอถังเย่ว์ซานเห็นเข็มที่หนาและยาว หัวใจของเขาเต้นรัว “เจ้าจะทำอะไร!”
“ฉีดยากันบาดทะยักน่ะสิ” กู้เจียวเลิกคิ้วพลางเอ่ย
ถังเย่ว์ซานไม่เข้าใจว่านางพูดอะไร แต่การกระทำของนางที่กำลังฉีกกางเกงเขาให้ขาดและมีเข็มฉีดยาในทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีเหตุผล!
“นางเด็กบ้า! ข้าอุตส่าห์ช่วยชีวิตเจ้า! แต่เจ้ากลับเอาเข็มมาแทงข้า! นี่เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่! เจ้า โอ๊ยยย”
แก้มก้นของถังเย่ว์ซานทั้งรู้สึกเย็นวาบและเจ็บปวดในคราวเดียวกัน บุรุษอกสามศอกผู้ยอมเสียเลือดแต่ไม่เสียน้ำตาอย่างเขาถึงกับกัดนิ้วตัวเองพร้อมกับปล่อยโฮ!