สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 500 ทหารตระกูลกู้ไร้เทียมทาน
บทที่ 500 ทหารตระกูลกู้ไร้เทียมทาน
ณ ศึกเมืองเย่ว์กู่ กองทัพของทั้งสองฝ่ายต่างเสียกำลังไปมาก ถึงแคว้นเฉินจะเสียหายมากกว่า แต่พวกเขามีกำลังพลมากมาย ไม่นานก็สามารถสมทบกำลังกลับมาได้
อาจเป็นเพราะว่าการบุกโจมตีสามเมืองก่อนหน้านั้นง่ายดายเกินไป ด้วยเหตุนั้นยามหรงปินนำกองกำลังสองหมื่นนายมุ่งหน้ามาที่เมืองเย่ว์กู่ เขาจึงรู้สึกว่าใช้กำลังพลมากเกินไป
เมืองเย่ว์กู่มีกำลังทหารอยู่เท่าใดนั้นเขารู้ดี ทหารส่วนใหญ่เป็นทหารองครักษ์กับลาดตระเวน หากรวมกันแล้วก็ประมาณสองพันคนได้ บวกกับเหล่าชายหนุ่มที่เกณฑ์กันมาเป็นการชั่วคราวก็ไม่เกินห้าพันนาย รวมกับชาวเมืองที่ถังเย่ว์ซานช่วยมาจากเมืองเย่อีกสองพันห้าร้อยคน กำลังพลทั้งหมดทั้งมวลจึงมีอยู่ที่เจ็ดพันนาย
ในบรรดาเจ็ดพันคนนี้ หรงปินกลับมาใคร่ครวญให้ถี่ถ้วนอีกครั้งก็พบว่า ทหารจากราชสำนักสองพันห้าร้อยนายอดอาหารสามวันสามคืน กำลังกายร่อยหรอ แต่ยังถูกสั่งให้เร่งยาตรามาหลายสิบลี้ แรงกำลังที่จะสู้รบก็ถดถอย นอกจากนี้ เหล่าชายหนุ่มที่เกณฑ์กำลังพลมาชั่วคราวอีกสองพันคนก็ไม่ได้มีพื้นฐานการสู้รบแต่อย่างใด หากลงสนามรบก็เรียกว่าลงไปหาที่ตาย
ไม่เกินจริงเลยหากจะพูดว่าเมื่อเทียบกับเหล่าทหารกล้าของแคว้นเฉินแล้ว กำลังพลไม่กี่พันนายนี้เรียกได้ว่าพิกลพิการ!
ทว่าเหล่าทหาร ‘พิกลพิการ’ นี้กลับต้านการบุกโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนของกองทัพแคว้นเฉินมาได้ตลอดสามวันสี่คืน
พวกเจ้าพวกนี้ไปเอาพละกำลังมาจากไหนกัน
นี่ไม่ใช่แค่ไม่กลัวตายแล้ว แต่ในใจของพวกเขานั้นมีความเชื่ออันแรกกล้าบางอย่าง ราวกับว่าต่อให้กลายเป็นซากศพก็จะขวางประตูเมืองนี้เอาไว้ ขวางกำแพงเมืองนี้มิให้ทหารแคว้นเฉินลุกล้ำเข้ามา
ในฐานะที่หรงปินคือผู้นำทัพในศึกครั้งนี้ เขาจึงขึ้นหลังม้าสังเกตการณ์บุกโจมตีอยู่ที่ด้านล่างกำแพงเมืองมาตลอด ยามประตูเมืองแตกแล้ว กองทัพของพวกเขาหลั่งไหลเข้าไป ทหารแคว้นเจาคงต้านทานได้อีกไม่นาน
ทว่าสถานการณ์บนกำแพงเมืองนั้นค่อนข้างน่าเป็นห่วง
เขารู้มาโดยตลอดว่าถังเย่ว์ซานนั้นมีความสามารถ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะเก่งกาจถึงเพียงนี้
แคว้นเจามีแม่ทัพเลื่องชื่ออยู่สามคน คนที่เชี่ยวชาญการทหารมากที่สุดคือกู้เฉา ติ้งอันโหว คนที่โจมตีและตั้งรับได้ยากที่สุด คนหน้าไม่อายอย่างเซียวจี่ เซียวผิงโหว และคนที่กล้าหาญบ้าบิ่นที่สุดก็คือจอมพลทหารม้าหยวนไซว่ ถังเย่ว์ซาน
ว่ากันตามตรง ตอนที่ได้ยินข่าวว่าเขาได้รับตำแหน่งจอมพลทหารม้าหยวนไซว่ ทั้งหรงปินและพ่อของเขาต่างก็ประหลาดใจ กล้าหาญและบ้าบิ่นที่สุดนั้นหาใช่ชื่อเสียงที่ดีสักเท่าไหร่ จะว่าไปแล้วคนผู้นี้มีความกล้าแต่ไม่มีปฏิภาณ ใช้ทหารเกินจำเป็น
แต่หลายวันมานี้ถังเย่ว์ซานกลับใช้กลอุบายล่อให้เสือออกจากถ้ำ กุข่าวว่าเสบียงที่ราชสำนักส่งมานั้นมาถึงถนนชิงฮว๋าแล้ว จนพวกเขาส่งทหารออกไปลำเลียง ผลปรากฏว่าถังเย่ว์ซานฉวยโอกาสนั้นบุกเข้าไปในค่าย คร่ากำลังพลและม้าไปกว่าสองพันชีวิต
แผนการที่ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่ความจริงแต่ละย่างก้าวนั้นถูกคำนวณมาอย่างแม่นยำ หากพวกเขาไม่หรือนำกำลังพลออกขนเสบียงเป็นจำนวนมากละก็ ต่อให้ถังเย่ว์ซานลอบเข้าไปในค่ายของพวกเขา ก็ไม่สามารถลงมือสังหารได้หรอก
ผนวกกับเส้นทางที่ถังเย่ว์ซานและพรรคพวกใช้หลบหลีกนั้น ก็ล้วนแต่ได้ถังเย่ว์เป็นคนเสาะหา ทำให้ต่อให้กองทัพแคว้นเฉินควบม้าตามก็ตามทหารราบเดินเท้าไม่ทัน น่าโมโหไหมล่ะ มันน่าโมโหไหม!
เรื่องนี้ได้ทำให้ตระกูลหรงตระหนักแล้วว่าถังเย่ว์ซานมิได้กล้าหาญแต่ไร้ไหวพริบ เพียงแค่เขานั้นบ้าบินเกินไป จนคนมองข้ามความหลักแหลมของเขา
ทว่าต่อให้กล้าหาญยิ่งกว่านี้แล้วอย่างไรเล่า
เขาก็เป็นเพียงมนุษย์มีเนื้อหนังคนหนึ่ง ย่อมต้องมีวันที่หมดแรงลงอยู่ดี กองทัพแคว้นเฉินของเขามีกำลังพลมากมาย ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันได้ไม่มีขาด กลับกันทหารเมืองเย่ว์กู่หากตายไปสักคนก็เท่ากับหายไปคนหนึ่ง
ต่อให้เป็นถังเย่ว์ซานก็มีขีดจำกัดเช่นกัน
แล้วก็เป็นอย่างที่หรงปินคาดการณ์ไว้ ถังเย่ว์ซานนั้นใกล้จะฝืนกำลังไม่ไหวแล้ว เพียงแต่ไม่ใช่เพราะเขานั้นหมดกำลัง แต่เป็นเพราะขาของเขาได้รับบาดเจ็บ
บาดแผลนั้นเป็นจุดเดิมที่เคยถูกราชบุตรเขยยิงทะลุมาก่อน เลือดแดงสดไหลไม่หยุด อาบชุ่มไปทั้งเท้า
“ท่านจอมพลถัง!”
ร่างอาบเลือดของรองแม่ทัพเฉินเดินเข้าไปหาถังเย่ว์ซาน เขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ส่วนคราบเลือดบนกายนั้นมิใช่ของเขาทั้งหมด
“ไม่ต้องห่วงข้า!” ถังเย่ว์ซานค้ำยันรถศึกที่อยู่ด้านหลังเพื่อพยุงตัวขึ้น ความเจ็บปวดที่ขาแล่นริ้วไปทั่ว เขาง้างกระบี่ฟันทหารแคว้นเฉินนายหนึ่งก่อนจะตนเองจะล้มลงไปอีกครั้ง
รองแม่ทัพเฉินกัดฟัน “…ขอรับ!”
เขาหันหลังกลับด้วยขอบตาร้อนผ่าว วาดกระบี่ฟาดฟันศัตรูต่อ
ถังเย่ว์ซานไร้เรี่ยวแรงจะสู้ เขาแทบจะยืนขึ้นไม่ไหว อีกไม่นานก็คงถูกใครสักคนฟันตายแน่นอน
ตรงข้ามกับถังเย่ว์ซานที่สิ้นฤทธิ์แล้ว ยังมีหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังปกป้องธงแคว้นเจาพร้อมกับทวนยาวข้างกาย
ชายหนุ่มผู้นั้นสวมชุดเกราะและหมวกเกราะ มีเพียงดวงตาแหลมคมดุจพญาอินทรีย์ที่โผล่ออกมาให้เห็น อันที่จริงยังไม่แน่ชัดนักว่าหน้าตาหรืออายุของเขานั้นประมาณเท่าไหร่ ทว่าท่วงท่าของเขานั้นแผ่ซ่านความห้าวหาญของคนหนุ่ม
ทหารแคว้นเฉินนับไม่ถ้วนปีนป่ายขึ้นไป แต่กลับไม่มีแม้สักคนที่เข้าใกล้ธงแคว้นเจาได้ ไม่มีแม้สักคนที่รอดพ้นปลายแหลมของทวนพู่แดงของชายหนุ่มคนนั้น
โลหิตแดงสดอาบไปทั่วเกราะของเขา ย้อมก้อนอิฐใต้เท้าเขาจนกล้าเป็นสีเลือด ทว่าเขาก็ยังคงปกป้องธงได้ไม่ให้สึกหรอแม้แต่นิด
เขาคือเทพสังหาร เขาคือผู้คุมวิญญาณของทหารแคว้นเจาผู้ล่วงลับ
“เมืองเย่ว์กู่มีเสี้ยนหนามตัวฉกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด” หรงปินคิ้วขมวด
หากไปยังเมืองหลิงกวนก่อน คงได้ยินเรื่องของคนผู้นี้จากปากราชบุตรเขย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ไป
หรงปินบอกกับลูกน้อง “เอาธนูมา”
“ขอรับ”
ลูกน้องยืนคันธนูให้
หรงปินง้างคันธนู เล็งเป้าไปยังเสาธงเหนือศีรษะของกู้เจียวแล้วยิงออกไป!
แววตาของกู้เจียวพลันเย็นยะเยือก ปักทวนพู่แดงไว้กับพื้น ใช้เป็นแรงส่งเพื่อทะยานตัวลอยขึ้น ก่อนจะใช้เท้าเตะลูกธนู!
หรงปินยิงออกไปดอกที่สอง!
ดอกที่สาม! ดอกที่สี่!
จนกระทั่งดอกที่ห้า เขาก็ไม่เล็งเป้าที่เสาธงอีกต่อไป แต่เล็งไปที่หัวของกู้เจียวแทน!
เขาจะยิงให้ทะลุกบาลเจ้าเด็กนี่เลยคอยดู!
ดูซิว่าเจ้าหมอนี่จะต้านศรธนูของเขาได้หรือไม่!
วินาทีที่หรงปินกำลังจะปล่อยลูกดอกที่ง้างสุดแขนนั้น ก็มีเสียงสัญญาณจากแตรเขาสัตว์ก้องกังวานดังขึ้นไม่ไกลจากด้านหลังเขานัก เสียงนั้นราวกับมนตราคาถาโบราณ แฝงไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว พาลให้คนอกสั่นขวัญแขวน
ทว่าเสียงที่ตามมาจากเสียงแตรเขาสัตว์นั้นคือเสียงกลองศึกจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว ตึง ตึง ตึง ตึง ทว่าดังสะท้านไปทั่วทั้งหุบเขา
“เฮ้! เฮ้! เฮ้!”
เสียงตะโกนพร้อมเพรียงกันดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน!
แผ่นดินเริ่มไหวสะเทือน ฝุ่นผงลอยตลบ หรงปินมองพื้นที่สั่นสะเทือนใต้เกือกม้า ทันใดนั้นก็ได้สติกลับคืนมา!
สายสืบของกองทัพแคว้นเฉินวิ่งลนลานมาจากด้านหลัง “ราย…รายงานขอรับ กองทัพตระกูลกู้มาแล้วขอรับ!”
เสียงโหยหวนอันแสนสยดสยองราวกับแหวกม่านราตรีอันมืดมิดด้วยเส้นทางสายเลือด คล้ายกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างทะลุออกมาจากกลีบเมฆ
สายสืบพูดจบก็โดนธนูดอกหนึ่งแทงทะลุร่าง สองตาเบิกโพลง ก่อนจะล้มคว่ำหน้าลงตรงหน้าม้าของหรงปิน
หรงปินมองสายสืบที่ถูกยิงโดยไม่ทันตั้งตัวตรงหน้า ในใจก็หวาดกลัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้!
เป็นไปไม่ได้
ไกลถึงเพียงนั้น ยิงโดนได้อย่างไร
ไม่ใช่สิ ต้องพูดว่า กองทัพตระกูลกู้ที่อยู่ห่างออกไปตั้งไกล เหตุใดมาถึงเร็วปานนี้
หากเขาไม่มั่นใจหนักหนาว่าทหารตระกูลกู้จะมาไม่ทัน เขาคงไม่นำทัพทหารสองหมื่นนายมาบุกโจมตีเมืองหรอก
บรรดาพี่ชายของเขาคว้าชัยชนะมาได้แล้ว เหลือเพียงเขาที่ยังมือเปล่า
เขามาแล้ว มาเพื่อชนะศึกกลับไป!
หากเขาสามารถยึดครองเมืองเย่ว์กู่ได้ ฆ่ากู้เฉาและถังเย่ว์ซานได้ เขาก็จะได้รับแต่งตั้งเป็นโหวหรือเป็นอ๋องเหมือนท่านพี่
เขาคงไม่ดวงกุดขนาดนั้นหรอกกระมัง! นี่ต้องเป็นแผนการของถังเย่ว์ซานแน่นอน!
ทหารแคว้นเจาที่ออกมารับศึกตายไปแล้วไม่รู้กี่ร้อย ชัยชนะอยู่แค่ตรงหน้า การที่พวกเขาถอยยามนี้ต่างหากคือความผิดพลาดอันใหญ่หลวง
หรงปินชักกระบี่ข้างเอวออกมา ก่อนจะตะโกนเสียงดังก้อง “ข่าวคลาดเคลื่อน! มิใช่ทหารตระกูลกู้! แต่เป็นเชลยศึกแคว้นเจาที่ตลบหลังอยู่ในป่า! ทั้งหมดเดินหน้าโจมตีต่อไป! หากผู้ใดเด็ดหัวถังเย่ว์ซานและกู้เฉาได้! ข้าจะให้ทองพันชั่ง! แล้วก็เจ้าหมอนั่นด้วย!”
เขาเอ่ยพลางชี้ไปที่หนุ่มน้อยที่ฆ่าชีวิตทหารแคว้นเฉินไม่รู้เท่าใดเพื่อปกป้องธงนั่น “ผู้ใดเด็ดหัวมันได้! ผู้นั้นจะได้ไปเป็นแม่ทัพ กองทัพตระกูลหรงของข้า!”
เหล่าทหารแคว้นเฉินที่กำลังเสียขวัญก็กลับมามาฮึกเหิมอีกครั้ง!
ทองคำพันชั่ง แม่ทัพตระกูลหรง พวกเขาต้องการทุกอย่าง!
เพียงแต่ขวัญกำลังใจนั้นกลับมาได้เพียงไม่นาน ลูกน้องที่อยู่ข้างกายหรงปินก็ชี้ไปทางด้านหลัง ในแววตามีแต่ความหวาดกลัว “ท่าน…ท่าน…ท่านแม่ทัพ ท่านดูนั่น…”
“ดูอะไร ก็แค่…” หรงปินเอ่ยพลางเหลียวกลับไปมอง เขาว่ายังไม่ทันจบก็ต้องชะงักไป
ไม่รู้ว่าความมืดมิดบนท้องนภาจางหายไปเมื่อใด ยามนี้ฟ้ายังไม่ทันสาง ทว่ากลับมองเห็นเงาดำทมึนที่สุดปลายขอบฟ้า
ภายใต้ท้องฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ ทหารม้านับหมื่นนนายกำลังควบเข้ามาใกล้ แต่ละคนสวมชุดเกราะเงินเนื้อเย็นเฉียบ แม้แต่ม้าศึกที่ควบอยู่ก็สวมเกราะเงินเช่นกัน
ผู้บัญชาการออกคำสั่ง ทหารม้าทั้งหมดคว้าผ้าสีดำออกมาปิดดวงตาของม้าเอาไว้
“นั่น…นั่น…นั่น…” ลูกน้องของหรงปินขวัญกระเจิง
ภาพตรงหน้าสะเทือนขวัญยิ่งนัก!
นี่สินะทหารม้าของจริง!
กู้ฉังชิงควบม้านำทัพ ทุกฝีก้าวราวกลับทะยานเหาะเหิน ผ้าคลุมสีขาวด้านหลังเกราะเงินปลิวไสว ดุจดั่งหิมะขาวบริสุทธิ์จากฟากฟ้า ทว่ารังสีอำมหิตเลือดเย็นกลับแผ่นซ่านไปทั่ว
หรงปินแทบจะหยุดหายใจ!
ทหารม้าตระกูลกู้ไม่เคยแพ้ศึกใด ทหารแคว้นเฉินถึงคราวต้องพ่ายแพ้
กู้ฉังชิงไม่ได้มีเป้าหมายอื่น เขาควบม้าตรงมายังหรงปิน แสงอรุณสาดส่องตามติด ท้องนภาเริ่มทอแสง
หรงปินชูกระบี่พร้อมรับศึก!
ทว่าเขายังไม่ทันได้ชูสุดแขน กู้ฉังชิงก็ฟันคอเขาขาดสะบั้นด้วยดาบเล่มเดียวเสียก่อน!