สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 516 ฟื้น (1)
บทที่ 516 ฟื้น (1)
หลังจากที่ยี่อ๋องพ่ายแพ้ในแดนเหนือ ทุกคนก็ต่างคิดว่าเขากับราชบุตรเขยจะนำกองทัพห้าพันนายมุ่งหน้าไปเมืองเป่ยหยางหรือไม่ก็เมืองเย่เพื่อขอหลบภัย ทว่าตามรายงานของหน่วยสอดแนมทั้งสองที่ซุ่มซ่อนอยู่นอกเมืองเป่ยหยางและเมืองเย่ กลับไม่พบร่องรอยของกองทัพราชวงศ์ก่อนเลย
ทางด้านกู้ฉังชิงก็กำลังทุ่มกำลังค้นหาร่องรอยของกู้เจียวเช่นกัน
เพียงแต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือ นึกไม่ถึงว่าพวกยี่อ๋องจะฝ่าลมหิมะเดินผ่านทุ่งน้ำแข็งมายัง ‘ดินแดนในอุดมคติ’ แห่งหนึ่ง
ว่ากันว่าดินแดนแห่งอุดมคตินั้นเกิดจากภูเขาที่ทอดตัวยาว ท่ามกลางดินแดนหิมะ แต่ยอดเขากลับมีน้ำพุร้อนที่ผุดขึ้นตามธรรมชาติอยู่
จิ้งจอกเงินบังเอิญมาล่าสัตว์ยามฤดูหนาวแล้วพบที่นี่เข้า มันตั้งอยู่ในเขตแดนของแคว้นเจา ทว่าเป็นที่ที่ไร้เจ้าของ มันแช่แข็งเป็นเวลาหลายเดือนในแต่ละปี ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ป้อมปราการชายแดนถือว่าที่นี่เป็นเทือกเขาธรรมดา
จิ้งจอกเงินแอบสร้างค่ายบนภูเขาเอาไว้ที่นี่อย่างลับๆ แม้แต่ยี่อ๋องยังเพิ่งจะมาเป็นครั้งแรก
เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวเข้าประตูค่ายต้องข้ามสะพานไม้เสียก่อน
รถม้าเคลื่อนอยู่บนสะพาน ยี่อ๋องถามจิ้งจอกเงินด้วยความพะว้าพะวังเต็มอก “ที่นี่ปลอดภัยจริงๆ น่ะหรือ”
จิ้งจอกเงินปัดเกล็ดหิมะที่โปรยปรายมาตกบนเสื้อกันลมจิ้งจอกเงินของตัวเองอย่างไม่ระวัง ก่อนยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน “ท่านลุงโปรดวางใจ ที่นี่มีเขาหลายลูกเชื่อมต่อกันทั้งสูงทั้งอันตราย ภูมิประเทศซ่อนเร้น ตอนขามาเมื่อครู่ก็มีหิมะตกยกใหญ่ รอยเท้าของพวกเราถูกกลบมิดไปหมดแล้ว กองทัพตระกูลกู้ไม่มีทางตามมาได้แน่นอน”
ด้านล่างสะพานไม้เป็นหุบเหวลึกหมื่นจั้ง ยี่อ๋องเลิกม่านขึ้นมองเหมือนผีเป่าหู ทำเอาเกือบจะขวัญบินหายลับไป!
หากสะพานไม้ขาดละก็ พวกเขาคงได้ร่างแหลกลาญกันหมดแน่!
จนกระทั่งทุกคนข้ามสะพานไม้ไปแล้ว ยี่อ๋องที่ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ จึงได้คลายลง
ทว่าครู่ต่อมา เขาก็ได้ยินหลานชายตัวเองเอ่ยขึ้น “เฟิงสือ ฟันสะพานไม้!”
ยี่อ๋องตกใจยกใหญ่ “เจิงเอ๋อร์ เจ้าฟันสะพานทำไม! เจ้าอยากจะถูกขังไว้ที่นี่ตลอดไปรึ!”
จิ้งจอกเงินแย้มยิ้มปลอบขวัญ เอ่ยกับยี่อ๋อง “ท่านลุง นายน้อยกู้ฉังชิงแห่งกองทัพตระกูลกู้เจ้าเล่ห์เพทุบายนัก ข้ากลัวว่าเขาจะพบเบาะแสอะไรแล้วตามมาที่นี่ได้”
ยี่อ๋องขมวดคิ้วเอ่ย “แต่ไหนเจ้าบอกว่าไม่มีทางทิ้งร่องรอยอะไรแล้วมิใช่รึ”
“นี่เป็นวิธีที่ป้องกันไว้ดีกว่าแก้น่ะพ่ะย่ะค่ะ” จิ้งจอกเงินอมยิ้มอธิบาย “ส่วนเส้นทางลงจากเขานั้น ท่านลุงยิ่งไม่ต้องห่วงเลย ในค่ายมีทางลับอยู่ เป็นทางจากยอดเขาทะลุไปด้านนอก แม้แต่ข้ายังไม่เคยใช้ นั่นต่างหากที่เป็นทางหนีทีไล่ที่แท้จริงของพวกเรา”
ยี่อ๋องได้ยินก็พรูลมหายใจโล่งอกออกมาอีกครั้ง ทว่าชั่วขณะที่ฟันสะพานไม้ เขาก็ยังกังวลขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุอีกอยู่ดี
เขาอธิบายความกังวลนี้ไม่ถูกว่ามันมาจากตัวสะพานไม้ หรือมาจากอะไรกันแน่
สายตาเขาตกลงบนร่างทหารแคว้นเจาผู้นั้นโดยไม่รู้ตัว
ในรถม้ามีกระถางถ่านอยู่ จึงอบอุ่นกว่าข้างนอกไม่น้อย น้ำแข็งบนเกราะของทหารแคว้นเจาผู้นี้ละลายแล้ว น้ำเจิ่งนองอยู่ใต้ร่าง
หน้ากากบนหมวกเขาคงจะถูกดึงออกตอนขณะที่กำลังต่อสู้ ด้านล่างหน้ากากของหมวกยังมีหน้ากากอนามัยอีกชิ้นสวมไว้ เพียงแต่ถูกจิ้งจอกเงินใช้มือดึงลงมาแล้ว
เขานอนตะแคงข้าง จึงเผยปานตรงใบหน้าข้างซ้ายออกมา
ยี่อ๋องขมวดคิ้วมุ่นขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านลุง พวกเราถึงแล้ว” จิ้งจอกเงินเอ่ยกับยี่อ๋อง จากนั้นเขาก็พบว่าสายตาที่ยี่อ๋องจ้องเด็กหนุ่มคนนั้นมันแปลกๆ จึงถามต่อ “ท่านลุงเป็นอะไรหรือ”
“ข้าเอาแต่รู้สึกว่าพวกเราควรจะฆ่าเขาเสีย” ยี่อ๋องมองกู้เจียวพลางเอ่ย
จิ้งจอกเงินยิ้มเอ่ย “หากเขาไร้ประโยชน์ จะฆ่าเขาก็ไม่สาย”
“ฝ่าบาท ควรลงรถม้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ทหารคนหนึ่งนอกรถม้าเอ่ยทูล
ยี่อ๋องดึงสายตากลับจากร่างกู้เจียว ก่อนจะลุกขึ้นลงจากรถม้า
จิ้งจอกเงินลงจากรถแล้วก็เอ่ยกับคนสนิท “เฟิงสือ”
เฟิงสือประสานมือ “ใต้เท้า”
จิ้งจอกเงินสั่งการนิ่งๆ “พาตัวคนลงไป หาห้องให้อยู่ แล้วค่อยให้หมอมาดูเขา อย่าให้เขาตายล่ะ”
เฟิงสือเอ่ย “ขอรับ!”
จิ้งจอกเงินหยุดเว้น ก่อนเอ่ยเตือน “แล้วก็ เขาค่อนข้างมีฝีมือ ระวังจะถูกลอบเล่นงานด้วย”
เฟิงสือประสานมือ ขานรับอย่างเคารพนบนอบ “ข้าน้อยทราบดีว่าควรทำเช่นไร”
ยอดเขามีน้ำพุร้อนทั้งหมดสองบ่อ ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เรือนของจิ้งจอกเงินตั้งอยู่ที่บ่อเล็ก
จิ้งจอกเงินเลือกไปส่งยี่อ๋องที่เรือนก่อน เมื่อยี่อ๋องพักเรียบร้อยจึงกลับมายังเรือนตน
ทั้งนอกทั้งในตัวเรือนมีทหารเฝ้ายามแน่นหนา
จิ้งจอกเงินมองไปยังทหารสองนายหน้าประตู ก่อนถาม “องค์หญิงอยู่ที่นี่หรือ”
หนึ่งในนั้นเอ่ย “เรียนใต้เท้า องค์หญิงอยู่ที่นี่มาโดยตลอดขอรับ”
จิ้งจอกเงินเอ่ยอีก “ไม่ได้ออกไปไหนเลยหรือ”
ทหารส่ายหน้า “ไม่เลยขอรับ”
นี่เป็นค่ายทหารที่บรรจุกองทัพได้หนึ่งหมื่นนาย สถานที่กว้างขวางพอดู และไม่มีใครจำกัดอิสระขององค์หญิงหนิงอัน แต่นางไม่ออกไปเดินเล่นเลย
จิ้งจอกเงินพยักหน้าคล้ายกำลังคิดบางอย่างอยู่ “ทราบแล้ว พวกเจ้าเฝ้าเรือนไว้ให้ดี มีความเคลื่อนไหวใดให้มารายงานข้าตลอด”
“ขอรับ!”
ทุกคนขานรับโดยพร้อมเพรียง
จิ้งจอกเงินเดินเข้าเรือนไป
อีกด้านหนึ่ง เฟิงสือพากู้เจียวมาพักไว้ในห้องไม้เล็กๆ ห้องหนึ่ง
ตะกร้าเล็กๆ ของกู้เจียวก็ถูกทหารคนหนึ่งถือไว้
“รองแม่ทัพเฟิง ให้จัดการอย่างไรกับตะกร้าใบนี้ดี” ทหารคนนั้นถาม
ตะกร้าใบนี้เฟิงสือเป็นคนขุดออกมาจากกองหิมะด้วยตัวเอง รวมถึงหอกพู่แดงที่ส่งมอบให้ใต้เท้าด้วย ใต้เท้าเอาไปแค่หอกพู่แดง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เห็นตะกร้าใบนี้อยู่ในสายตา
เฟิงสือมองแวบหนึ่ง นอกจากอาหารแห้งแข็งๆ แล้วก็มีกล่องเก่าๆ ใบเล็กๆ อีกใบ
กล่องใบนี้เต็มไปด้วยกลิ่นยาสมุนไพรจางๆ น่าจะเป็นกล่องยา
“เอาไปให้หมดแล้วกัน” เฟิงสือเอ่ย ก่อนหยุดเว้นแล้วเอ่ยต่อ “ช่างเถิด เอากล่องนั้นมาให้ข้า”
เกิดด้านในมีสมุนไพรมีค่าอะไรอยู่
“ขอรับ” ทหารส่งกล่องยาให้เฟิงสือ ส่วนตัวเองหอบตะกร้าใบน้อยออกไป
เฟิงสือส่งคนให้ไปตามหมอที่ติดตามมาด้วย
เฟิงสือใช้ช่วงที่หมอยังมาไม่ถึง ลองเปิดกล่องยาใบน้อยนี้ดู จนใจที่ไม่ว่าจะง้างอย่างไรก็ไม่ออก
เขาลูบฝากล่องดู พลางเอ่ยอย่างแปลกใจ “ก็ไม่ได้กลัดอะไรไว้นี่นา”
เขาชักกริชออกมา แซะเข้าซอกใต้ฝากล่อง แล้วลองงัดฝากล่องดู
ก็ได้ยินเสียงเป๊าะดังขึ้น กริชของเขาหัก แต่ฝากล่องกลับยังไร้รอยขีดข่วน
“นี่มันกล่องบ้าอะไรกัน!” เฟิงสือลุกขึ้นยืน ใช้เท้าเตะกล่องยาใบน้อยอย่างหัวเสีย แล้วมองกริชที่หักอยู่ในมือ ก่อนเอ่ยอย่างเจ็บใจ “กริชที่ใต้เท้ามอบให้เชียวนะ…ยังใช้ไม่ถึงสองครั้งเลย…”
ในขณะที่กำลังพึมพำ หมอก็ถูกทหารพาตัวมาถึง
เฟิงสือชักคมกริชที่หักอยู่ในซอกกล่องออกมา ก่อนจะเดินปึงปังพร้อมทั้งก่นด่าหมายจะไปดูว่าจะซ่อมกริชได้หรือไม่
เขาเดินไปได้สองก้าวก็ย้อนกลับมาอีก แล้วโยนกล่องเน่าๆ ที่มาหักกริชเขาลงเข้ากระถางไฟไป!
ส่วนกู้เจียวที่นอนอยู่บนเตียง เฟิงสือก็ไม่เคยเห็นใครตัวแข็งจนขนาดนี้แล้วยังช่วยชีวิตกลับมาได้อยู่อีก แต่ในเมื่อใต้เท้ามีคำสั่ง เฟิงสือจึงหาเชือกมามัดแขนมัดขากู้เจียวไว้
หมอเข้ามาในห้อง แล้วคำนับให้เฟิงสือ
เฟิงสือเสียงเย็น “ใต้เท้าสั่งว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยชีวิตเขาคืนมาให้ได้ เจ้ามียาดีอะไรก็เอามาใช้ให้หมดล่ะ”
“ขอรับ ข้าน้อยทราบแล้ว” หมอขานรับ
เฟิงสือออกไปซ่อมกริช ส่วนหมอเดินมาข้างเตียง วางกล่องยาตัวเองไว้บนโต๊ะเล็กๆ ตรงหัวเตียง
เนื่องเพราะอีกฝ่ายเป็นทหาร จึงไม่ต้องถือเรื่องชายหญิงอะไรมาก หมอจึงนั่งลงข้างเตียงทันที
สองมือกู้เจียวถูกมัดพาดไว้บนลำคอตัวเอง
หมอไม่กล้าแก้มัดให้นาง จึงจับชีพจรนางมันทั้งอย่างนั้น
ไม่จับดูก็แล้วไปเถอะ พอได้จับดูแล้วจึงตกใจยกใหญ่
“นะ…นี่…”
เป็นสตรี!