สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 521 จบสิ้น (1)
บทที่ 521 จบสิ้น (1)
ขณะที่กู้เจียวกำลังเล็งเป้าจะฟันคอของหวงฝู่เจิง อีกฟากหนึ่งของการต่อสู้ ทหารนายหนึ่งคว้าตัวหมอถงไว้และใช้มีดจี้ไปที่คอของเขา
“วางมือเสีย! ไม่เช่นนั้นเจ้าหมอนี่ตายแน่!”
กู้เจียวหันกลับไปมองด้วยสายตาอำมหิตจนทหารคนนั้นถึงกับตัวหด ก่อนจะเล็งทวนพู่แดงแล้วยิงทะลุกะโหลกของทหารอย่างไม่รอช้า!
หมอถงรู้สึกได้ถึงของเหลวร้อนๆ ถูกเข้าบริเวณใบหน้า เขายืนหลับตาตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าสิ่งนั้นมันคือเลือดหรือของเหลวจากสมองกันแน่!
หวงฝู่เจิงตกตะลึงกับภาพที่เขาเห็น
แม้เขาจะรู้ว่าคนทีล่าหมาป่าได้ฝีมือคงไม่ธรรมดา แต่คาดไม่ถึงว่าจะใจโฉดและเด็ดเดี่ยวได้ถึงเพียงนี้!
วินาทีที่นางถูกข่มขู่ เขาแทบไม่เห็นสายตาของความลังเลจากนางเลยแม้แต่นิด และในช่วงเวลานั้นเอง ที่เขารู้สึกได้ถึงเลือดที่พลุ่งพล่านในร่างกายของเขา ทั้งความรู้สึกตื่น ทั้งหวาดกลัว และรู้สึกชื่นชมในคราวเดียวกัน
หวงฝู่เจิงมองกู้เจียวด้วยสายตาราวกับไม่เชื่อสิ่งที่กำลังเห็นอยู่ตรงหน้า
กู้เจียวใช้เท้าขยี้บนแผ่นอกของเขาจนซี่โครงหักทันที พร้อมกับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก!
เขารู้สึกเจ็บจนสั่นไปทั้งร่าง
แววตาของกู้เจียวที่มองเขา ทั้งว่างเปล่าและไร้อารมณ์ใดๆ
การฆ่าไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ที่น่ากลัวคือการฆ่าอย่างเลือดเย็นต่างหาก
หวงฝู่เจิงรู้จักคำว่าขวัญกระเจิงก็ตอนวินาทีนี้
เพียงแค่กู้เจียวออกแรงเหยียบอีกนิด ซี่โครงของเขาก็จะทะลุเข้าไปในปอด
และในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หวงฝู่เจิงเลือกที่จะเบนความสนใจไปที่องค์หญิงหนิงอัน
องค์หญิงหลบหน้าเขา
“หนิงอัน” เขาเอ่ยเรียกชื่อนางขณะที่กดความเจ็บปวดเอาไว้
องค์หญิงหนิงอันกลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้ว่านางจะได้ยินเขาหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือนางไม่หันกลับมามองเขาเลยแม้แต่นิด
จู่ๆ หวงฝู่เจิงก็โพล่งหัวเราะออกมา “ครั้งหนึ่งยี่อ๋องทรงเคยตรัสกับข้าไว้ว่า หากพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ จะทรงแต่งตั้งให้ข้าขึ้นเป็นองค์รัชทายาท และเมื่อถึงเวลานั้น เจ้าก็จะเป็นฮองเฮาของข้า”
“หนิงอัน เป็นฮองเฮาไม่ดีตรงไหนหรือ ไยเจ้าถึงไม่ต้องการ”
“พวกมันเป็นผู้ปลิดชีวิตเสด็จแม่ของเจ้า เป็นศัตรูของเจ้า แต่เจ้ากลับเลือกที่จะไปอยู่กับพวกมัน และละทิ้งตำแหน่งฮองเฮาของเจ้าไปอย่างนั้นรึ”
“หนิงอัน”
“พูดจบยัง” กู้เจียวเอ่ยเสียงต่ำ
หวงฝู่เจิงไอออกมาเป็นเลือด ละสายตาออกจากองค์หญิง ก่อนจะหันมาถากถางกู้เจียว “เจ้าคิดหรือว่ากำจัดข้าแล้วพวกเจ้าจะหนีรอดไปได้น่ะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าอุทิศตนสร้างอุโมงค์ลับนี่ไปมากแค่ไหน ไม่ว่าใครหน้าไหนอย่าได้คิดออกไปจากที่นี่โดยเด็ดขาด!”
“รวมถึงองค์หญิงด้วยรึ”
คราวนี้หวงฝู่เจิงเริ่มได้ยินเสียงที่ฟังดูเหมือนเสียงสตรีมากขึ้นของกู้เจียวแล้ว เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่ต้องการใส่ใจในเรื่องนั้น “ใช่ รวมนางด้วย”
“ขนาดกำลังจะตายแล้วยังไม่ยอมปล่อยพระองค์ไปอีก นี่คือวิธีที่เจ้าปฏิบัติต่อพระองค์อย่างนั้นรึ”
หวงฝู่เจิงกัดฟันแล้วเอ่ยตอบ “หากเจ้ายอมมอบยาให้ข้า ข้าก็ไม่ตาย และหนิงอันก็จะไม่สูญเสียสามีไป”
“อ้อ เจ้าคิดว่าเป็นความผิดของข้าหรือ” กู้เจียวเอียงศีรษะลงอย่างเฉยเมย มองเขาแล้วเอ่ย “โรคระบาดน่ะ มันมาจากเจ้าต่างหาก”
หวงฝู่เจิงถึงกับพูดไม่ออก
สิ่งที่เขาสร้างขึ้นเพื่อทำลายผู้อื่นกำลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเองต่างหาก
หวงฝู่เจิงเต็มไปด้วยความสาหัสทั้งทางกายและจิตใจ สักพักเขากระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“ปล่อยให้เขาดับสูญไปเองเถิด!” องค์หญิงหนิงอันหันกลับมาพร้อมกับน้ำเสียงที่ข่มอาการสั่นไว้ไม่อยู่ “ในเมื่อเขาติดเชื้อแล้ว อย่างไรคงอยู่ได้ไม่นาน”
หวงฝู่เจิงเบิกตาโตหลังจากที่ได้ยินคำตัดพ้อของนาง!
วินาทีถัดมา เขาก็ได้ยินนางเอ่ยอีกครั้ง “พอพวกเราข้ามสะพานได้ จงรีบตัดสะพาดให้ขาดเลยนะ”
สะพานนี้เป็นเส้นทางเดียวในอุโมงค์ลับ หากถูกตัดลง จะไม่สามารถออกไปจากอุโมงค์แห่งนี้ได้
หวงฝู่เจิงชักสีหน้า “…หนิงอัน ไยเจ้าต้องบีบข้าเช่นนี้”
“แม่นางกู้ ไปกันเถอะ!” องค์หญิงหนิงอันเดินออกจากถ้ำโดยไม่หันหลังกลับ
กู้เจียวเดินไปหยิบทวนพู่แดงออกมา
หวงฝู่เจิงมองแผ่นหลังองค์หญิงที่กำลังเดินจากไป “ข้าเคยบอกแล้วว่าไม่มีทางที่พวกเจ้าจะหนีพ้นหรอก! มีเพียงข้าผู้เดียวที่สามารถออกไปจากอุโมงค์นี้ได้! ไม่เชื่อพวกเจ้าก็ลองดู!”
ขณะที่เท้าข้างหนึ่งขององค์หญิงเหยียบขึ้นไปบนสะพานแขวน
พอสิ้นคำของหวงฝู่เจิงก็เกิดลังเลขึ้นมาครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่สนใจและเดินไปข้างหน้าต่อ
และแล้ว เรื่องที่ไม่คาดคิดก็ได้บังเกิดขึ้น
แรงสั่นสะเทือนบางอย่างเกิดขึ้นจนสะพานแขวนเริ่มแกว่ง ปรากฏหน้าผ้าที่อยู่อีกฟากเริ่มเขยื้อนสั่นราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังแตกออก และทันใดนั้นสิ่งที่ดูเหมือนเป็นประตูหินได้ถูกเปิดออก
เสียงโครมครามดังขึ้น ปรากฏร่างของทหารหน่วยกล้าตายที่อยู่ในสภาพบ้าคลั่งเดินออกมาจากประตูนั้น
ร่างของชายผู้นั้นสูงและกำยำพอๆ กับหมาป่ายักษ์ รวมถึงจิตสังหารของเขาก็เช่นกัน
แววตากู้เจียวเริ่มเย็นวาบ
นี่มัน…
หวงฝู่เจิงยิ้มอย่างเย็นชา “ใช่แล้ว นี่ล่ะเจ้าหมาป่ายักษ์ของข้า เจ้าคิดหรือว่าข้าจะมีมือดีแค่คนเดียว แม้ว่ามันจะไม่ทรงพลังเท่าเจ้าหมาป่ายักษ์ตัวก่อน แต่เจ้านี่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าใครเลย พลังของมันเพียงพอจะล้มเจ้าได้สบายๆ เลยล่ะ!”
กู้เจียวเริ่มมีอาการเหนื่อยหอบและหายใจติดขัด
ตอนที่นางต่อสู้กับหวงฝู่เจิงก็แทบจะใช้พลังกายไปจนหมดแล้ว เพิ่มเจ้าหมาป่ายักษ์นี่เข้าไปอีกเกรงว่าคงจะหมดหวังชนะแล้ว
หวงฝู่เจิงกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “ส่งยามาให้ข้า แล้วศพของเจ้าจะครบสามสิบสอง”
“อย่าทำร้ายนางเด็ดขาด!” องค์หญิงหนิงอันรีบย่ำเท้ามาทางกู้เจียว
“จัดการมัน!” หวงฝู่เจิงออกคำสั่ง
การเคลื่อนไหวของทหารหน่วยกล้าตายเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เขาวิ่งผ่านสะพานแขวนแทบจะในพริบตาเดียว ผ่านองค์หญิงหนิงอัน และมาถึงด้านหลังกู้เจียว
เขาคว้าลำคอกู้เจียว พยายามจะยกร่างของนางขึ้น และในวินาทีที่เขากำลังจะออกแรง จู่ๆ ปรากฏร่างกำยำของใครบางคนวิ่งข้ามสะพานแขวนมาด้วยความเร็วสูง
ทันใดนั้น ลำดาบยาวอันแหลมคมฟันเข้าที่หลังของเขา!
เขาหลบไม่ทัน ทำให้ชุดเกราะของเขาถูกกระแทกอย่างแรงและเกิดรอยแตกร้าว
และในจังหวะเดียวกันนั้น กู้เจียวใช้ช่องโหว่นี้ในการยกเท้าถีบหน้าอกของเขาจนร่างของนางหลุดพ้นจากมือของเขา!
แม้แรงของกู้เจียวจะไม่ทำให้เขาบาดเจ็บ แต่ก็พอที่จะกระตุกต่อมเดือดของเขา
ทหารหน่วยกล้าตายยกมือขึ้นและพยายามคว้าร่างกู้เจียว และในตอนนั้นเองที่กู้ฉังชิงวิ่งเข้ามาตัดหน้าแล้วใช้ดาบฟันเข้าที่ข้อมือของเขา
เกราะที่ข้อมือของหน่วยกล้าตายถูกฟันจนร้าวแตก
จากนั้นกู้ฉังชิงคว้าเอวของกู้เจียวไว้ เขย่งปลายเท้า ก้าวถอยหลังสิบก้าวมายังบริเวณปากถ้ำ
แม้มือถือดาบ แต่เขากลับมองผู้เป็นน้องด้วยแววตาที่อ่อนโยน “เจ้าเดินไหวไหม ข้ามสะพานไปก่อนแล้วรอข้าที่นั่น”
กู้เจียวพยักหน้า
กู้เจียวแทบไม่ต้องกังวลกับพวกทหารลูกสมุนที่เหลือ เพราะพวกเขาพากันขวัญผวากันตั้งแต่ที่นางชักทวนขึ้น จนไม่มีใครกล้าเข้าไปขวางทางนางแม้แต่คนเดียว
กู้เจียว องค์หญิงและคนอื่นๆ พากันเดินข้ามสะพานแขวน
“จับพวกมันไว้!” หวงฝู่เจิงตะโกนลั่น
กู้ฉังชิงถือดาบยาวในมือ จ้องเขม็งไปยังทหารหน่วยกล้าตายที่วิ่งมาหาเขาด้วยสายตาเย็นชา พร้อมเอ่ยกับกู้เจียว “รีบขึ้นสะพาน อย่าย้อนกลับมาเป็นอันขาด”
“ตกลง”
กู้เจียวไม่ได้หันกลับไป
และเดินนำไปยังบนสะพานแขวน
ตามมาด้วยองค์หญิงเหลียนเอ่อร์
และหมอถง
แต่หมอถงกลัวความสูงนี่นา!
คราวนี้ไม่ใช่บ่อน้ำแบบเมื่อครู่นี้แล้ว แต่เป็นหุบเหวลึก!
ที่แย่ไปกว่านั้นคือสะพานนี้มันโยกได้!
ฮือ ฮือ ฮือ!
ข้าช่างโชคร้ายแท้
“มันมากันแล้ว!” กู้เจียวเอ่ย
“อ๊ากกก!” หมอถงได้ยินดังนั้นก็รีบตีปีกสับเท้าข้ามสะพานแขวนจนกลายเป็นคนแรกที่ไปถึงหน้าผาฝั่งตรงข้าม!
เสียงต่อสู้ยังคงดังมาจากด้านหลัง สายลมเย็นพัดพาจากถ้ำตรงไปยังทิศทางของสะพานแขวนจนกู้เจียวได้กลิ่นเลือดอันแสนรุนแรง ไม่รู้ว่ากลิ่นนั้นเป็นของศัตรูหรือกู้ฉังชิง