สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 563-2 สมบูรณ์แบบ (2)
บทที่ 563 สมบูรณ์แบบ (2)
หลังจากจัดแจงห้องหับให้ฮวาซีเหยาเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาก็ร่วมกันประเมินดัชนีความเสี่ยงของบรรดาคนที่เกี่ยวข้องกับคดีที่หลงเหลืออยู่ จากน้อยไปมากก็คือเซียวฮองเฮา ฮ่องเต้ และเจ้ากรมสิง
เซียวฮองเฮากำลังสืบคดีนี้ ยิ่งนางรู้เบื้องลึกเบื้องหลังน้อยเท่าไรก็ยิ่งปลอดภัยกับนางมากขึ้นเท่านั้น สิ่งที่องค์หญิงหนิงอันต้องการคือให้นางเดินผิดทาง ทว่าหากนางรู้ว่าคนร้ายที่แท้จริงคือใครเมื่อใด สถานการณ์ก็จะอันตรายขึ้นมาในทันที
นี่คือเหตุผลที่เซียวเหิงยังไม่บอกให้นางรู้เรื่องราวหลังม่านในตอนนี้
ยามนี้ฮ่องเต้ตกอยู่ในเงื้อมมือขององค์หญิงหนิงอันแล้ว ยากจะรับประกันความปลอดภัยของเขา หากเขาตายไปตอนนี้ ผลประโยชน์ต่างๆ ที่หนิงอันจะได้รับก็หายไปเช่นกัน ก่อนจะรีดผลตอบแทนจากฮ่องเต้ได้จนหมด หนิงอันไม่มีทางลงมือกับเขาแน่นอน
เพียงแต่ไม่รู้ว่านางจะรีดต่อไปนานอีกแค่ไหน
ด้วยเหตุนี้เจ้ากรมสิงจึงอาจเป็นคนที่ถูกลงมีดคนแรก
วันต่อมาศาลต้าหลี่ได้รับมอบหมายให้สืบสวนเหตุซุนผิงลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ เจ้ากรมสิงยังคงยืนยันว่าซุนผิงโดนใส่ร้าย หวังว่าศาลต้าหลี่จะทวงคืนความยุติธรรมมาให้ซุนผิงได้
โชคดีที่เจ้ากรมสิงเป็นถึงขุนนางชั้นโท เว้นเสียแต่ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ลงโทษเขา ศาลต้าหลี่ก็ไม่มีอำนาจลงโทษใดๆ กับเขา
แต่หากจะมัวแต่รอเวลาก็ใช่เรื่อง
ระหว่างที่ศาลต้าหลี่กำลังร้อนเป็นไฟเพราะหาหลักฐานทำคดีไม่ได้ ก็มีนักการกรมยุติธรรมคนหนึ่งมายังศาลต้าหลี่ แจ้งว่าผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งที่ถูกคุมขังอยู่ที่กรมยุติธรรมมีหลักฐานเกี่ยวกับคดีนี้อยู่ในมือ
ศาลต้าหลี่รีบเรียกตัวคนผู้นั้นมายังห้องสอบสวน
เจ้ากรมสิงเองก็อยู่ที่นั่น
เจ้ากรมสิงไม่คาดคิดเลยแม้แต่นิดว่าผู้มาเยือนจะคือผู้ช่วยเจ้ากรมหลี่
ผู้ช่วยหลี่ถูกวางกับดับเพราะสืบคดีหอเซียนเล่อ เขาถูกตั้งข้อหาฆ่าคน แต่เพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพลิกคดีได้ เข้าจึงถูกคุมขังอยู่ที่กรมยุติธรรมเป็นการชั่วคราว
เจ้ากรมสิงวางแผนไว้ในใจแล้ว รอให้เขาคลี่คลายคดีหอเซียนเล่อได้สำเร็จ เขาจะปล่อยตัวผู้ช่วยหลี่ออกมา
“คำนับใต้เท้าทั้งสอง” ผู้ช่วยหลี่ประสานมือคำรับทั้งสองคน
ขุนนางศาลต้าหลี่เอ่ย “ไม่ต้องมากพิธีหรอก ข้าได้ยินมาว่าผู้ช่วยหลี่มีหลักฐานอยู่ในมืออย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้วขอรับ” สายตาของผู้ช่วยหลี่จ้องตรงไปที่พื้นตรงหน้าไม่ไหวติง “อันที่จริงข้าน้อยรู้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือใคร”
“เอ๊ะ”
“ซุนผิงเป็นแค่เครื่องมือ ผู้ร้ายตัวจริงคือคนอื่น นั่นก็คือ…” จู่ๆ ผู้ช่วยหลี่ก็พลันชะงักไป
เจ้ากรมสิงสังหรณ์ใจว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น
ผู้ช่วยหลี่รวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ย “ใต้เท้าสิง ขออภัยยิ่งนัก ท่านอุตส่าห์ฝึกปรือข้ามาหลายต่อหลายปีแต่ข้ากลับทำให้ท่านต้องผิดหวัง แต่ข้าน้อยปิดบังเรื่องนี้ให้ท่านต่อไปไม่ได้แล้ว”
เจ้ากรมสิงมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “ผู้ช่วยหลี่!”
ผู้ช่วยหลี่ไม่สบตาเขา แต่กลับยื่นจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นให้ขุนนางศาลต้าหลี่ “นี่คือหลักฐานที่ชี้ว่าใต้เท้าสิงกับซุนผิงสบคบคิดกัน ญาติผู้พี่ของซุนผิงนามว่าซุนเจียนเป็นนักเลงหัวไม้ ครั้งหนึ่งใต้เท้าสิงเจอโจรปล้นระหว่างทางออกนอกเมือง ซุนเจียนเป็นอริกับคนพวกนั้น จึงถือโอกาสหาเรื่องชกต่อยคนพวกนั้นไปด้วย แต่ใครจะไปคิดว่าพอใต้เท้าสิงเห็นเช่นนั้น ใต้เท้าสิงกลับพาพวกเขาสองพี่น้องเข้ามาทำงานเป็นนักการในกรมยุติธรรม ซุนผิงยังนับว่าเอาการเอางาน แต่ซุนเจียนนั้นยังคงนิสัยอันธพาลเช่นเดิม ใต้เท้าสิงต้องใช้หนี้แทนเขาหลายต่อหลายครั้ง นี่คือสัญญายืมเงืนและจดหมายสำนึกผิดของซุนเจียน”
“ทว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน ใต้เท้าสิงได้ให้เงินก้อนใหญ่กับซุนผิง เพื่อวานให้ซุนผิงทำธุระสำคัญอย่างหนึ่งแทนตน ข้าน้อยเข้าเวรจึงบังเอิญได้ยินเข้า ใต้เท้าสิงกำชับเขา บอกว่าเรื่องนี้สำคัญยิ่งนัก ต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับจากซุนเจียน ข้าน้อยยังได้ยินซุนผิงตอบอีกว่า หากข้าไม่กลับมา ขอใต้เท้าโปรดดูแลญาติผู้พี่แทนข้าด้วย พี่ชายของข้าแม้จะติดพนัน แต่เขาก็พยายามกลับตัวกลับใจ ทั้งยังดีกว่าก่อนมากแล้ว”
ขุนนางศาลต้าหลี่เอ่ย “เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกตั้งแต่แรก”
ผู้ช่วยหลี่เอ่ยอย่างจนใจ “พวกเราคือกรมยุติธรรม มักจะสืบคดีลับเป็นประจำ ข้านึกว่าซุนผิงถูกส่งไปสืบคดีใหญ่ที่อาจเป็นภัยคุกคามถึงตัวได้ นั่นไม่ใช่เรื่องที่ข้าควรซักไซ้อยู่แล้ว ข้าจึงไม่ได้เก็บเอามาคิด แต่เช้านี้ข้าได้ยินนักการนอกห้องขังพูดกันว่าฝ่าบาทถูกลอบปองพระชนม์ คนร้ายคือซุนผิง ข้าถึงได้นึกเรื่องนี้ขึ้นได้”
สิ่งที่ทำให้คนเราเจ็บปวดที่สุดนั้นมิใช่คมมีดของศัตรู แต่เป็นศรธนูของมิตร
“เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้”
“ใต้เท้า หรือว่าที่ข้าพูดนั้นไม่ใช่เรื่องจริง”
ไอ้จริงมันก็จริงอยู่หรอก เพียงแต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของความจริง
เจ้ากรมสิงได้วานให้ซุนผิงทำธุระสำคัญอย่างหนึ่งก็จริง ทั้งยังให้ตั๋วเงินกับซุนผิงไปหลายใบด้วย แต่เขาก็แค่ต้องการช่วยเหลือครอบครัวของนักการที่ตายไปแล้วก็เท่านั้น
นักการคนนั้นถูกคนร้ายแก้แค้นจนต้องตายเพราะสืบคดีฆาตกรรมคดีหนึ่ง เจ้ากรมสิงรู้สึกผิดมาตลอด คิดว่าตัวเองปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ดีพอ
แต่ใครจะไปรู้ว่าซุนผิงยังไม่ทันได้ส่งตั๋วเงินก็ดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
ก็อย่างที่ว่าละนะ คนมันจะซวย แม้แต่ดื่มน้ำยังติดฟันได้
ศาลต้าหลี่มองเจ้ากรมสิงด้วยความสับสัน ก่อนจะเอ่ยกับผู้ช่วยหลี่ “เช่นนั้นแล้วหมายความว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารฮ่องเต้คือเจ้ากรมสิงอย่างนั้นหรือ”
ผู้ช่วยหลี่ตอบ “หมายความว่าคนที่สั่งการซุนผิงคือเจ้ากรมสิง แต่คนที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนั้นไม่ใช่เขา เจ้ากรมสิงเพียงแค่เป็นมือเป็นเท้าแทนใครบางคน”
เมื่อคำนั้นพูดออกไป ไม่ใช่เพียงแค่เจ้ากรมสิงที่งงเป็นไก่ตาแตก แม้แต่ขุนนางศาลต้าหลี่ยังตกตะลึง
ขุนนางศาลต้าหลี่เอ่ยสีหน้าจริงจัง “ยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังอีกหรือ คนที่อยู่หลังม่านการลอบสังหารตัวจริงคือผู้ใดกันแน่”
ผู้ช่วยหลี่หลับตาลงสีหน้าทุกข์ใจ ราวกำลังตัดสินใจทำการยิ่งใหญ่ เขาเอ่ย “คือไทเฮาขอรับ”
เจ้ากรมสิงกำหมัดก่อนจะต่อยผู้ช่วยหลี่จนล้มลงไปกับพื้น
…
ในบรรดาจดหมายจากจวงไทเฮาถึงเจ้ากรมสิงที่ผู้ช่วยหลี่ส่งมอบให้นั้น บางฉบับมิใช่ลายมือของจวงไทเฮาด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นก็พอเข้าใจได้ เพราะอาจกลัวว่าจะความแตก ไทเฮาฉลาดเป็นกรดเสียปานนั้น จะทิ้งลายมือของตัวเองไว้ได้อย่างไร
นางไม่ใช้แม้แต่ลายมือของคนข้างกาย
ทว่าจดหมายทุกฉบับหากไม่ใช้ขี้ผึ้งปิดผนึก ก็ต้องมีตราประทับหงส์ของจวงไทเฮาเด่นหรา
เนื้อความในจดหมายชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมนกสองหัวของเจ้ากรมสิงและไทเฮาที่กระทำต่อฮ่องเต้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยจดหมายฉบับสุดท้ายเขียนขึ้นเมื่อเจ็ดวันก่อน จวงไทเฮาบอกว่านางอดทนกับฮ่องเต้มานานพอแล้ว ฮ่องเต้เป็นปรปักษ์กับนางมาหลายปี แต่ก็ยังหาทางโค่นนางไม่ได้ จึงใช้แผนลูกกตัญญูหลอกให้นางตายใจ
นางนึกว่าฮ่องเต้คลายความคลางแคลงใจที่มีต่อนางไปจนสิ้นแล้ว ทั้งยังคิดว่าฮ่องเต้จะมอบอำนาจปกครองในมือให้แก่นาง
แต่ใครจะไปคาดคิดกันว่าฮ่องเต้กลับกำลังวางแผนกำจัดนาง
ในเมื่อฮ่องเต้เล่นสกปรก ก็อย่าหาว่านางไร้คุณธรรม
นางจะเอาชีวิตฮ่องเต้
เรื่องราวถูกแต่งขึ้นอย่างเผ็ดร้อน หากเจ้ากรมสิงไม่รู้ว่านี่คือแผนจัดฉากที่ใช้เล่นงานตนเอง เกรงว่าเขาเองก็คงเชื่ออย่างสนิทใจไปแล้ว
จดหมายทั้งหมดล้วนแต่จดหมายที่จวงไทเฮาเขียนส่งมา แต่ไม่มีจดหมายตอบกลับจากเจ้ากรมสิงเลย แต่นั่นก็เข้าใจได้เช่นกัน
จดหมายตอบกลับจากเจ้ากรมสิงคงอยู่ในมือของไทเฮา หากค้นที่ตำหนักไทเฮาแล้วไม่พบก็พอจะอธิบายได้ว่า ด้วยปฏิภาณไหวพริบของไทเฮาแล้ว ไม่มีทางทิ้งหลักฐานไว้เป็นแน่ อ่านจบแล้วก็คงถูกเผาทิ้งอย่างแน่นอน
“แล้วเหตุใดข้าถึงทิ้งหลักฐานไว้เล่า ข้าไม่กลัวกำแพงมีหูประตูมีช่องเลยหรือไร” เจ้ากรมสิงเอ่ยถามผู้ช่วยหลี่
ผู้ช่วยหลี่กุมใบหน้าที่โดนต่อยจนบวมเบ่ง ตอบกลับเสียงหนักแน่น “นั่นเป็นเพราะใต้เท้ารู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเป็นหุ่นเชิดและผู้สมรู้ร่วมคิดของไทเฮา หากอยู่มาวันหนึ่งไทเฮาต้องการกำจัดท่าน อย่างน้อยท่านก็ยังมีของพวกนี้ไว้ข่มขู่ไทเฮา เพื่อแลกกับการคุ้มกันความปลอดภัยของตัวเอง”
เหตุผลนี้ช่างไร้ที่ติจริงๆ
เจ้ากรมสิงควรจะโกรธ ทว่าความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวกลายเป็นยกนิ้วชื่นชมเขาอย่างอดไม่ได้… นี่คืออาชญากรรมอันสมบูรณ์แบบ!
…
จวงไทเฮาเคยเป็นสตรีที่มีอำนาจสูงสุดในแคว้นเจา ก่อนฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะสิ้น เคยมีรับสั่งในนางว่าราชการแทน
เป็นฮ่องเต้พระองค์ก่อนเองที่ส่งมอบอำนาจทั้งหมดให้แก่นาง ว่าราชการหลังม่านแล้วอย่างไรเล่า ขอแค่นางไม่คิดก่อกบฏ ใครจะครหาอันใดนางได้
ทว่ายามนี้เกิดเหตุลอบปองประชนม์ขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป
ยามปกติเซียวฮองเฮากลัวจวงไทเฮาอย่างกับอะไรดี แต่เมื่อถึงคราวจนตรอกแม้แต่กระต่ายก็กัดคนได้ จวงไทเฮากล้าดีถึงขั้นวางแผนลอบปองพระชนม์ แล้วจะให้นางอดทนอดกลั้นต่อไปอย่างนั้นหรือ
“อย่างมากก็แค่ตาย ถึงข้าจะตาย ท่านพี่ก็จะกลับมาล้างแค้นให้ข้าอยู่ดี!”
หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ฝู่คือคนใกล้ชิดของเซวียนผิงโหว เซียวฮองเฮาหยิบป้ายคำสั่งที่เซวียนผิงโหวเคยมอบให้นางขึ้นมา ก่อนจะสั่งให้หัวหน้าฝู่พาทหารไปกักบริเวณจวงไทเฮาที่ตำหนักเหรินโซ่ว
เซียวฮองเฮาไม่มีอำนาจจัดการจวงไทเฮาได้ นางจำต้องรอให้ฮ่องเต้ฟื้นขึ้นมาเพื่อมารับสั่งเสียก่อน ด้วยเหตุนั้นหลังจากสั่งการให้คุมขังไทเฮาไว้ที่ตำหนักอย่างลับๆ แล้ว จวงไทเฮาก็กลับมาสะสางงานราชการต่อที่ตำหนักคุนหนิง