สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 566 เอาคืน (2)
บทที่ 566 เอาคืน (2)
ขันทีน้อยหน้าประตูชะโงกหัวเข้ามา ซูกงกงเดินเข้าไปก่อนจะถามเขาสองสามคำ จากนั้นก็เดินกลับมารายงาน “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงหนิงอันเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวฮองเฮาขมวดคิ้ว “พาองค์ชายเจ็ดไปที่ห้องหนังสือ เฝ้าเขาให้ตั้งใจท่อง ประเดี๋ยวข้าจะกลับมาตรวจ”
“พ่ะย่ะค่ะ” ซูกงกงจูงมือองค์ชายเจ็ดไปยังห้องหนังสือ
องค์หญิงหนิงอันก้าวเข้ามา
ช่วงที่กลับมาพักฟื้นที่วังหลวง นางมีเสื้อผ้าอาภรณ์ครบครัน อาหารการกินอุดสมบูรณ์ ไม่ได้ลำบากเหมือนยามอยู่ที่ชายแดน ดวงหน้าขององค์หญิงหนิงอันผ่องใสขึ้น มื้อไม้ก็เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นมา
“แผลเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” เซียวฮองเฮาถาม ส่งสายตาให้นางกำนัล นางกำนัลน้อยยกเก้าอี้มาวางไว้ตรงหน้าเซียวฮองเฮา
องค์หญิงหนิงอันมองแขนขวาของตัวเอง ก่อนจะยิ้มออกมา “ไม่เป็นอะไรแล้วเพคะ ขอบพระทัยพี่สะใภ้ที่เป็นห่วง”
“นั่งลงเถิด” เซียวฮองเฮาเอ่ย
องค์หญิงหนิงอันค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่ง
นางกำนัลน้อยยกน้ำชาเข้ามา
องค์หญิงหนิงอันใช้แขนซ้ายรับถ้วยชา ก่อนจะเม้มปากเบาๆ ก่อนจะถามราวกับเป็นเรื่องปกติ “พี่สะใภ้ได้ข่าวเสด็จแม่บ้างหรือยังเพคะ”
เดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างองค์หญิงหนิงอันและเซียวฮองเฮาก็ไม่ได้แย่แต่อย่างใด แค่ไม่ได้เจอกันหลายปีจึงห่างเหินก็เท่านั้น บวกกับหวงฝู่เสียนมักจะรังแกฉินฉู่อวี้เป็นประจำ เซียวฮองเฮาจึงไม่ได้พูดคุยกับองค์หญิงหนิงอันมากนัก
ยามนี้องค์หญิงหนิงอันช่วยชีวิตฝ่าบาทสร้างคุณงามความดี ทั้งยังให้ความเคารพนอบน้อมต่อนาง บวกกับองค์หญิงหนิงอันนั้นคอยอยู่เคียงข้างฝ่าบาทเสมอมา ไม่นานความขุ่นข้องหมองใจระหว่างเซียวฮองเฮากับองค์หญิงหนิงอันก็หายไป
เซียวฮองเฮาส่ายหน้า “ยังไม่ได้ข่าวอันใด”
องค์หญิงหนิงอันชะงักไปพลางตรัส “พี่สะใภ้ มีเรื่องหนึ่งไม่รู้ว่าควรบอกท่านดีหรือไม่”
เซียวฮองเฮาเอ่ย “เจ้าว่ามา”
องค์หญิงหนิงอันกดเสียงให้เบาลง “ก่อนเกิดเหตุไม่กี่วัน ข้าพบใต้เท้าเซียวที่ห้องหนังสือของไทเฮา เขามาเพราะคดีของหอเซียนเล่อ”
เรียวคิ้วของฮองเฮาขมวดเข้าหากัน
องค์หญิงหนิงอันตรัสต่อ “ข้าไม่ได้สงสัยใต้เท้าเซียวแต่อย่างใด เพียงแต่เสด็จแม่กับใต้เท้าเซียวรู้จักกันแค่ผิวเผิน หรือว่า…”
แววตาของเซียวฮองเฮาหม่นแสงลงในทันใด “หรือว่าอะไร เจ้ากำลังสงสัยว่าเซียวลิ่วหลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท หรือสงสัยว่าเซียวลิ่วหลังพาจวงไทเฮาไปซ่อนตัว”
องค์หญิงหนิงอันแววตาเลิ่กลั่ก
ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อองค์หญิงหนิงอันที่สั่งสมมาช่วงหลายวันนี้หลายไปในพริบตา “เซียวลิ่วหลังคือจอหงวนที่ฝ่าบาทเลือกขึ้นมาเอง เขานั้นจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ไม่มีทางรวมหัวกับไทเฮาปองร้ายฝ่าบาทหรอก”
ล้อเล่นหรือไร
ฝ่าบาทคือลุงเขยของอาเหิง แล้วก็เป็นลุงแท้ๆ ด้วย!
ต่อให้อาเหิงจะทำร้ายใครก็ไม่มีทางทำร้ายฝ่าบาท!
องค์หญิงหนิงอันหลบตาลง “พี่สะใภ้อย่าเพิ่งโมโหไปเพคะ ข้าก็แค่เป็นห่วงเสด็จพี่ ข้าหวังว่าจะหาตัวเสด็จแม่พบในเร็ววัน นางทำข้าบาดเจ็บถึงเพียงนี้ ข้าหวังว่าจะเกลี้ยกล่อมให้ตื่นจากความมัวเมา เดินกลับทางที่ถูกต้อง”
เซียวฮองเฮาเอ่ยเสียงเย็น “เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเซียวลิ่วหลัง! ข้าไม่ยอมให้ผู้ใดครหาเขาเป็นอันขาด! อย่าได้พูดจาเช่นนี้อีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
องค์หญิงหนิงอันมองน้ำชาในแก้วชา น้ำเสียงอ่อนลง แววตาสงบนิ่ง “หนิงอันจะจำไว้เพคะ”
เซียวฮองเฮาคลึงขมับที่ปวดร้าวขึ้นมา ก่อนจะยื่นมืออกไปยกแก้วน้ำชาบนโต๊ะ
ยกชาส่งแขก
องค์หญิงหนิงอันยื่นแก้วน้ำชาให้นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างอย่างเข้าใจความหมาย นางลุกยืนขึ้นแล้วคำนับให้ฮองเฮาพลางเอ่ย “พี่สะใภ้ หนิงอันขอตัวไปเยี่ยมเสด็จพี่ก่อน วันพรุ่งจะมาถวายพระพรพี่สะใภ้อีกเพคะ”
“อืม” เซียวฮองเฮาขานตอบอย่างไม่แยแส
องค์หญิงหนิงอันตั้งใจว่าจะหันหลังกลับ ทว่านึกอะไรขึ้นได้บางอย่างจึงเอ่ยขึ้น “ใช่แล้วเพคะพี่สะใภ้ บ่าวรับใช้ที่เคยดูแลหวงฝู่เสียนที่ชายแดนมาถึงกันแล้ว ยามนั้นกองทัพเร่งเดินทางยิ่งนัก พวกเขาต้องลาคนในครอบครัว จึงมาถึงช้ากว่าหลายวัน ไม่รู้ว่าจะให้พวกเขารับใช้หวงฝู่เสียนต่อหรือไม่เพคะ”
เซียวฮองเฮาน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “เจ้าจัดการเองเถิด”
ก็แค่บ่าวรับใช้ไม่กี่คน ไปลงชื่อที่ศาลาสำนักวังหลวงก็เสร็จแล้ว
นางไม่ถึงขั้นสร้างความลำบากให้กับสองแม่ลูกเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หรอก
องค์หญิงหนิงอันมองเซียวฮองเฮาอย่างเทิดทูน ทว่าเซียวฮองเฮากลับไม่แลตามองนางเสียด้วยซ้ำ
องค์หญิงหนิงอันหลบตาลง คำนับแล้วเอ่ยลาก่อนจะออกจากตำหนักคุนหนิงไป
ที่น่าประหลาดใจก็คือ ระหว่างที่นางเดินทางไปยังตำหนักฮว๋าชิง นางบังเอิญพบฉินฉู่อวี้ที่แอบหนีออกมาเที่ยวเล่น
เพราะหนีออกมา จึงมีเพียงฉินฉู่อวี้เพียงคนเดียว
องค์หญิงหนิงอันหรี่ตามองเขา ภาพของเซียวฮองเฮาผู้แสนเย็นชาแวบขึ้นมาในหัว นางยกยิ้มเย็นมุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปหาฉินฉูอวี้ “องค์ชายเจ็ด ทำอะไรอยู่หรือ”
“ท่านอาหนิงอัน” ฉินฉู่อวี้ทักทายนาง
แม้หวงฝู่เสียนจะร้ายกาจเพียงใด แต่หนิงอันก็ไม่เคยรังแกฉินฉู่อวี้
องค์หญิงหนิงอันยิ้ม “เจ้าแอบหนีออกมาหรือ”
ฉินฉู่อวี้เอ่ยอย่างรู้สึกผิด “อืม พวกเขาไม่ยอมให้ข้าไปเยี่ยมเสด็จพ่อ”
องค์หญิงหนิงอันเอ่ย “ระหว่างทางมีใครเห็นเจ้าหรือไม่”
ฉินฉู่อวี้ส่ายหน้ารัว “ไม่มี! ข้าระวังตัวยิ่งนัก!”
องค์หญิงหนิงอันยิ้มกว้างกว่าเดิม “เจ้าแน่ใจหรือ”
“อื้ม!” ฉินฉู่อวี้พยักหน้า มั่นอกมั่นใจเป็นที่สุด
องค์หญิงหนิงอันยกมือขึ้นลูบหัวของฉินฉู่อวี้ เอ่ยเสียงอ่อนโยน “องค์ชายเจ็ดช่างเป็นองค์ชายที่เก่งกาจนัก ไม่มีใครจับได้เลย ดูท่าแล้วไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว”
ฉินฉู่อวี้มองใบหน้ายิ้มแย้มของนาง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในใจถึงได้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา “ท่านอาเหตุใดถึงได้ยิ้มแปลกประหลาดเช่นนั้น ข้ากลัวนะ”
องค์หญิงหนิงอันหยิกแก้มอ้วนๆ ของเขา “ไม่ต้องกลัว อาจะพาไปเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง”
ฉินฉู่อวี้ปฏิเสธในทันที “ข้าไม่ไป! ข้าจะหาเสด็จพ่อ!”
องค์หญิงหนิงอันตรัสเสียงนุ่ม “ทางผ่านไปหาเสด็จพ่อของเจ้าพอดี”
ฉินฉู่อวี้ครุ่นคิด “อืม… เช่นนั้นก็ได้”
องค์หญิงหนิงอันจูงมือป้อมของฉินฉู่อวี้ พาเขาไปริมสระน้ำด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
สระน้ำในวังหลวงไม่ได้ลึกเหมือนสระไท่เย่ แต่ก็จมน้ำตายได้เหมือนกัน
ฉินฉู่อวี้ยิ่งเดินก็ยิ่งมึนงง “นี่ไม่ใช่ทางไปวังหลวงนี่นา”
“นี่เป็นทางลัดน่ะ” องค์หญิงหนิงอันหยุดอยู่ริมสระ “เห็นหรือไม่ตรงนู้นมีอะไร”
“มีอะไรรึ”
ฉินฉู่อวี้ก้าวไปข้างหน้า
องค์หนิงหนิงอันมองแผ่นหลังของเขาตาไม่กะพริบ ยื่นแขนออกไปอย่างเลือดเย็น หมายจะผลักเขา!
“ท่านแม่!”
น้ำเสียงราวกับปีศาจดังขึ้นไม่ไกล
แม้จะได้ยินไม่ชัดเจนนัก แต่ฉินฉู่อวี้ก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร
คือหวงฝู่เสียน!
ญาติผู้พี่ที่เขาเกลียดหนักหนา
หึ่ยยย!
ฉินฉู่อวี้ขนลุกเกลียว ความหวาดกลัวที่จะถูกแกล้งทะลักเข้ามาใจจิตใจ
เขาใช้วิชาลับประจำตัวในทันใด…วิ่งหนีหางจุกตูดน่ะสิ!
หึ!
ฉินฉู่อวี้เผ่นแน่บ
องค์หญิงหนิงอันคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กอ้วนตรงหน้าจะวิ่งหนีออกไปเสียอย่างนั้น นางจะชักมือกลับก็ไม่ทันเสียแล้ว นางออกแรงผลักเพียงความว่างเปล่า ทว่าร่างทั้งร่างโน้มไปข้างหน้า เสียงโครมดังขึ้นก่อนจะตกลงไปในสระน้ำเย็บเฉียบ