สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 571-2 หลงอีหวนคืน (2)
บทที่ 571 หลงอีหวนคืน (2)
กู้เฉิงเฟิงโมโหโกรธาขึ้นมา ยกฝ่ามือใหญ่สองข้างของตัวเองขึ้นมาตบบ้องหูอีกฝ่ายดังผัวะ!
กู้เจียวจัดการสามคนนั้นเรียบร้อยแล้ว กู้เฉิงเฟิงยังตบบ้องหูด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมอยู่เลย
“พอแล้ว ไปได้แล้ว!”
“อย่ามาห้ามข้า! ข้าจะชกมัน! ข้าจะชกมัน!”
กู้เจียวคว้าตัวกู้เฉิงเฟิงที่โมโหโกรธาลากออกจากตรอก
เมื่อองค์หญิงหนิงอันกับชายคนนั้นตามมาถึงตรอก กู้เจียวกับกู้เฉิงเฟิงก็หายลับไม่เห็นเงาแล้ว
องค์หญิงหนิงอันเสียองครักษ์ไปสี่นาย แต่นางไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรมาเลย นางเจอผ้าสีทองหล่นอยู่ในที่เกิดเหตุ
ผ้าผืนนี้นางเห็นอยู่บนร่างคนคนหนึ่งเมื่อเช้านี้
และก่อนที่องครักษ์คนที่สี่จะหมดลมได้บอกข้อมูลสำคัญไว้ว่า ระเบิด สวมชุดสตรี แต่เสียงพูดจาเป็นบุรุษ
องค์หญิงหนิงอันวัดรอบเท้าบนพื้นต่ออยู่ครู่หนึ่ง
รอยรองเท้าสตรีสองคู่ คู่หนึ่งขนาดปกติ อีกคู่กลับใหญ่กว่าเท้าองครักษ์เสียอีก
“เฮอะ” องค์หญิงหนิงอันหัวเราะเสียงเบา หัวเราะจนไหล่สั่นไปหมด “ซิ่นหยางเอ๋ยซิ่นหยาง ที่แท้เจ้าก็เป็นตัวปลอม!”
หลังจากที่กู้เจียวกับกู้เฉิงเฟิงขึ้นรถม้ามา ก็ให้คนขับรถขับไปในที่ที่คนเยอะๆ อย่างรวดเร็ว
กู้เฉิงเฟิงยังอาลัยอาวรณ์สุดที่รักของเขาที่ระเบิดไป “เหตุใดต้องหนีไวเพียงนี้ด้วย”
กู้เจียว “พวกเขามียอดฝีมือ พาเจ้าไปด้วย ข้าสู้ไม่ได้”
กู้เฉิงเฟิงแค่นเสียงเย็นเอ่ย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร วรยุทธ์ข้ามันย่ำแย่มากเลยรึ เฮอะ! ตอนบุกจวนจอมพล ยามวิกาล ไม่รู้ว่าใครมันพาเจ้าออกมาจากดงธนูตระกูลถัง!!”
กู้เจียวปรายตามองเขา “เจ้าก็รู้นี่ว่าเป็นตอนนั้น”
กู้เฉิงเฟิง “…”
กู้เฉิงเฟิงกระแอมในคอ “พวกเขาลงมือในเมืองหลวงไม่ได้ไม่ใช่หรือ”
กู้เจียว “ลงมือไม่ได้ แต่ก็ต้องมีช่วงที่สุดวิสัยจำใจอย่างยิ่งอยู่ดี”
กู้เฉิงเฟิงถอนหายใจอย่างเสียดาย “เช่นนั้นพวกเราก็คลาดกันกับพวกเขาแล้วสิ”
กู้เจียวยกมุมปาก “ไม่มีทาง”
ท้องนภาใสดุจกระจก มีเหยี่ยวยักษ์น่าเกรงขามตัวหนึ่งกระพือปีกมาหา…
วันรุ่งขึ้น ยามอิ๋น[1]เพิ่งจะผ่านพ้นไป เซียวฮองเฮาก็พาซูกงกงไปยังตำหนักบรูพา
วันนี้เป็นวันแรกที่ไท่จื่อเข้าประชุมเช้า เซียวฮองเฮากลัวว่าโอรสจะไม่รอบคอบ จึงมากำชับสิ่งที่ควรกำชับอีกรอบ
เซียวฮองเฮาจัดเสื้อผ้าอาภรณ์โอรสให้เข้าที่เข้าทาง ตรัส “ท่านลุงเจ้าไม่อยู่ในราชสำนัก มีอะไรไม่แน่ใจเจ้าก็อย่าได้ตกปากรับคำ แต่เจ้าวางใจ จุดไหนควรตระเตรียมแม่ก็ตระเตรียมไปแล้ว พรรคพวกของลุงเจ้าจะช่วยเจ้าเอง”
ไท่จื่อตรัส “ทราบแล้วเสด็จแม่ ท่านกำชับข้าหลายครั้งแล้ว”
“ก็เพราะไม่มีใครชี้แนะเจ้า…” เซียวฮองเฮาเอ่ยมาครึ่งทางก็ชะงักไป นางเปลี่ยนเรื่อง “อีกเดี๋ยวแม้จะเลือกสนมให้เจ้าอีกสักสองสามคน รอถึงแก่เวลาแล้ว เจ้าก็เลือกชายาที่ชอบมาสักคน”
“แล้วแต่เสด็จแม่จะโปรดพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อขานรับเสียงเบา
เซียวฮองเฮาลูบไหล่โอรสอย่างปลอบประโลม แม้เขาจะยังเสียใจ แต่ก็อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ดื้อเหมือนเสด็จพ่อ
ไท่จื่อตรัส “เสด็จแม่ ข้าไปประชุมเช้าก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวฮองเฮายังคงเป็นห่วง “แม้ว่าหมู่นี้ข้าจะไม่ปรองดองกับองค์หญิงซิ่นหยาง แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นอาเจ้า นางไม่มีทางทำร้ายเจ้าหรอก นางว่าอย่างไรเจ้าก็ฟังไว้ อย่าได้ดื้อรั้นกับนางในท้องพระโรง หากมีใครอยากยุแยงความสัมพันธ์ของพวกเจ้า เจ้าอย่าได้ฟังแม้แต่น้อยเชียว”
ไท่จื่อพึมพำ “หากข้ารังแก ท่านลุงกลับมาคงได้มาต่อยข้าแน่ ท่านลุงรักท่านอาจะตาย”
เซียวฮองเฮากลอกตา “เฮอะ ลุงเจ้าไม่ได้รักนางหรอก ก็แค่พวกผู้ชายห่วงหน้าตาตัวเองเท่านั้น”
ซูกงกงเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ารีบร้อน “ฮองเฮา! ไท่จื่อ! เกิดเรื่องแล้ว!”
เซียวฮองเฮาขมวดคิ้วมองเขา “เกิดอะไรขึ้น”
ซูกงกงทูลด้วยความวิตกอย่างปิดไม่มิด “องค์หญิงซิ่นหยางทะเลาะกันกับองค์หญิงหนิงอันที่ตำหนักจินหลวนพ่ะย่ะค่ะ!”
เซียวฮองเฮาสีหน้าฉงน “พวกนางทะเลาะอะไรกัน หนิงอันไปทำอะไรที่ตำหนักจินหลวน”
ซูกงกงทูล “เหมือนว่าองค์หญิงหนิงอันจะไปหาองค์หญิงซิ่นหยางโดยเฉพาะ นางบอกว่า…”
เซียวฮองเฮาถาม “บอกว่าอะไร”
ซูงกงกงกัดฟันทูล “บอกว่า…องค์หญิงซิ่นหยางเป็นตัวปลอม!”
“เจ้าบอกว่าข้าเป็นตัวปลอม เจ้ามีหลักฐานรึ”
นอกตำหนักจินหลวน องค์หญิงซิ่นหยางสวมหมวกสานและผ้าคลุมหน้ายืนอยู่บนขั้นบันไดที่สูงที่สุด กดตามองต่ำไปยังองค์หญิงหนิงอันที่อยู่ต่ำกว่าตัวเองหลายขั้น “ไม่มีหลักฐานก็คือการใส่ร้ายป้ายสี”
ใต้เท้าผู้ตรวจการเอ่ย “นั่นน่ะสิ องค์หญิงซิ่นหยางจะเป็นตัวปลอมได้อย่างไร เสียงก็เหมือนเดิมแท้ๆ ”
องค์หญิงหนิงอันมองทุกคนอย่างใจจริง “ข้าเดาไว้แล้วว่าพวกเจ้าต้องไม่เชื่อแน่ แต่เมื่อวานข้าเห็นคนผู้นี้ปลอมตัวเป็นองค์หญิงซิ่นหยางกับตา ข้าถามนางกำนัลอาวุโสในวังแล้วด้วย นางกำนัลข้างกายองค์หญิงซิ่นหยางมีนามว่าอวี้จิ่น ไม่ว่าองค์หญิงซิ่นหยางไปไหน อวี้จิ่นก็จะติดตามไปด้วยตลอด แล้วเหตุใดวันประชุมเช้าสำคัญเช่นนี้ ข้างกายนางจึงไร้เงาอวี้จิ่นเล่า”
“นี่…” ผู้ตรวจการสะอึกไป
อวี้จิ่นติดตามองค์หญิงซิ่นหยางมาสิบกว่าปีแล้ว ทุกคราที่เข้าวังอวี้จิ่นล้วนติดตามมาด้วยจริงๆ
สายตาองค์หญิงหนิงอันตกลงบนใบหน้าสาวใช้ข้างกายองค์หญิงซิ่นหยาง นี่เป็นสาวใช้คนเมื่อวาน แต่นางพอจะเดาได้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
องค์หญิงหนิงอันชี้ที่สาวใช้พลางเอ่ย “สาวใช้นางนี้สวมหน้ากากหนังมนุษย์ นางก็เป็นตัวปลอมเช่นกัน”
“ว่าอย่างไรนะ”
ทุกคนต่างตกใจ
องค์หญิงเป็นตัวปลอมไม่พอ สาวใช้ก็ยังเป็นตัวปลอมเช่นกันรึ
ยามนี้ทุกคนยังไม่ทันนึกถึงราชโองการแต่งตั้งองค์หญิงซิ่นหยางเป็นผู้กำกับดูแลบ้านเมืองฉบับนั้นขึ้นมาได้ แต่หากพวกเขารู้ว่านายบ่าวคู่นี้เป็นพี่น้องตระกูลกู้ปลอมตัวมา ตระกูลกู้ก็คงจะหนีไม่พ้นโทษทัณฑ์ก่อกบฏแน่
โทษก่อกบฏคือประหารทั้งโคตร เซียวลิ่วหลังเป็นเขยตระกูลกู้ เขาก็ต้องโดนประหารด้วยเช่นกัน
ที่ว่ากันว่ากำลังเคลิ้มๆ มีหมอนส่งมาให้พอดีหมายความอะไร ก็คงต้องบอกว่าแบบนี้นี่ล่ะ
นางกำลังกลุ้มคิดหาวิธีฆ่าเซียวลิ่วหลังอยู่พอดี
ทุกคนมองสาวใช้ที่มีสีหน้าไร้การแสดงอารมณ์ใด แล้วมองไปยังองค์หญิงซิ่นหยางที่สวมหมวกสานไม่กล้าเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา เห็นเพียงมือองค์หญิงซิ่นหยางกำแน่น เห็นชัดว่านางกำลังวิตก
สาวใช้ตบหลังมือองค์หญิงซิ่นหยางเบาๆ ก่อนส่ายหน้าให้นางช้าๆ
การกระทำนี้ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ยังถูกทุกคนจับได้อยู่ดี
องค์หญิงซิ่นหยางสูดหายใจลึก ก่อนตรัสอย่างช้าๆ “น้องหนิงอัน ข้าขอถามหน่อยสิ ข้าไม่เคยทำเรื่องล่วงเกินเจ้ามาก่อนเลย เหตุใดเจ้าจึงต้องใส่ร้ายข้าเช่นนี้ด้วยเล่า”
องค์หญิงหนิงอันตรัส “ข้าไม่ได้จะใส่ร้ายเจ้า ข้าก็แค่ไม่อยากให้เจ้าแอบอ้างเป็นองค์หญิงซิ่นหยางมาเที่ยวหลอกลวงต้มตุ๋น ซ้ำเมื่อวานเจ้ายังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทมาด้วย ไม่รู้ว่าเจ้าได้ทำอะไรฝ่าบาทหรือไม่ ได้ยินว่าอาการของฝ่าบาทย่ำแย่ขึ้นมาแล้ว”
แววตาทุกคนอึมครึม สายตาที่มองไปยังองค์หญิงซิ่นหยางเกิดความสงสัยและเย็นชาขึ้น
องค์หญิงหนิงอันจ้องนางตรงๆ “หากเจ้าเป็นองค์หญิงซิ่นหยางจริง กล้าถอดหมวกออกหรือไม่ล่ะ”
องค์หญิงซิ่นหยางกำผ้าเช็ดหน้าแน่น น้ำเสียงเรียบนิ่ง “ข้ามีตุ่มผื่น ใบหน้าไม่น่าอภิรมย์ ไม่สะดวกพบหน้าใคร”
องค์หญิงหนิงอันเดินขึ้นบันไดไปทีละก้าว “มีตุ่มผื่น หรือว่าไม่ได้มีแต่แรกกันแน่”
องค์หญิงซิ่นหยางตรัสเสียงเรียบ “หากข้าเป็นจริงๆ ล่ะ”
จู่ๆ องค์หญิงหนิงอันก็มองไปด้านหลังองค์หญิงซิ่นหยาง “ท่านพี่”
องค์หญิงซิ่นหยางหันกลับไป
องค์หญิงหนิงอันอาศัยจังหวะไม่ทันระวัง ถอดหมวกนางออกอย่างรวดเร็ว!
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยตุ่มผื่นเผยต่อหน้าทุกคนทันที
สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือ นี่เป็นดวงหน้าขององค์หญิงซิ่นหยางจริงๆ!
องค์หญิงหนิงอันตกใจยกใหญ่ “…เป็นไปไม่ได้! เจ้าต้องสวมหน้ากากแน่ๆ !”
นางเอื้อมมือไปจะดึงหน้ากากหนังมนุษย์บนหน้าองค์หญิงซิ่นหยาง กลับถูกองค์หญิงซิ่นหยางพลิกมือตบหน้า!
“โอหัง!” สายตาองค์หญิงซิ่นหยางเย็นเยียบ มีมาดเต็มเปี่ยม!
องค์หญิงหนิงอันถูกตบจนร่วงกลิ้งลงบันได
ยอดฝีมือต้าเน่ยด้านหลังนางพากันกรูขึ้นไปหมายจะจับองค์หญิงซิ่นหยางไว้ ไหนเลยจะรู้จู่ๆ เงาร่างดุจมังกรเหินก็ทะยานลงมาจากฟ้า ขวางอยู่ตรงหน้าองค์หญิงซิ่นหยางอย่างองอาจ!
[1] ยามอิ๋น 03.00-05.00 น.