สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 572 ประกาศศักดา
บทที่ 572 ประกาศศักดา
เหล่ายอดฝีมือของวังหลวงที่พุ่งมาหาองค์หญิงซิ่นหยางในตอนแรกแทบจะถูกกำลังภายในอันน่าสะพรึงกลัวสงบลงไปในชั่วพริบตา ไม่มีใครเห็นว่าชายที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหันผู้นี้ลงมืออย่างไร เมื่อทุกคนรู้ตัว พวกเขาก็ถูกซัดกระเด็นไปกระแทบกับองค์หญิงหนิงอันเสียแล้ว
ทว่าประเด็นคือพวกเขาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่พามาจากชายแดน แม้ไม่เก่งกาจเท่าองครักษ์หลงอิ่ง แต่ก็ไม่ใช่พวกธรรมดาทั่วไป นึกไม่ถึงว่าจะถูกอีกฝ่ายโจมตีจนอเนจอนาถได้ง่ายถึงเพียงนี้
องค์หญิงหนิงอันตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
เพียงไม่นาน นางก็จำหน้ากากขององครักษ์หลงอิ่งบนใบหน้าอีกฝ่ายได้
แต่มันแปลกมากเลยมิใช่หรือ
นางเคยเห็นองครักษ์หลงอิ่งทั้งสี่ของฮ่องเต้หมดแล้ว ไม่มีคนไหนมีฝีมือสูงส่งและรุนแรงเช่นนี้เลย ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในองครักษ์หลงอิ่งได้ตายไปแล้ว อีกสามคนยังพักรักษาตัวอยู่ ออกมาเคลื่อนไหวไม่ได้แน่นอน
ดังนั้นองครักษ์หลงอิ่งผู้นี้มาจากไหนกัน
ขุนนางใหญ่ในราชสำนักที่เคยเห็นองครักษ์หลงอิ่งมีไม่มาก ยามนี้จึงไม่มีใครจำได้ว่านี่คือองครักษ์หลงอิ่งผู้น่ากลัวในตำนาน คิดว่าเขาเป็นองครักษ์ลับข้างกายองค์หญิงซิ่นหยาง
เหล่าขุนนางไม่ค่อยรู้อะไรมากเกี่ยวกับวรยุทธ์ของพวกยอดฝีมือ แต่เห็นเขาต่อสู้รอบด้านอย่างสบายๆ จึงอดคิดไม่ได้ว่าเขาเก่งกาจมากทีเดียว
“เก่งกาจเพียงนี้ เป็นองครักษ์ลับที่เซวียนผิงโหวมอบให้กระมัง”
“น่าจะใช่”
พวกขุนนางกระซิบกระซาบวิจารณ์ขึ้นมา
ด้วยความหวาดกลัวหลงอี จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปประคององค์หญิงหนิงอันที่ล้มให้ลุกขึ้นเลย
องค์หญิงซิ่นหยางเดินลงบันไดไปทีละขั้น แม้จะมีใบหน้าแดงเห่อด้วยตุ่มผื่น แต่มาดกลับไม่ลดลงเลย
องค์หญิงซิ่นหยางหยุดลงบนบันไดขั้นตรงหน้าองค์หญิงหนิงอัน กดตามองต่ำไปที่นาง “เจ้าบอกว่าข้าเป็นตัวปลอม แหกตาเจ้าดูสิ ว่าข้าเป็นตัวปลอมหรือไม่”
สายตาองค์หญิงหนิงอันจดจ้องใบหน้าองค์หญิงซิ่นหยางเขม็ง มองอยู่ครู่ใหญ่ก็เบนไปยังใบหน้าสาวใช้คนนั้น
องค์หญิงซิ่นหยางยกมือขึ้นกระดิกนิ้ว
สาวใช้เข้าใจในทันที ค่อยๆ เดินมาข้างกายองค์หญิงซิ่นหยางเงียบๆ
องค์หญิงซิ่นหยางตรัสเสียงนิ่ง “เจ้าสงสัยว่าสาวใช้ข้าสวมหน้ากากหนังมนุษย์ไว้ เช่นนั้นข้าจะหาคนมาแกะให้เจ้าดูแล้วกัน” ตรัสจบนางก็มองไปยังขันทีที่อยู่แถวนั้น “เจ้ามานี่”
ขันทีเดินมาอย่างคล่องแคล่ว “ลงมือ”
“พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีเดินมาหยุดตรงหน้าสาวใช้ เอ่ยอย่างเกรงใจ “ล่วงเกินแล้ว”
เขาเอื้อมมือไปลูบโครงหน้าหลังหูของสาวใช้ ลูบเสร็จก็ตรวจดูใบหน้าของสาวใช้อย่างละเอียด แล้วหันไปทูลองค์หญิงซิ่นหยางกับองค์หญิงหนิงอัน “ทูลองค์หญิงทั้งสอง เป็นใบหน้าของนางเองพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงหนิงอันสีหน้าพลันเปลี่ยน “เป็นไปไม่ได้!”
เมื่อวานสาวใช้คนนี้กับองค์หญิงหนิงอันตัวปลอมอยู่ด้วยกันแท้ๆ อากัปกิริยาของสาวใช้นางนี้มีแต่ความน่าสงสัย ซ้ำยังจับชีพจรให้ฮ่องเต้อีก
เป็นกู้เจียวชัดๆ !
องค์หญิงซิ่นหยางสั่ง “อวี้เอ๋อร์ เจ้าไปเองเลย เอาหน้าเจ้าให้องค์หญิงหนิงอันดู”
“เพคะ” สาวใช้ที่ถูกเรียกว่าอวี้เอ๋อร์เดินไปหยุดตรงหน้าองค์หญิงหนิงอัน ก่อนคุกเข่าลง ยื่นหน้าไปตรงหน้าองค์หญิงหนิงอัน
องค์หญิงหนิงอันยกมือขึ้นลูบใบหน้านาง
เป็นใบหน้าเจ้าตัวจริงๆ
นางเบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อ
องค์หญิงซิ่นหยางถามเสียงเย็น “หนิงอัน เหตุใดเจ้าจึงได้ทำเช่นนี้”
องค์หญิงหนิงอันมองพวกขุนนางที่มีสีหน้าซับซ้อน ก่อนอธิบาย “คะ…คือมีคนเห็นองค์หญิงซิ่นหยางกับสาวใช้นางนี้ก่อเรื่องที่ท้องถนน ซ้ำยังทำความแตกว่าตัวเองไม่ใช่องค์หญิงซิ่นหยาง ดังนั้นข้าจึงได้…”
องค์หญิงซิ่นหยางแค่นเสียงเย็น “ดังนั้นเจ้าถึงไม่ไปทูลฮองเฮาที่ตำหนักคุนหนิง ซ้ำยังไม่ไปทูลไท่จื่อที่ตำหนักบูรพา แล้วยังไม่ไปขอหลักฐานจากข้าที่จวนอีก ก็มาโทษข้าต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้แล้ว! เจ้าอยากได้ความดีความชอบจนเสียสติไปแล้วรึ หรือว่าเจ้าจงใจมาขัดขวางการดูแลบ้านเมืองของข้ากันล่ะ”
องค์หญิงหนิงอันกัดฟัน ปัดคำพูดแทงใจดำพวกนั้นทิ้ง พยายามจับประเด็นสำคัญไว้ “หากข้าไม่มั่นใจว่าเจ้าเป็นตัวปลอม ข้าจะมาเปิดโปงเจ้าหรือไร เจ้าวางกับดักใส่ข้าชัดๆ ”
องค์หญิงซิ่นหยางไม่ยอมแม้แต่น้อย “ข้าวางกับดักเจ้าก็ต้องเต็มใจกระโดดลงไปอยู่ดี เจ้าทำเกินอำนาจของตนไปก้าวก่ายอำนาจหน้าที่ของคนอื่น ฮองเฮากับไท่จื่อก็อยู่ ต้องให้เจ้ามาเปิดโปงองค์หญิงตัวปลอมถึงตำหนักจินหลวนเลยรึ”
นั่นก็เพราะว่าเซียวฮองเฮาปกป้องเซียวลิ่วหลังน่ะสิ หากฮองเฮารู้ว่าหนึ่งในตัวปลอมเป็นภรรยาของเซียวลิ่วหลังอย่างกู้เจียว ฮองเฮาคงไม่มีทางเปิดโปงเรื่องนี้แน่
แต่มาโวยวายถึงตำหนักจินหลวนแล้วก็ไม่มีที่ให้ได้กลับลำแล้ว
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เซียวฮองเฮากับไท่จื่อเสด็จมาถึง คนถามขึ้นคือเซียวฮองเฮา
องค์หญิงซิ่นหยางเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้เซียวฮองเฮาฟัง “…เมื่อวานฮองเฮาก็เห็นหน้าข้า รู้ว่าข้าเป็นหนักถึงขั้นไหน หากมิใช่เพราะใบหน้าข้าหายเร็ว เกรงว่าวันนี้ก็ไม่มีใครจำหน้าข้าได้ นางก็อาจจะบอกว่า หากเจ้าบริสุทธิ์ อีกสองสามวันผื่นเจ้าหายแล้วความจริงก็เปิดเผยได้แล้ว แต่ปัญหาก็คือ วันคืนเหล่านั้นที่ข้าต้องนั่งรอผื่นหายในคุกหลวง จะไม่โดนผู้ใดลอบเล่นงานข้าจริงๆ น่ะหรือ” ถ้อยคำเหล่านี้สมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่ แม้แต่เซียวฮองเฮาได้ฟังแล้วยังรู้สึกว่าวิธีการทำร้ายคนเช่นนี้มีความเป็นไปได้ หากเป้าหมายขององค์หญิงหนิงอันคือการทำร้ายซิ่นหยางให้ตายในคุกหลวง เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่นางทำหน้าตำหนักจินหลวนในวันนี้ก็สามารถอธิบายได้กระจ่างแล้ว
องค์หญิงหนิงอันโกรธเกรี้ยวยกใหญ่ นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนคนหนึ่งถ้าได้โกหกแล้วจะลื่นไหลเพียงนี้
“แต่เจ้าลืมอะไรไปหรือไม่ ข้าไม่มีเหตุผลต้องทำร้ายเจ้า!”
นางไม่มีเหตุผลต้องทำร้ายซิ่นหยางจริงๆ
ดูซิว่าซิ่นหยางจะโกหกอย่างไรต่ออีก
องค์หญิงซิ่นหยางยกมุมปากอย่างเหยียดหยาม “เจ้าคิดว่าฝ่าบาทไม่บอกอะไรข้าเลยหรือไร”
องค์หญิงหนิงอันขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจว่าองค์หญิงซิ่นหยางหมายความว่าอย่างไร ทว่าสัมผัสได้โดยสัญชาตญาณว่ามีบางอย่างแปลกๆ
องค์หญิงซิ่นหยาง “เรื่องบางเรื่องฝ่าบาทเห็นแก่หน้าเจ้าจึงไม่เอื้อนเอ่ย เดิมทีข้าก็คิดจะไม่เปิดโปงหรอก แต่เจ้าดันทำตัวไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเสียได้ เช่นนั้นก็อย่ามาโทษข้าที่เปิดโปงการกระทำต่ำช้าของพวกเจ้าสองคนแม่ลูกให้ทั้งแคว้นได้รับรู้เลย!”
ขมับองค์หญิงหนิงอันเต้นตุบ!
นางรู้ว่าองค์หญิงซิ่นหยางจะพูดอะไร น่าเสียดายที่นางปฏิกิริยาช้าไปหน่อย ปิดปากองค์หญิงซิ่นหยางไว้ไม่ทันเสียแล้ว
องค์หญิงซิ่นหยางมององค์หญิงหนิงอันด้วยความโมโหคับอก “ตอนลูกชายข้าห้าขวบเคยถูกวางยาพิษใกล้ๆ ตำหนักเหรินโซ่ว เบื้องหลังความชั่วคือเสด็จแม่ของเจ้าอย่างแม่ชีจิ้งอัน! นางวางยาพิษทำร้ายลูกชายข้าแล้วโยนความผิดให้ไทเฮาไม่พอ นางยังวางยาฝ่าบาท และยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทกับไทเฮาให้แตกคอกันด้วย! นางถึงขั้นหาคนมาลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท และลักพาตัวไทเฮาไป! การกระทำชั่วช้าของนางมีเป็นพรวน แต่ละเรื่องบาปหนาจนสุดที่จะบรรยายออกมาได้! คนชั่วช้าสามานย์เช่นนี้ย่อมถูกฟ้าลงโทษถูกธรณีสูบกลืน น่าขันที่เจ้ายังจะคิดว่านางถูกพวกเราวางแผนบีบบังคับให้ตายอยู่อีก!”
องค์หญิงหนิงอัน “เจ้า!”
องค์หญิงซิ่นหยางตรัสเสียงเย็น “ข้าทำไม ข้าพูดผิดประโยคไหนรึ หรือถูกหมดทุกประโยคเลย เจ้ากินปูนร้อนท้องถึงขั้นทำได้แค่ถลึงตาใส่ข้าละสิ”
เนิ่นนานทีเดียวองค์หญิงหนิงอันพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ในขณะนั้นเอง นางจึงได้รู้ตัวว่าตัวเองถูกบดขยี้เข้าเสียแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดจริงหรือเท็จ ล้วนถูกซิ่นหยางบดขยี้ไปหมด
“เจ้าเหลวไหล! ข้าเปล่า! พี่สะใภ้! ต้องเชื่อข้านะ!” องค์หญิงหนิงอันเถียงองค์หญิงซิ่นหยางไม่ได้ จำต้องหันไปฝากความหวังกับเซียวฮองเฮา
เซียวฮองเฮาไม่ถูกกับองค์หญิงซิ่นหยางมาแต่ไหนแต่ไร
หากถามเซียวฮองเฮาว่าไม่ชอบองค์หญิงคนไหนที่สุด ก็คงต้องเป็นซิ่นหยางนี่แหละ
ทว่าส่วนใหญ่จะเห็นแต่เซียวฮองเฮาชักสีหน้าใส่องค์หญิงซิ่นหยาง แต่ไม่รู้ว่านั่นล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อยทั้งสิ้น หากเซียวฮองเฮาต้องการคิดบัญชีกับใครไม่มีทางเอาอารมณ์เขียนติดไว้บนหน้าผากแน่นอน
เซียวฮองเฮาตรัสด้วยสีพระพักตร์จริงจัง “เรื่องนี้ข้าจะตรวจสอบให้ชัดแจ้งเอง ใครก็ได้ มาพาองค์หญิงหนิงอันกลับไปก่อน ไม่มีคำสั่งข้า ห้ามออกจากตำหนักปี้สยาเด็ดขาด”
นี่คือเจตนาที่จะกักบริเวณองค์หญิงหนิงอันชัดๆ
“พ่ะย่ะค่ะ” ซูกงกงขานรับ เรียกขันทีที่แข็งแรงกำยำมาสองนาย ให้ลากตัวองค์หญิงหนิงอันที่มีแผลทั้งตัวออกไป
“เจ้าไปประชุมเช้าเถิด” เซียวฮองเฮาบอกองค์หญิงซิ่นหยาง
องค์หญิงซิ่นหยางพยักหน้า ตรัสเตือน “อย่าให้นางเข้าใกล้ฝ่าบาท”
เซียวฮองเฮาชะงัก
องค์หญิงซิ่นหยางกลับไม่ได้พูดอะไรต่อ สวมหมวกสานที่สาวใช้ส่งให้อีกครั้ง ก่อนหันหลังเดินไปยังตำหนักจินหลวน
ทุกคนรวมถึงเซียวฮองเฮาเหม่อลอยกันอยู่นาน
“จิ้งไท่เฟยเคยทำเรื่องพวกนั้นจริงๆ…”
“อะแฮ่ม!”
ผู้ตรวจการเพิ่งจะพึมพำขึ้นเบาๆ ก็ถูกเจ้ากรมกลาโหมใช้ศอกกระทุ้งให้ เจ้ากรมสวี่กรมกลาโหมกระแอมเบาๆ เตือนสหายให้หุบปาก
“เสด็จแม่…” ไท่จื่อมองเซียวฮองเฮาอย่างเป็นห่วง
“แม่ไม่เป็นไร เจ้าไปประชุมเถิด” เซียวฮองเฮาได้รับการกระทบกระเทือนหนัก นางไม่ได้สงสารจิ้งไท่เฟยหรอก เรื่องที่เกี่ยวกับจิ้งไท่เฟยอันที่จริงนางก็พอจะรู้อยู่บ้าง แต่ไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมด
และนางก็ไม่ได้สงสารองค์หญิงหนิงอันด้วย
นางก็แค่ตั้งสติไม่ค่อยได้เท่านั้นเอง
เซียวฮองเฮาตบบ่าลูกชาย “เจ้ารีบไปสิ อย่าให้เสียเวลาว่าราชการ แม่ยังมีธุระอื่นอีก”
ไท่จื่อ “อ้อ”
เซียวฮองเฮาหลับตาลง แม้จะไม่ยินยอม แต่ก็ยังกำชับ “ชะะ…เชื่อฟังท่านอาซิ่นหยางของเจ้าล่ะ”
“เขาไม่กล้าไม่เชื่อฟังหรอก หลงอีได้ชกเขาแน่” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยโดยไม่ได้หันกลับมา
หลงอีได้ยินเข้ากลับเป็น…*@!##&$ ชกเขาแน่
หลงอีจึงเร้นกายมาตรงหน้าไท่จื่อ!
ไท่จื่อขนพองสยองเกล้าขึ้นมา เฮ้ เฮ้ เฮ้! ข้าเชื่อฟังนะเหตุใดจึงตั้งท่าจะชกข้าเล่า!