สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 585 เทพสังหารหวนคืน
บทที่ 585 เทพสังหารหวนคืน
กู้เจียวกับหลงอีและพรรคพวกรวมห้าคนกลับเข้ามาในป่า รถม้าขององค์หญิงซิ่นหยางและเหล่าบริวารยังคงรออยู่
องค์หญิงซิ่นหยางสังเกตได้ตั้งแต่ก่อนหน้าแล้วว่าหลงอีกับพรรคพวกไม่อยู่ พอเห็นหลงอีและคนอื่นๆ กลับมาพร้อมกับกู้เจียวจึงไม่แปลกใจ
“เหตุใดถึงนานนัก” องค์หญิงซิ่นหยางถาม
หลงอีดันตัวกู้เจียวเข้าไปในห้องโดยสาร
แก้มของกู้เจียวที่ถูกหนีบมาตลอดทางปะทะลมจนชาดิกไปหมด เป็นเวลานานกว่าจะกลับมามีรู้สึกเหมือนเดิม
กู้เจียวไม่ตอบคำถามขององค์หญิงซิ่นหยาง แต่กลับเอ่ยเสียงหงุดหงิด “ช่วยบอกหลงอีว่าอย่าหนีบข้าเช่นนี้ได้หรือไม่”
หลงอีนั้นว่องไวนัก ถูกหนีบเข้าอย่างนั้นรู้สึกเหมือนมีเครื่องเป่าลมเครื่องยักษ์ตั้งอยู่ตรงหน้า
องค์หญิงซิ่นหยางเม้มปาก “เข้าฟังความแค่ครึ่งประโยค หากข้าสั่งให้เขาอย่าได้หนีบเจ้าเช่นนั้นอีก ข้ามั่นใจเลยว่าเขาได้ยินเพียงแค่ ‘หนีบเจ้า’”
กู้เจียว “…”
สักวันนางคงถูกหลงอีหนีบร่อนไปทั่ว
กู้เจียวตอบคำถามเมื่อครู่ “เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ แหวกหญ้าให้งูตื่นจนได้”
“ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่” องค์หญิงซิ่นหยางถาม
กู้เจียวตอบ “หลงอีกับข้าไม่เป็นอะไร แต่คนอื่นถูกแมลงพิษกัด ไม่ใช่แมลงพิษธรรมดา แต่เป็นแมลงที่เล่นงานองครักษ์หลงอิ่งเท่านั้น สิ่งที่ฉินเฟิงเยียนใช้ในห้องทรงอักษรวันนั้นก็คงเป็นแมลงพิษจำพวกนี้”
องค์หญิงซิ่นหยางเลิกม่านขึ้น มองดูองครักษ์หลงอิ่งทั้งสี่นายที่อยู่บนหลังม้า
พวกเขาต่างสวมหน้ากาก จึงมองไม่เห็นว่าใบหน้าซีดเซียวหรือไม่
“รุนแรงมากหรือไม่” นางถาม
กู้เจียวตอบ “ถอนพิษได้ทันเวลาพอดี แต่ยังมีพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย”
องค์หญิงซิ่นหยางขมวดคิ้ว “พวกเขาไม่กลัวแม้แต่งูพิษ แต่กลับกลัวแมลงพิษอย่างนั้นรึ”
กู้เจียวคิดดูแล้วก็จริงอย่างที่ว่า นางเอ่ย “เหนือฟ้ายังมีฟ้า บางครั้งยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไร ก็ยิ่งมองข้ามศัตรูที่แท้จริงไป”
“ก็ถูกของเจ้า” องค์หญิงซิ่นหยางปลดม่านลง “เจ้ากับหลงอีไม่โดนกัดหรือ”
กู้เจียวส่ายหน้า “แมลงพวกนั้นไม่กัดพวกเรา”
ไม่กัดกู้เจียวนั้น องค์หญิงซิ่นหยางยังพอเข้าใจ เพราะหากเจาะจงเล่นงานเฉพาะองครักษ์หลงอิ่งละก็ กู้เจียวย่อมไม่เข้าข่ายเป้าหมายของแมลงพิษ แต่ว่าหลงอีนั้น…
องค์หญิงซิ่นหยางมองหลงอีที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่บนรถม้า ก่อนจะพึมพำ “หลงเข้ามาจริงๆ สินะ…”
นางคลึงหว่างคิ้วพลางเอ่ยถาม “ได้ยาถอนมาหรือไม่”
กู้เจียวคลายห่อผ้าที่มัดติดตัว “ยาที่หามาได้อยู่ในนี้ทั้งหมด แต่ไม่รู้ว่าขวดไหนคือยาถอน ต้องเอากลับไปให้อาจารย์แม่หนานดูอีกที”
องค์หญิงซิ่นหยางเคยได้ยินชื่ออาจารย์แม่หนาน เป็นภรรยาของอาจารย์งานฝีมือที่เซียวเหิงติดต่อมาจากเครือข่ายของตาเฒ่าเฟิงเพื่อสอนวิชาให้กับกู้เสี่ยวซุ่นและกู้เหยี่ยน
เพียงแต่นางยังไม่เคยเจออีกฝ่าย
องค์หญิงซิ่นหยางนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตรัสถาม “หากฉินเฟิงเยียนหลอกเจ้าจะทำเช่นไร หากยาถอนไม่ได้อยู่ในมือของคนแคว้นเยี่ยนพวกนั้นจะทำเช่นไร”
กู้เจียวตอบตามตรง “หลังจากที่นางพูดออกมา ข้าก็ใช้ยากล่อมประสาทก่อนจะสืบสวนนางอีกครั้ง คำตอบที่ได้ตรงกัน นางไม่ได้โกหก”
องค์หญิงซิ่นหยางถามด้วยความสงสัย “ยากล่อมประสาทคืออะไรอีกเล่า”
กู้เจียวอธิบาย “เป็นยาที่ทำให้ไม่ได้สติประเภทหนึ่ง ใช้เพื่อการสอบสวน”
องค์หญิงซิ่นหยางมองนาง “ได้ผลจริงหรือ”
กู้เจียวเอ่ยต่อ “บางคนก็ได้ผล บางคนก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์จนไม่อาจเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้อีก แล้วก็มีที่ไม่ได้ผลเลย”
องค์หญิงซิ่นหยางตรัสเสียงเรียบ “ประเดี๋ยวแบ่งให้ข้าสักนิดสิ”
กู้เจียว “ได้สิ”
ราวกับนึกอะไรขึ้นได้บ้างอย่าง กู้เจียวจึงรีบเอ่ยขึ้น “เพราะเวลาเร่งรัด ข้าจะขอพูดสั้นๆ ยังมีอีกสองเรื่อง”
องค์หญิงซิ่นหยางมองไปทางนาง “ว่ามา”
กู้เจียวเอ่ย “ในชาวแคว้นเยี่ยนพวกนั้นมีแม่ทัพคนหนึ่งแซ่หนานกง และวันนี้มีชาวแคว้นเจาคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยกับเขา ก่อนจะจากกัน เขาเอ่ยกับแม่ทัพหนานกงว่า ‘แม่ทัพหนานกง ขอบพระคุณยิ่งนัก’”
องค์หญิงซิ่นหยางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “แม่ทัพหนานกงอย่างนั้นหรือ แม่ทัพหนานกง ขอบพระคุณยิ่งนักอย่างนั้นรึ”
กู้เจียวต้องการม้าเพื่อนำยากลับวังหลวง องค์หญิงซิ่นหยางสั่งให้หลงอีตามประกบนาง
ทั้งสองคนเลือกม้าสองตั้วที่ทรหดที่สุด
กู้เจียวควบขึ้นหลังม้า กำชับองค์หญิงซิ่นหยาง “พวกเขาสี่คนโดนพิษเข้าไป ทางที่ดีอย่างเพิ่งขี่ม้า ป้องกันไม่ให้เป็นอะไรไประหว่างทาง กลับถึงเมืองหลวงแล้วข้าจะให้ยาถอนพิษกับเขา”
องค์หญิงซิ่นหยางตรัสสีหน้าจริงจัง “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ารีบไปเถิด ต้องช่วยเจ้าเจ็ดให้ได้!”
กู้เจียวกระชากบังเหียน เปลี่ยนทิศทางของม้า นางเหลียวกลับไปมองรถม้าพลางเอ่ย “อีกอย่าง ชาวแคว้นเยี่ยนพวกนั้นอาจจะตามมา ท่านระวังตัวด้วย”
องค์หญิงซิ่นหยางตรัส “เจ้าอย่าได้กังวลเรื่องนี้! รีบไป!”
กู้เจียวกับหลงอีควบม้าหายไปในความมืดมิดของยามราตรี
ตอนนี้เพิ่งจะผ่านยามจื่อไป ว่ากันตามตรงยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ ทว่าโชคร้ายที่องครักษ์หลงอิ่งแห่งแคว้นเยี่ยนได้ตามมาแล้ว
ถนนหลวงมีเพียงสายเดียว ไม่ว่ากู้เจียวกับหลงอีจะทิ้งห่างพวกเขาไกลแค่ไหน พวกเขาก็เร่งตามติดมาได้อยู่ดี
หลงอีกระชากม้าให้หยุด
กู้เจียวเหลียวกลับมาก่อนจะส่งสัญญาณให้เขาทางสายตา
กู้เจียวยังคงควบม้าต่อไป
หลงอีหันหลังกลับ ใช้กำลังของตนเพียงคนเดียวขวางอีกฝ่ายเอาไว้
กู้เจียวเร่งฝีเท้าม้าสุดกำลัง
นี่คือทางหลวงที่ฉินเฟิงเยียนเคยใช้หลบหนี หากมุ่งหน้าต่อไปอีกสิบลี้ก็จะถึงศาลาเฟิ่งหวง
หากผ่านศาลาเฟิ่งหวงไปก็ใกล้ถึงที่หมายแล้ว
เขาชางเป้ยห่างจากประตูตะวันตกของเมืองหลวงไม่ถึงยี่สิบลี้
ทว่าเมื่อใกล้ถึงศาลาเฟิ่งหวง ธนูดอกหนึ่งก็พุ่งออกมาจากเนินเขา ม้าของกู้เจียวคือเป้าหมายของมัน เจ้าม้าเจ็บปวดร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงตรงหน้าในทันที
กู้เจียวก็ถลาลงไปพร้อมกัน
จะคว้าทวนออกมาก็ช้าไปเสียแล้ว นางปกป้องยาที่อยู่ในอกเสื้อ กลิ้งตลบไปบนพื้นก่อนจะพยุงตัวได้ในที่สุด
ทว่ายังไม่ทันได้ลุกยืนขึ้น ศรธนูอีกดอกหนึ่งก็พุ่งเข้ามา
หากไม่ใช่เพราะนางว่องไวพอจึงหลบได้ทัน ธนูดอกนั้นคงแทงทะลุแขน ตรึงนางไว้กับพื้นดินแล้ว
สองตาของกู้เจียวเบิกโพลง มองไปทางเนินเขา
ตรงนั้นมีมือธนูชั้นยอดในชุดยาวสีดำคนหนึ่งกำลังยืนตระหง่านง้างสายธนู แขนเสื้อกว้างของเขาปลิวพริ้วเพราะลมหนาว แม้ระยะทางจะห่างไกลราวกับเขานับพันธารานับหมื่นขวางกั้น ทว่ากู้เจียวยังคงสัมผัสได้ถึงรังสีอาฆาตในสายตาเขา
รังสีที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขานั้นไม่ต่างกับหมาป่ายักษ์เทียนหลังเลย!
เขาออกมาจากตรอกเล็กๆ ด้วยเหตุนั้นจึงไม่ได้ประจันกับหลงอีบนถนนหลวง
ดูท่าแล้วหากไม่ฆ่าเขา วันนี้ก็คงหนีไม่รอด
ตอนนี้นางฟื้นฟูกำลังแล้ว หากจะต้องปะทะกับหมาป่ายักษ์ก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก หากออกกระบวนท่าได้ดีก็อาจจะเสมอ ส่วนเรื่องที่จะฆ่าอีกฝ่ายนั้นคงเป็นไปไม่ได้
กู้เจียวยกแขนขึ้นอย่างเยือกเย็น คว้าทวนพู่แดงที่อยู่บนหลังไว้แน่น
…
ตำหนักคุนหนิง แสงไฟสว่างไสว
ฉินฉู่อวี้ยังไม่ได้สติ เหล่าคนในวังไม่กล้าแม้แต่จะสูดหายใจ
เซียวฮองเฮากับหนานเซียงเฝ้าอยู่ในห้องจนกระทั่งตอนนี้ ซูกงกงเห็นเซียวฮองเฮากังวลใจจนเส้นเลือดในดวงตาแดงก่ำ แต่กลับไม่กล้าปลอบนาง
เซียวฮองเฮาร้องไห้จนตาบวม สะอึกสะอื้นจนคอแห้ง
นางกุมมือฉินฉู่อี้ไว้แน่น ลูบใบหน้าไร้สีเลือดของฉินฉู่อี้ เอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่น “เจ้าเจ็ด เจ้าต้องเข้มแข็งเอาไว้นะ… เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน… แค่เจ้าฟื้นขึ้นมา… แม่จะยอมทุกอย่างที่เจ้าขอ… แม่จะไม่บังคับให้เจ้าท่องหนังสือแล้ว… ไม่บังคับให้เจ้าคัดอักษรแล้ว… เจ้าไม่อยากไปกั๋วจื่อเจียน… แม่ก็จะไม่ส่งเจ้าไปกั๋วจื่อเจียน… เจ้าอยากกินขนมเยอะแค่ไหน… แม่ก็จะตามใจเจ้า… เจ้าอย่าได้เป็นอะไรไปเลย…”
ร่างกายของฉินฉู่อี้เริ่มกระตุกเกร็ง
หนานเซียงลุกพรวดอย่างว่องไว ยกแขนเสื้อของฉินฉู่อี้ นางเห็นรอยประทับสีขาวบนข้อมือของฉินฉู่อี้บัดนี้ได้ลามมาถึงกลางฝ่ามือ หากแผ่มาถึงปลายนิ้วเมื่อใด เขาคงไม่สามารถกลับมายังโลกนี้ได้อีกแล้ว
“หมอหนาน! เจ้าเจ็ดเป็นอะไรไปหรือ” เซียวฮองเฮาถามทั้งน้ำตา
เซียงหนานเอ่ย “อาการของเขาแย่กว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้! ยาพิษของข้ายั้งพิษไว้ไม่ไหว! คงไม่พ้นรุ่งสาง!”
นางมองนาฬิกาทรายบนผนัง สีหน้าว้าวุ่น “เหลืออีก…เหลืออีกหนึ่งชั่วยาม หากยามโฉ่วสี่เค่อเจียวเจียวเอายาถอนกลับมาไม่ได้…”
เช่นนั้นแล้ว…แม้แต่เทพเซียนองค์ใดก็ไม่อาจช่วยเขาได้
เซียวฮองเฮาโถมเข้าหาฉินฉู่อวี้ ร้องไห้ฟูมฟาย “เจ้าเจ็ด! เจ้าเจ็ด!”
นอกศาลาเฟิ่งหวง จันทร์อับแสง ลมกรรโชกแรง
กู้เจียวและชายชุดดำประมือกันหลายร้อยกระบวนท่า เวลาผ่านไปนาน เรี่ยวแรงของกู้เจียวค่อยๆ ถดถอยทีละน้อย
นางประเมินหมาป่ายักษ์ต่ำเกินไป คราวก่อนบนภูเขาหิมะนั้นนางวางกับดักไว้ ไม่ให้หมาป่ายักษ์แสดงฝีมือได้เต็มที่
วันนี้ได้มาเจอหมาป่ายักษ์อีกครั้ง นางถึงได้รู้ว่าฝีมือของเขานั้นน่ากลัวเพียงใด
ท่อนแขนและรอบเอวของกู้เจียวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ยังดีที่มีทวนพู่แดงช่วยอีกแรง ไม่อย่างนั้นหากเป็นอาวุธธรรมดามีหวังคงถูกกระบี่ยาวของอีกฝ่ายขยี้จนเละไปแล้ว
ทว่ากู้เจียวยังค้นพบอีกเรื่องหนึ่ง เจ้าหมอนี่เล็งอาวุธของนาง
เหตุใดยอดฝีมือเทียนหลังถึงอยากได้ทวนพู่แดงของนางทั้งนั้น
ยอดฝีมือชุดดำตวัดวาดกระบี่อีกครั้ง
กู้เจียวออกเพลงทวนพลิ้วไหวดุจมังกรระบำ ยั้งกระบี่ของเขาเอาไว้ได้!
อาวุธประสานงา ประกายไฟสว่างวาบขึ้นกลางความมืด
ทั้งสองไม่มีผู้ใดยอมถอย เรียวคิ้วห่างกันเพียงคืบ รังสีอำมหิตในแววตากำลังห้ำหั่นกัน
กู้เจียวยกเท้าขึ้น เขาเองก็หลบเลี่ยงตามสัญชาตญาณ ทั้งสองถอยผละออกจากกัน กู้เจียวถอยไปไกลกว่า
ยามโฉ่วแล้ว
หากยังสู้กันต่อไป ต่อให้ฟ้าสางแล้วก็คงฆ่าเขาไม่ได้
กู้เจียวชันเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น ใช้ทวนค้ำไว้ข้างกายเพื่อพยุงร่างอันอ่อนล้าขึ้นมา ใช้ดวงตาแดงก่ำและลมหายใจหอบกระชั้นมองเขา
ทว่าเมื่อกู้เจียวยืนขึ้น แววตาดุร้ายดุจสัตว์ป่าก็เผยออกมา
นางยกมือซ้ายขึ้น ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวแล้วหยิบยันต์กันภัยออกมาจากคอเสื้อ
นางฉีกยันต์กันภัยที่องค์หญิงหนิงอันมอบให้ ฝ่ามือทิ้งตัวลงกำหมัดไว้หลวมๆ ยันต์กันภัยค่อยๆ ร่วงลงบนพื้น
ชายชุดดำมองกู้เจียวในร่างเด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร
เห็นเพียงแค่ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นกำลังแลบลิ้นเลียเลือดมุมปาก
วินาทีต่อมา รังสีอำมหิตรุนแรงก็แผ่ซ่านออกมาจากเด็กหนุ่มผู้นั้น
เทพสังหารกลับมาแล้ว!