สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 590 เสี่ยวจวงจวงผู้กล้าหาญ
บทที่ 590 เสี่ยวจวงจวงผู้กล้าหาญ
เสียงที่โพล่งขึ้นกะทันหันทำให้อันจวิ้นอ๋องใจกระตุกวาบ เขาตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว
ปฏิกิริยานี้ย่อมไม่รอดพ้นสายตาของราชครูจวงไปได้
สายตาเย็นชาของราชครูจวงมองแผ่นหลังเขา “ดึกดื่นเพียงนี้แล้วเจ้าคิดจะไปไหน”
อันจวิ้นอ๋องบังคับตัวเองให้นิ่งเข้าไว้ เขาค่อยๆ หันหลังกลับไป พยายามทำสีหน้าปกติเอ่ยกับราชครูจวง “ข้า…ทำของตกไว้ข้างนอก จะออกไปหา”
ราชครูจวงแววตาอันตรายมองเขา “อย่างนั้นหรือ เจ้าทำอะไรตกไว้เล่าดึกดื่นค่อนคืนแล้วยังจะออกไปหา”
อันจวิ้นอ๋องหน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดซึม “ขะ…ข้าทำป้ายหยกหล่นหาย ป้ายหยกตระกูลจวงขอรับ”
“อย่างนั้นหรือ” ราชครูจวงสาวเท้าเดินมาหาอันจวิ้นอ๋อง
อันจวิ้นอ๋องสัมผัสได้ถึงความกดดันและความน่าเกรงขามมหาศาล หน้าผากเขาเหงื่อซึมยิ่งกว่าเดิม ลูกกระเดือกขยับไหวอย่างวิตก
ราชครูจวงหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าเขา ยกมือดึงบั้นเอวเขา “เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามาว่านี่มันอะไร”
อันจวิ้นอ๋องแววตาวูบไหว ยิ้มแหยเอ่ย “ปะ…ป้ายหยกของข้าอยู่ตรงบั้นเอวนี่เองหรือนี่ ข้าก็นึกว่ามันหล่น…”
ราชครูจวงเอ่ยเสียงเย็น “จวงอวี้เหิง เจ้ายังจะเสแสร้งไปจนถึงเมื่อใด”
อันจวิ้นอ๋องเอ่ย “ท่านปู่พูดอะไร หลานไม่เข้าใจ”
ราชครูจวงกัดฟันกรอด “ไม่เข้าใจอย่างนั้นรึ ได้ ข้าถามหน่อย เมื่อครู่นี้เจ้าไปทำอะไรที่ห้องหนังสือข้า”
“ข้า…” หน้าอกของอันจวิ้นอ๋องกระเพื่อมขึ้นลงแรงๆ แววตาเขาปกปิดอาการกินปูนร้อนท้องไว้ไม่อยู่แล้ว เขามองป้ายคำสั่งในมือราชครู ก่อนเอ่ย “ข้าหาอันนี้นี่แหละ!”
ราชครูจวงค่อนข้างไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของหลานชาย “ป้ายหยกอันเดียวเจ้าทำตกตั้งแต่นอกจวนยันในจวน ยังมีข้ออ้างที่แย่กว่านี้อีกหรือไม่! จวงอวี้เหิง ดีร้ายอย่างไรเจ้าก็เป็นหลานของข้า แม้แต่โกหกก็ทำไม่เป็นรึ!”
อันจวิ้นอ๋องอ้าปากพะงาบ “ท่านปู่…”
ราชครูจวงมองเขาอย่างเย็นชา “นี่มันหน้าบ้าน คนรับใช้มากมายมองอยู่ ข้าไม่อยากทำเจ้าลำบากใจ! เอาของออกมาเสียแต่โดยดี!”
อันจวิ้นอ๋องหลบตาดุดันของราชครูจวง “ของอะไรหรือ หลานไม่เข้าใจ”
ราชครูจวงเอ่ยเสียงเข้ม “คำก็หลานสองคำก็หลานรึเดี๋ยวนี้ จวงอวี้เหิง จะมาเล่นตุกติกกับข้า เจ้ายังอ่อนหัดนัก! เจ้าจะส่งมาให้เองดีๆ หรือจะให้ข้าให้คนค้นตัวเจ้าออกมา! นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า! อย่าคิดว่าเจ้าเป็นหลานชายแท้ๆ ของข้าแล้วข้าจะหักใจลงมือด้วยไม่ได้เชียวนะ! หากยังกล้าดื้อกับข้า ข้าจะคิดว่าไม่มีหลานอย่างเจ้า!”
“ไทเฮา” อันจวิ้นอ๋องเอ่ยเรียกด้านหลังราชครูจวง
ราชครูจวงหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณ
อันจวิ้นอ๋องสาวเท้าโกยทันที!
ราชครูจวงโมโหเขาจะตายอยู่แล้ว กำหมัดแน่น ไหล่ก็สั่นไม่หยุด “จับเขากลับมาให้ได้!”
องครักษ์เฝ้าประตูสองนายรีบวิ่งออกไปที่ประตู อันจวิ้นอ๋องวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกสองคนนี้จับตัวไว้
ทั้งสองหามอันจวิ้นอ๋องกลับมาที่ประตูใหญ่
“ปิดประตู” ราชครูจวงไม่อยากให้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นเข้า
บ่าวรับใช้ปิดประตูใหญ่ด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
เมื่อครู่เขาเกือบปล่อยจวิ้นอ๋องไป ไม่รู้ว่านายท่านจะโกรธหรือไม่
ราชครูจวงยามนี้ย่อมไม่มีเวลามาลงโทษเหล่าคนรับใช้หรอก เขาไล่ออกไปหมด เหลือไว้แค่องครักษ์คนสนิทสองคน
เขามองไปยังอันจวิ้นอ๋องที่ถูกจับตัวอยู่ตรงหน้าตัวเอง เอ่ย “เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาของออกไปได้สำเร็จหรือ เจ้าคิดว่าพอข้ารู้ตัวเจ้าก็หนีไปไกลลิบแล้วอย่างนั้นหรือ จวงอวี้เหิง เจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน”
อันจวิ้นอ๋องไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่เอ่ย “ท่านปู่ เหตุใดต้องสมคบคิดกับคนแคว้นเยี่ยนด้วย”
ราชครูจวงหรี่ตาลง “ใครมันบอกเจ้า”
อันจวิ้นอ๋องเอ่ย “ท่านปู่ไม่ต้องสนใจว่าใครเป็นคนบอกข้าหรอก แค่ตอบข้ามาก็พอว่าใช่หรือไม่”
ราชครูจวงย่อมไม่มีทางถูกเขาจูงจมูกเดินอยู่แล้ว “ดังนั้นเจ้าจึงมาขโมยราชโองการ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะได้ยินข่าวคราวอะไรข้างนอก ทางที่ดีเจ้าหุบปากจะดีกว่า!”
ความหดหู่เหลือล้นฉายวาบผ่านแววตาของอันจวิ๋นอ๋อง “ดังนั้น แปลว่าท่านปู่สมคบคิดกับคนแคว้นเยี่ยนจริงๆ ! ท่านปู่คิดจะทำอะไรกันแน่ ก่อกบฏรึ!”
ราชครูจวงตวาดอย่างเดือดดาล “เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”
อันจวิ้นอ๋องไม่ยอม องครักษ์เตะข้อพับขาเขา บังคับให้เขาคุกเข่าลงกับพื้น
ราชครูจวงเอ่ย “ค้นตัวเขา!”
อันจวิ้นอ๋องเอ่ยเสียงเย็น “บังอาจ! ข้าคือจวิ้นอ๋องที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง! พวกเจ้าอยากหัวกุดรึ!”
องครักษ์ลังเลครู่หนึ่ง
ราชครูจวงตวาด “ค้น!”
องครักษ์ค้นตัวอันจวิ้นอ๋องต่อ ปล่อยให้อันจวิ้นอ๋องดิ้นให้พออย่างไรเสียก็เปล่าประโยชน์
ทว่าเนื่องจากราชโองการไม่ใช่ของแข็ง จะคลำอย่างไรก็คลำไม่เจอ
ราชครูจวงชะงัก “ดึงอาภรณ์เขาลงมา ถอดออก!”
อันจวิ้นอ๋องต่อต้านรุนแรง ถูกสองคนกดไว้กับพื้น เสียดสีไปมาจนศอกกับเข่าได้เลือด
สองคนนั้นทั้งดึงทั้งถอด สุดท้ายแทบจะเหลือแค่กางเกงตัวใหญ่ๆ ตัวเดียว
“นายท่าน ไม่มีขอรับ!”
อันจวิ้นอ๋องขดตัว ตัวสั่นงันงกอยู่บนพื้นเย็นเยียบ
ราชครูจวงโมโหจนหายใจไม่ทัน “เจ้าเอาราชโองการไปซ่อนไว้ที่ไหน!”
“นายท่าน! แย่แล้วนายท่าน! ไฟไหม้ห้องหนังสือขอรับ!”
ราชครูจวงนัยน์ตาหดเกร็ง มองอันจวิ้นอ๋องที่ตัวสั่นอยู่บนพื้นเย็นเฉียบอีกครั้ง เห็นเพียงอันจวิ้นอ๋องยกยิ้มมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มออกมา แล้วเอ่ยเสียงอ่อนระโหย “แล้วนี่…ท่านปู่นึกถึงหรือไม่”
เมื่อราชครูจวงมาถึงห้องหนังสือ ไฟก็ไหม้ห้องหนังสือจนควบคุมไม่ได้แล้ว
ผู้ดูแลเอ่ยอย่างร้อนรน “…ไม่รู้ว่าไหม้ได้อย่างไร พอข้าน้อยเห็นแสงไฟก็รีบมาเลย ด้านในไหม้จนควบคุมไม่ได้แล้ว แต่ตราประทับกับฎีกาบนโต๊ะใต้เท้าข้าน้อยให้คนรีบเอาออกมาก่อนแล้ว…”
นั่นสิ คนปกติเจอเพลิงไหม้เช่นนี้ย่อมเลือกหอบของที่พวกเขาคิดว่าราชครูจวงให้ความสำคัญมาก่อน ไม่มีทางสนใจสิ่งอื่นอยู่แล้ว
ราชครูจวงยืนอยู่หน้าเพลิงไหม้ สงบสติอารมณ์และแยกแยะสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด พอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
อันดับแรก จวงอวี้เหิงกลับมาเพราะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง และตนไว้ใจหลานชายคนนี้มากเกินไป ถึงแม้เขาจะออกจากบ้านไปก็ไม่คิดว่าเขาจะสามารถทำเรื่องเกินพอดีเช่นนี้ได้
อย่างที่สอง เขาคิดไว้แล้วว่าตัวเองไม่มีทางหอบราชโองการหนีไปได้ไกลแน่ เขาจึงซ่อนราชโองการไว้ที่ไหนสักมุมของห้องหนังสือ แล้วเผามันเสีย!
เมื่อตนออกมาจากห้องน้ำชา บ่าวรับใช้บอกตนว่าจวงอวี้เหิงได้กลับมาอีกครั้ง ตนจึงได้ตรวจดูภาพนั้นในห้องหนังสือเป็นอย่างแรก พบว่าราชโองการในนั้นหายไป พลันคิดได้ว่าจวงอวี้เหิงขโมยออกไป
จวงอวี้เหิงน่าจะจุดไฟในมุมที่ถูกชั้นหนังสือบังไว้
ตนรีบตามไปเอาราชโองการ พอเข้าไปแล้วก็ออกมาทันที จึงไม่ได้เห็นเปลวไฟเล็กๆ ในมุมนั้น
จวงอวี้เหิงเอ๋ย จวงอวี้เหิง ไม่ได้พบแค่ไม่กี่วัน เก่งขึ้นแล้วนี่!
ราชโองการนั้นเป็นไม้ตายของฉินเฟิงเยียนไม่พอ ยังเป็นไพ่ใหญ่ใบสุดท้ายที่พลิกสถานการณ์ของราชครูจวงด้วย ราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อนคืออะไร คือระบบการสืบสันตติวงศ์ของราชวงศ์ที่ถูกต้องมีเหตุผล บารมีของมันอยู่เหนือฝ่าบาทองค์ปัจจุบันเสียอีก!
ขอแค่เขาเอาราชโองการนี้ออกมาแต่งตั้งชินอ๋องหรือองค์ชายที่เหลือเป็นฮ่องเต้ ก็จะมีขุนนางที่จงรักภักดีคล้อยตาม ถึงเวลานั้นผนวกกับอำนาจหลายปีของเขาและการช่วยเหลือจากตระกูลหนานกงแห่งแคว้นเยี่ยน การใหญ่ก็จะสำเร็จโดยไร้กังวล!
ทว่ายามนี้ ราชโองการฉบับนั้นถูกหลานชายที่เขาให้ความสำคัญที่สุดทำลายไปแล้ว!
เพลิงโทสะในใจราชครูจวงเพียงพอจะแผดเผาอันจวิ้นอ๋องเป็นร้อยๆ หน!
เขาเดินโมโหมาตรงหน้าประตูจวน เสื้อผ้าอันจวิ้นอ๋องถูกฉีกขาดไปหมดแล้ว ยามนี้สิ่งที่ปกปิดร่างเขาคือชุดคลุมตัวนอกขององครักษ์
ราชครูจวงไม่ใช่คนที่จะลงมือง่ายๆ ทว่าเขาทนไม่ไหวแล้วจริงๆ “จวงอวี้เหิง เจ้าเก่งนัก เก่งนัก! เจ้าอยากตายใช่หรือไม่ ได้ ข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนา! ใครก็ได้! ลากตัวเขาออกไปโบย!”
หลานชายที่กินบนเรือนขี้บนหลังคาเช่นนี้ เขาไม่อยากได้!
“ท่านปู่!”
จวงเย่ว์ซีพลันพุ่งมาหา โผมาตรงหน้าอันจวิ้นอ๋อง แล้วหันไปมองปู่ตัวเอง “ท่านปู่อย่าตีท่านพี่เลย!”
ราชครูจวงเพลิงโทสะท่วมฟ้า “แม้แต่เจ้าก็ยังจะเป็นปรปักษ์กับข้ารึ”
จวงเย่ว์ซีเดินเข่ามาตรงหน้าเขา กอดขาเขาไว้ “ท่านปู่! ท่านอย่าโกรธท่านพี่เลยนะเจ้าคะ! ท่านพี่ไม่ได้ตั้งใจ! ท่านอภัยให้ท่านพี่เถิด!”
ราชครูจวงถีบจวงเย่ว์ซีให้หลบ “ยังไม่รีบลงมืออีก!”
องครักษ์สองนายหามอันจวิ้นอ๋องขึ้น
“ปล่อยพี่ข้านะ!” จวงเย่ว์ซีโผไปหาอีกหน กัดข้อมือองครักษ์หนึ่งในนั้นไว้
“มัวเหม่ออะไรกัน!” ราชครูจวงตวาดใส่สาวใช้ของจวงเย่ว์ซี
สาวใช้รีบเดินมาดึงตัวจวงเย่ว์ซีออก
จวงเย่ว์ซีดิ้นสุดชีวิต น้ำตาไหลดั่งฝนริน “ท่านปู่! ท่านปู่! ท่านพี่เป็นหลานชายแท้ๆ ของท่านนะ! ท่านจะตีเขาตายไม่ได้! ท่านจะตีก็มาตีซีเอ๋อร์เถิด! ซีเอ๋อร์ยอมโดนลงโทษแทนท่านพี่! ท่านปู่! ท่านปู่ตีซีเอ๋อร์เถิด! ท่านอย่าตีท่านพี่! อย่า…อย่า…”
ราชครูจวงไม่สนใจเสียงร้องห่มร้องไห้และการอ้อนวอนของหลานสาวเลยสักนิด เขาให้คนปิดปากแล้วลากตัวนางออกไป
เขาสีหน้าเย็นชามองอันจวิ้นอ๋อง “ลงโทษ!”
ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง!
ทันใดนั้นเสียทุบประตูรุนแรงก็ดังขึ้น
ราชครูจวงขมวดคิ้ว “ผู้ใด”
“เปิดประตู! กรมยุติธรรมตรวจคดี! ผู้ฝ่าฝืนจะโดนจับเข้าคุก!”
ราชครูจวงหน้าเย็นเยียบให้องครักษ์หนึ่งในนั้นไปเปิดประตู
ผู้ช่วยหลี่เข้ามาอย่างสงบพร้อมกับเอกสารการจับกุมจากกรมยุมติธรรม มองอันจวิ้นอ๋องที่ถูกลากตัวไปไม่ทัน ก่อนจะประสานมือคำนับให้ราชครูจวงอย่างเป็นทางการ แล้วยื่นเอกสารราชการให้ “ราชครูจวงปล่อยให้จวงอวี้เหิงหลานชายมีส่วนร่วมในคดีฆาตกรรม ข้ารับคำสั่งให้มาจับตัวนักโทษจวงอวี้เหิงกลับไปเพื่อยุติคดี ขอราชครูจวงอย่าได้ขัดขวางข้าดำเนินคดี”
…
อันจวิ้นอ๋องถูกสวมเครื่องพันธการแล้วจับขึ้นรถนักโทษ
รถนักโทษมาถึงครึ่งทาง ผู้ช่วยหลี่ก็ปล่อยตัวอันจวิ้นอ๋อง
อันจวิ้นอ๋องนั่งรถม้าที่รออยู่ในตรอกนานแล้ว ก็เห็นเซียวเหิงตามดังที่คาดไว้
“เจ้านี่มันช่าง…”
อันจวิ้นอ๋องอยากบอกว่าเจ้านี่มันช่างกล้าจริงๆ แม้แต่แอบอ้างกรมยุติธรรมก็ยังกล้าทำได้
คำพูดติดอยู่ตรงปลายลิ้น เจ้าคนนี้กล้าปลอมแปลงแม้แต่ราชโองการฝ่าบาท ยังมีอะไรที่เขาไม่กล้าอีก
อันจวิ้นอ๋องเลิกคิ้วเอ่ย “เจ้าไม่ยื่นมือช่วย ข้าก็ออกมาเองได้!”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก” เซียวเหิงเอ่ยเสียงนิ่ง
“เหอะ” อันจวิ้นอ๋องผินหน้าหนี
ทั้งคู่กลับมาที่ตรอกปี้สุ่ย เมื่ออันจวิ้นอ๋องเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา องค์หญิงซิ่นหยางก็ออกมาแล้ว
อันจวิ้นอ๋องเห็นนางมาเป็นครั้งแรก เขาไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเซียวเหิง จึงแปลกใจกับการมาเยี่ยมอย่างกะทันหันของนาง
เขาไม่รู้และไม่กล้าถามด้วย
“ราชโองการเล่า เผาไปจริงๆ รึ” องค์หญิงซิ่นหยางตรัสถาม
ทั้งสามนั่งอยู่ในห้องหนังสือของเซียวเหิง
“ไม่ได้เผา ข้าเอาออกมาแล้ว” อันจวิ้นอ๋องหยิบราชโองการเปล่าออกมาวางบนโต๊ะ
องค์หญิงซิ่นหยางหยิบราชโองการขึ้นมา ปลายนิ้วลูบเนื้อสัมผัสและลายเส้นบนราชโองการ “สมกับเป็นราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อน กระดาษและไหมต่างกับปัจจุบัน มันมีความนุ่มลื่นมาก ว่ากันว่าทำจากเยื่อไผ่พิเศษชนิดหนึ่ง มีกลิ่นไผ่อ่อนๆ จะว่าไปแล้วเจ้าเอามันออกมาได้อย่างไร เจ้าโดนค้นตัวแล้วมิใช่หรือ”
อันจวิ้นอ๋องเกาหัว “ถูกค้นจริง แต่ว่า…พวกเขาคิดไม่ถึงว่าข้าจะเย็บราชโองการไว้ตรงนั้น”
องค์หญิงซิ่นหยางเอาราชโองการมาใกล้จมูกแล้วดมอย่างละเอียด หลับตาสัมผัสกับกลิ่นอายของมันอย่างเคลิบเคลิ้ม “ที่ใดรึ”
อันจวิ้นอ๋อง “อยู่ในกางเกงใน”
ตุ้บ
องค์หญิงซิ่นหยางโยนราชโองการในมือทิ้ง!