สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 593 ปล่อยไม้ตาย (1)
บทที่ 593 ปล่อยไม้ตาย (1)
หมอยาแคว้นเยี่ยนมาโรงประลองใต้ดินแคว้นเจาตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน องค์หญิงซิ่นหยางเมื่อก่อนไม่ได้สนใจคนคนนี้เท่าใดนัก พูดให้ถูกก็คือนางไม่ได้ใส่ใจเรื่องโรงประลองใต้ดินเท่าใดนัก
ที่นั่นมีแต่ตีๆ ต่อยๆ กัน นางไปครั้งสองครั้งก็ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว
หมอยาแคว้นเยี่ยนออกมาจากโรงประลองใต้ดิน ก่อนขึ้นรถม้าที่ไม่นับว่าสะดุดตาคันหนึ่ง มีองครักษ์คุ้มกันติดตามสี่นายรวมคนขับรถด้วย
องค์หญิงซิ่นหยางไม่เก่งวรยุทธ์ จึงมองไม่ออกว่าวรยุทธ์พวกเขานั้นล้ำลึกแค่ไหน แต่จากรายงานที่นางมี หมอยาแคว้นเยี่ยนมาอยู่แคว้นเจานานเพียงนี้ กลับไม่เคยพลาดท่าให้ใครมาก่อนเลย ทั่วทั้งโรงประลองใต้ดินก็แทบจะไม่มีใครกล้าท้าทายอำนาจเขาด้วย
“ตามอยู่ห่างๆ อย่าให้เขารู้ตัว” องค์หญิงซิ่นหยางสั่งคนขับรถ
คนขับรถขานรับ “พ่ะย่ะค่ะ”
รถม้าที่มุ่งไปยังประตูเมืองฝั่งตะวันตกตอนกลางวันมีไม่ใช่น้อยๆ ต่อให้ตามอยู่ด้านหลังก็ไม่ทำให้ใครสังเกตเห็นได้ง่ายๆ ว่าจงใจตาม หลังออกจากประตูเมืองมาถึงได้สังเกต แต่องค์หญิงซิ่นหยางป้องกันไว้แต่แรกแล้ว รถม้าของนางประดับสัญลักษณ์ศาลพักม้าเอาไว้
ฟากฟ้ามืดมิดลง
“เหมือนฝนจะตกนะเพคะ” อวี้จิ่นทอดมองฟากฟ้านอกหน้าต่างพลางเอ่ย
องค์หญิงซิ่นหยางส่งเสียงอืมออกมา “ครึ้มตั้งแต่เช้าแล้ว เดี๋ยวคงจะตก ถึงจะตกก็ไม่เป็นไร เขาจะได้ไปหลบฝนในบ้านพอดี”
รถม้าเคลื่อนตามมาตลอดทางอย่างไม่รีบไม่ร้อน เมื่อใกล้ถึงถนนหลวงภูเขาชางเป้ย รถม้าของหมอยาแคว้นเยี่ยนก็จอดลง
หมอยาแคว้นเยี่ยนทิ้งคนขับรถให้เฝ้ารถม้า ส่วนตัวเองพาองครักษ์สามคนสะพายตะกร้ายาขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร
หมอยาแคว้นเยี่ยนออกเมืองมาเก็บยาไม่ค่อยแน่นอน บางครั้งก็ไม่มาเก็บเลยตลอดทั้งปี บางครั้งครึ่งเดือนอยู่ข้างนอกตลอด ผ่านไปไม่ถึงครึ่งปีแล้วที่หมอยาแคว้นเยี่ยนมาเก็บสมุนไพรครั้งที่แล้ว หากเขาพลาดครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องรอนานแค่ไหน
อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ทุกคราที่จะบังเอิญเจอสมุนไพรที่เขาต้องการแล้วล่อเขาออกมาได้
รถม้าขององค์หญิงซิ่นหยางจอดลงเช่นกัน อวี้จิ่นพินิจมองพวกหมอยาแคว้นเยี่ยนผ่านช่องว่างของม่านหน้าต่าง “องค์หญิง พวกเขาเข้าไปแล้วเพคะ”
องค์หญิงซิ่นหยางมองลอดช่องว่างหน้าต่างไปเช่นกัน “ขึ้นเขาแล้วก็ดี”
นางให้คนเอาสมุนไพรไปปลูกไว้บนเขาแล้ว พูดตรงๆ ว่าไม่ใช่สมุนไพรมีค่ามีราคาอะไรมากมาย แต่เป็นสมุนไพรที่ไม่ค่อยพบเห็นในฤดูนี้ก็เท่านั้น นางเสียเวลายกใหญ่ทีเดียวจึงซื้อมาจากคนอื่นได้
“หลงอี” องค์หญิงซิ่นหยางเรียก
หลงอีเร้นกายออกมาอย่างรวดเร็ว
องค์หญิงซิ่นหยางไม่ค่อยมั่นใจว่าหมอยาแคว้นเยี่ยนเป็นกลุ่มอำนาจนั้นของแคว้นเยี่ยนหรือไม่ จึงได้อยากจะลองหยั่งเชิงดู และก้าวแรกของการหยั่งเชิงก็คือล่อเขาไปพบกับคนตระกูลหนานกง
สมุนไพรนั่นปลูกไว้บนเนินเขา เพียงไม่นานหมอยาแคว้นเยี่ยนก็เจอ เขาดีใจมาก
สมุนไพรชนิดนี้ต้องขุดมาทั้งราก มิฉะนั้นจะเสียประสิทธิภาพของยาได้ง่าย
เขาล้วงพลั่วออกมา นั่งลงยองๆ ขุดสมุนไพรขึ้นมา ในขณะที่เขากำลังใช้กล่องบรรจุอย่างระมัดระวังเรียบร้อยกำลังจะใส่ลงในตะกร้ายานั้น หลงอีก็ทะยานออกมาราวกับเทพมังกรที่เห็นหัวไม่เห็นหาง
หลงอีชิงกล่องของเขาไป พลางสาวเท้าวิ่ง!
“หมอยา! ไม่เป็นอะไรกระมัง!”
องครักษ์คนหนึ่งรีบมาหา
การเคลื่อนไหวของหลงอีรุนแรงเกินไป หมอยาแคว้นเยี่ยนจึงล้มก้นจ้ำเบ้า เขาลุกขึ้นยืนโดยมีองครักษ์คอยพยุงช่วย ปัดขากางเกงไปมา เอ่ย “ข้าไม่เป็นไร”
มาอยู่แคว้นเจาตั้งหลายปี เขาชินกับสำเนียงแคว้นเจาแล้ว เหมือนกับพวกองครักษ์
“ข้าตามไปเอง!” องครักษ์คนนั้นบอก
หมอยาแคว้นเจาโบกมือ “สมุนไพรต้นเดียวเอง มันจะเอาก็ให้มันไป ไม่ต้องตาม”
องค์หญิงซิ่นหยางรออยู่บนรถม้าพักใหญ่ สุดท้ายมองเห็นไกลๆ ว่าหมอยาก้มหน้าก้มตาเก็บสมุนไพรต่อ
องค์หญิงซิ่นหยาง “…”
“ดีร้ายอย่างไรก็เป็นหมอยาจากแคว้นเยี่ยน ถูกคนชิงสมุนไพรไป ดันไม่ไล่ตามไปสักที…” องค์หญิงซิ่นหยางโมโห “คนอะไร”
อวี้จิ่นครุ่นคิด ยิ้มแหยๆ เอ่ย “เพราะหลงอีเคลื่อนไหวเร็วเกินไปกระมัง ทะ…ทำให้มองไม่ออกว่าเขาก็เป็นคน”
เงาร่างหนึ่งเร้นผ่าน คนเขาคงคิดว่าเขาเป็นลิงภูเขาแน่เลย
องค์หญิงซิ่นหยางคิดดูก็อาจเป็นไปได้ “หลงอี ไปอีกรอบ…อย่าเร็วเกินไปล่ะ”
ห้ามเร็ว ต้องช้าๆ
หลงอีกระจ่างแจ้ง
เขามายังข้างกายหมอยาแคว้นเยี่ยนอย่างช้าเป็นพิเศษ แล้วก็ยื่นมือไปอย่างช้าๆ เป็นพิเศษ ราวกับภาพสโลว์โมชั่นชิงสมุนไพรจากมืออีกฝ่ายไป
จากนั้นเขาก็หันหลังช้าเสียยิ่งกว่าเต่า สาวเท้าขึ้นช้าเสียยิ่งกว่าม้าน้ำ แล้วหันกลับมาเหมือนสลอธ
ราวกับกำลังบอกหมอยาแคว้นเยี่ยนว่า
ไล่…ตาม…ข้า…สิ
หมอยาแคว้นเยี่ยน “…”
“หมอยา!”
องครักษ์ข้างกายเขาเอ่ยเสียงเบา
หมอยาแคว้นเยี่ยนส่ายหน้า “นึกว่าเป็นลิง ที่แท้ก็คนสติไม่ดี ช่างเถิด ไม่ต้องไปสนใจเขา”
คนสติไม่ดีน่าสงสารพอแรงแล้ว ยังไปไล่ตามอีก
หลงอีล่อล้มเหลวอีกครั้ง
องค์หญิงซิ่นหยางกุมหน้าผาก
หลงอีเจ้าปกติหน่อยจะได้หรือไม่
“ข้าไปเอง!” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยเสียงเคร่ง
อวี้จิ่นมองนางอย่างเป็นห่วง “องค์หญิงจะทำเช่นไรเพคะ”
“กลยุทธ์สาวงาม!” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าจะไปหาเขา แล้วบอกว่าหลงทาง ให้เขาช่วยพาข้าไปส่งที่หอพักม้า”
อวี้จิ่นพินิจมององค์หญิงซิ่นหยางตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “…แต่ท่านดูไม่เหมือนคนที่จะหลงทางได้เลยนะเพคะ”
องค์หญิงซิ่นหยางปรายตามองนาง เอ่ย “ถูกคนสติไม่ดีปล้นไม่ได้หรือไร”
อวี้จิ่นยิ้มแห้ง “ได้เพคะ”
ท่านเป็นองค์หญิง ท่านว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น
“เจ้าห้ามตามมานะ!” นางสั่งหลงอี
องค์หญิงซิ่นหยางลงจากรถม้าอย่างสง่างาม
ในฐานะองค์หญิงแห่งแคว้น แม้ว่าหุบเขาลึกจะโกลาหล แต่ข้านั้นไม่
องค์หญิงซิ่นหยางเชิดหน้าขึ้น ยกชายกระโปรงราวกับนกยูงหยิ่งผยองเดินไปทางเนินเขา
ทางบนเขาขรุขระ เดินไปแค่ไม่กี่ก้าวนางก็เหยียบชายกระโปรงตัวเอง ร้องอ๊ะ กลิ้งลงมาจากเนินเขาขลุกๆ ล้มหน้าทิ่มโคลนเต็มปาก!
อวี้จิ่นสูดหายใจลึก
หลงอีปิดตาไว้