สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 603.1 ปลีกวิเวก
บทที่ 603.1 ปลีกวิเวก
เซียวเหิงไม่รู้แน่ชัดนักว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับองค์หญิงซิ่นหยาง แต่ระหว่างพ่อลูกเหมือนมีจิตสัมผัสบางอย่างทียากจะอธิบาย
เหล่าเหลียงอ๋องเฟยมาที่นี่ แต่ถูกเซวียนผิงโหวไล่ออกไป
ข้อมูลเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เซวียนผิงโหวไม่เคยไว้หน้าใครอยู่แล้ว แต่เขานั้นไม่เคยทำอะไรเลยเถิดในพื้นที่ขององค์หญิงซิ่นหยาง ยิ่งอีกฝ่ายตำแหน่งสูงส่งเช่นนั้นด้วย
แต่ก่อนเป็นองค์หญิงซิ่นหยางที่ปกป้องเขามาตลอด ยามนี้เขาเติบโตขึ้นแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะปกป้ององค์หญิงซิ่นหยางแล้ว
สองพ่อลูกคิดสุดโต่งเหมือนกันในเรื่องนี้ นั่นก็คือจะไม่ยอมให้ผู้ใดรังแกองค์หญิงซิ่นหยางเป็นอันขาด แม้แต่พี่ชายหรือพี่สะใภ้ของฮ่องเต้พระองค์ก่อนก็ไม่ได้ทั้งนั้น
เหล่าเหลียงอ๋องเฟยโดนเสียอ่วมขนาดนั้น ต้องส่งคนไปยื่นฎีกาถึงวังหลวงเป็นแน่
เซียวเหิงเองก็ไม่รอช้า พาคนไปล้อมจวนเหล่าเหลียงอ๋องเอาไว้ ให้เหตุผลว่ามีคนวางแผนร้ายต่อราชสำนัก กรมยุติธรรมได้รับคำสั่งมาให้คุ้มครองครอบครัวของเหล่าเหลียงอ๋อง
ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อความปลอดภัยของพวกเขา ก่อนจะจับตัวมือสังหารได้ ทางที่ดีห้ามมิให้ผู้ใดออกจากจวนเป็นอันขาด
“พวกเจ้าทำเช่นนี้คือกักบริเวณชัดๆ ”
หน้าประตูจวนเหลียงอ๋อง แม่นมกุ้ยตวาดเหล่าทหารจากกรมยุติธรรมด้วยไฟโกรธสุมทรวง
ผู้ช่วยหลี่ยกมือขึ้นคำนับพร้อมเอ่ยอย่างนอบน้อม “ท่านแม่นมพูดเกินกว่าเหตุไปสักหน่อย เหล่าเหลียงอ๋องเป็นถึงเสด็จลุงของฝ่าบาท ข้าจะกล้าอาจหาญกักบริเวณท่านได้อย่างไร เป็นเพราะกรมยุติธรรมได้รับรายงานว่าเหล่าเหลียงอ๋องเฟยถูกลอบโจมตีจนได้รับบาดเจ็บระหว่าง พวกเราเองก็ทำไปเพื่อความปลอดภัยของเหล่าเหลียงอ๋องเฟยและท่านทั้งหลาย”
แม่นมกุ้ยผรุสวาทออกมาด้วยความเดือดดาล “มือสังหารอะไรกัน! เป็นฝีมือของเซวียนผิงโหวทั้งนั้น! พวกเจ้ายังไม่รีบไปจับเจ้าคนชั่วนั่นอีก!”
ผู้ช่วยหลี่เอ่ยอย่างประหลาดใจ “เซวียนผิงโหวคือวีรบุรุษผู้ผดุงความยุติธรรม เขาคือผู้ที่ขับไล่มือสังหาร แม่นมหูตาฝ้าฟางไปหรือไม่”
“เจ้า!”
แม่นมกุ้ยโกรธจนแทบบ้าอยู่แล้ว
คนร้ายคือเซวียนผิงโหวแท้ๆ เหตุใดถึงกลายเป็นวีรบุรุษไปได้
นี่มันกลับตาลปัตรไปหมดแล้ว
แน่นอนว่าเหล่าเหลียงอ๋องเฟยไม่รามือแน่นอน คนเราเติบโตในเมืองหลวง แม้จะไร้ยศตำแหน่งขุนนาง แต่ย่อมมีเครือข่าย ย่อมมีหนทางส่งข่าวไปข้างนอก
น่าเสียดาย เซียวเหิงนั้นได้ตระเตรียมกับตำหนักคุณหนิงก่อนหน้าแล้ว เซียวฮองเฮาไม่มีทางยอมให้คนพวกนั้นมีโอกาสเข้าวังมาส่งข่าวแน่นอน
“ฝ่าบาท”
เซียวฮองเฮาไปยังตำหนักฮว๋าชิง “ได้ยินว่าเหล่าเหลียงอ๋องเฟยพบมือสังหารระหว่างเดินทาง แล้วได้พี่ชายของหม่อมฉันช่วยไว้ นางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่มิใช่เรื่องใหญ่อันใด พี่ชายของหม่อมฉันออกไปตามจับตัวคนร้ายแล้วเพคะ”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วตรัส “เหตุใดถึงได้มีมือสังหารตามล่าเหล่าเหลียงอ๋องเฟยได้”
เซียวฮองเฮาตรัสด้วยสีพระพักตร์เรียบเฉย “ผู้ใดจะไปรู้กันเพคะ เหตุลอบสังหารเกิดขึ้นระหว่างเดินทางไปยังเรือนขององค์หญิงซิ่นหยาง ไม่แน่ว่าเป้าหมายของมือสังหารอาจจะเป็นองค์หญิงซิ่นหยางก็ได้ ฝ่าบาทยังจำคนแคว้นเยี่ยนได้ไหมเพคะ หรือเพราะว่าพวกนั้นยังคับแค้นใจ ถึงได้มาล้างแค้นกับท่านพี่ของข้า แต่เผอิญว่าเหล่าเหลียงอ๋องเฟยอยู่ในเหตุการณ์พอดี จึงโดนลูกหลงเข้า”
ฮ่องเต้ทำท่าครุ่นคิด “ก็เป็นไปได้”
เซียวฮองเฮาแววตาไหววูบ ตรัสด้วยรอยยิ้ม “กันไว้ดีกว่าแก้ ยามนี้กรมยุติธรรมได้คุ้มกันจวนเหล่าเหลียงอ๋องเอาไว้แล้ว อาเหิงจะแอบจับตาดูความเคลื่อนไหวในจวนเหล่าเหลียงอ๋อง ฝ่าบาทอย่าได้กังวลไปเลยเพคะ”
ฮ่องเต้พยักหน้า “หากอาเหิงจัดการ เราก็เบาใจ”
เซียวฮองเฮาเม้มปาก พยายามกลั้นยิ้มก่อนจะตรัสต่อ “หม่อมฉันส่งหมอหลวงและซูกงกงไปดูแลเหล่าเหลียงอ๋องเฟยที่จวนแล้วเพคะ”
ฮ่องเต้ตรัสชม “สมกับเป็นเจ้า รอบคอบดีแท้”
เซียวฮองเฮายิ้มร่า
จะไม่รอบคอบได้อย่างไรเล่า
ไม่ใช่แค่กักบริเวณนาง แต่ยังเฝ้าสังเกตการณ์นางด้วย
อันที่จริงเซียวฮองเฮาก็มิได้รู้ชัดเจนนักว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น แต่ความเชื่อใจระหว่างคนในครอบครัวนั้นไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขใดๆ นางไม่ยอมให้ผู้ใดว่าร้ายพี่ชายของนางต่อหน้าฝ่าบาทเป็นอันขาด
เดี๋ยวก่อนนะ แต่เหมือนว่าพี่ชายของนางจะลงไม้ลงมือจริงๆ
ช่างเถิด ท่านพี่ของนางจะรังแกผู้ใดอย่างไรก็ได้ แต่คนอื่นห้ามมารังแกพี่ชายของนางเด็ดขาด
…
วันนี้คนป่วยค่อนข้างเยอะ กู้เจียวอยู่ที่โรงหมอตลอดทั้งวัน ยามใกล้พลบค่ำถึงได้มีเวลาว่างพักผ่อน
นางกลับมาที่เรือนเล็ก จากนั้นก็ตรวจอาการของม่อเชียนเสวี่ยเป็นอันดับแรก ก่อนจะไปตรวจอาการฮวาซีเหยาต่อ
ม่อเชียนเสวี่ยนบาดเจ็บก่อนหน้าฮวาซีเหยานานพอสมควร แต่บาดแผลฉกรรจ์ยิ่งกว่า จนถึงยามนี้ยังไม่สมานกันดี แต่แผลของฮวาซีเหยานั้นตัดไหมตั้งนานแล้ว เพราะอย่างนั้นจึงดึงดัดอยู่ที่นี่ไม่ยอมไปติดคุกที่กรมยุติธรรม
“วันนี้เหตุใดเจ้าถึงดูเป็นกังวลนัก มีเรื่องไม่สบายใจรึ” ม่อเชียนเสวี่ยที่นั่งอยู่ถามกู้เจียว
จวบจนวันนี้นางยังคงอยู่ในห้องเดียวกันกับฮวาซีเหยา ฮวาซีเหยานอนอยู่บนเตียงเล็ก
กู้เจียวถาม “ข้าเป็นเช่นนั้นรึ”
ม่อเชียนเสวี่ยมองนาง “ก็ใช่น่ะสิ เจ้าไม่เคยขมวดคิ้วถึงสามครั้งด้วยซ้ำ”
กู้เจียวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ฮวาซีเหยาหัวเราะเยาะเย้ย “ท่านหมอกู้เพิ่งช่วยชีวิตองค์ชายเจ็ดไป มีอะไรต้องกังวลกัน คงไม่ใช่เพราะ…ทะเลาะกับสามีหรอกกระมัง”
กู้เจียวหันไปมองนางด้วยความสงสัย “เจ้ารู้ได้อย่างไร”
ฮวาซีเหยาเอ่ยในใจ ข้าก็เดาไปอย่างนั้น ใครจะไปคิดกันว่าเดาถูก!
ม่อเชียนเสวี่ยพลันลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะกระแอมแล้วเอ่ยถาม “พวกเจ้าไม่ได้รักกันดีหรอกหรือ เป็นอะไรไป ทะเลาะกันอย่างนั้นรึ”
อยู่ที่นี่มาตั้งนาน นางย่อมรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของกู้เจียวและเซียวลิ่วหลัง แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเจ้าหมอนั่นตอนอยู่ที่แคว้นเยี่ยนเคยพูดเอาไว้ว่าชีวิตจะไม่สู่ขอผู้ใด พอผ่านไปกลับปลอมตัวเป็นเซียวลิ่วหลังแล้วแต่งงานเด็กสาวแคว้นเจาเสียได้
ไม่รู้ว่าคิดอะไรของเขาอยู่
ไหนบอกว่าตัวเองอายุสั้น ไม่อยากทำร้ายจิตใจหญิงสาวมิใช่รึ
หรือว่าเขาหมายปองวิชาการแพทย์ของกู้เจียว ถึงขั้นยอมตกเป็นทาสกิเลสตัณหา
มิน่าล่ะตอนนางพบเขาถึงได้ดูท่าทางสดใสกว่ายามอยู่ที่แคว้นเยียนหลายเท่าตัว
ม่อเชียนเสวี่ยคิดเตลิดออกไปไกล
กู้เจียวส่ายหน้า “ไม่ได้ทะเลาะกันหรอก เขาแค่ไม่สนใจข้า”
“คิกๆ …”
ฮวาซีเหยาหัวเราะหนักยิ่งกว่าเดิม “ใครที่ไหนทะเลาะกันแล้วยังจะมาสนใจเจ้าอีกล่ะ เขาไม่สนใจเจ้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้ากำลังอันตรายแค่ไหน”
“อย่างนั้นหรือ” กู้เจียวไม่ค่อยรู้เรื่องนี้นัก
ม่อเชียนเสวี่ยรีบเอ่ย “ไม่สนก็ไม่สนสิ เจ้าเองก็ไม่ต้องสนใจเขา!”
“แต่ข้าอยากสนใจเขานี่” กู้เจียวเอ่ยเสียงจริงจัง
ม่อเชียนเสวี่ยสีหน้าพลันบึ้งตึง
ฮวาซีเหยาหัวเราะจนตัวสั่น
ม่อเชียนเสวี่ยอารมณ์เสีย นางยิ่งชอบใจ
ม่อเชียนเสวี่ยไม่พอใจนักที่สองสามีภรรยาคู่นี้ตัวติดกันดั่งเถาวัลย์ นางละอยากช่วยให้พวกเขาเลิกกันเสียที
ฮวาซีเหยานั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ของตนเอง โบกพัดกลมในมือ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางเอ่ย “เช่นนั้นเจ้าก็ลองว่ามา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเจ้ารึ”
กู้เจียวกำลังจัดกล่องยาใบน้อย พอได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับหลิ่วอีเซิง
เพียงแต่ไม่เอ่ยชื่อหลิ่วอีเซิงก็เท่านั้น
ฮวาซีเหยาเอ่ย “เพราะอย่างนั้นเจ้าหมายความว่า สามีเจ้าไม่เคยได้ยินเจ้าดีดฉิน แต่เจ้ากลับดีดให้ชายอื่นฟัง”
“ฮึ!”
ม่อเชียนเสวี่ยปาหมอนลงกับเตียงด้วยความหงุดหงิด
กู้เจียว ‘ทำไมรู้สึกว่าท้ายเรือนกำลังจะไฟไหม้อย่างไรก็ไม่รู้’
กู้เจียวครุ่นคิด “น่าจะเป็นเช่นนั้น”
ฮวาซีเหยายิ้มเอ่ย “เขาย่อมโกรธอยู่แล้ว หากคราวนี้เขาจมดิ่งลงในห้วงแห่งความหึงหวงแล้วละก็ ต่อให้ง้ออย่างไรก็ไม่หายหรอก”
กู้เจียวน้ำเสียงตกใจ “ร้ายแรงขนาดนั้นเชียวรึ”
ฮวาซีเหยาโบกพัดเอ่ย “แต่ก็ไม่เป็นไร สามีภรรยาก็เช่นนี้และ ทะเลาะกันที่หัวเตียง คืนดีกันที่ปลายเตียง รอเขากลับมาคืนนี้ เจ้าก็เอาใจเขาให้มากก็พอ”
“เอาใจอย่างไร” กู้เจียวถาม
“เรื่องแบบนี้ยังต้องสอนกันอีกหรือ พวกเจ้าเป็นสามีภรรยากันนะ!” ฮวาซีเหยาถลึงตาใส่กู้เจียว พอเห็นว่านางยังคงมึนงง ฮวาซีเหยาจึงใช้พัดพลางเอ่ยกระซิบ “ปกติแล้วเขาชอบ…”
“ฮวาซีเหยา เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!” ม่อเชียนเสวี่ยปาหมอนใส่!
ฮวาซีเหยาเบี่ยงตัวหลบ เพราะถึงอย่างไรนางก็พูดจบแล้ว
แต่สีหน้าของท่านหมอกู้ดูไม่ถูกต้อง
ฮวาซีเหยาขมวดคิ้วเอ่ย “แม้แต่เขาชอบอะไร…เจ้าก็ยังไม่รู้หรือ นี่พวกเจ้าเข้าเรือนหอกันหรือยัง”
แววตาของกู้เจียวล่อกแล่ก
ฮวาซีเหยาดวงตาเบิกโพลง “นี่เจ้ายังไม่ได้เข้าเรือนหอกันจริงๆ รึ ข้าได้ยินมาว่าก่อนหน้าเขาขาพิการ! หรือว่าขานั้นของเขาก็ขาดเหมือนกัน เขาทำไม่เป็นรึ”
กู้เจียวเอ่ยเสียงหนักแน่น “เขาทำเป็น!”
ฮวาซีเหยาหรี่ตามอง “เจ้ายังไม่ตอบคำถามแรกของข้า! พวกเจ้ายังไม่เข้าเรือนหอกัน! ผู้ชายที่ไม่ยอมเข้าเรือนหอกับภรรยาตนเอง มีความเป็นได้อย่างเดียวก็คือ… เขา! ทำ! ไม่! เป็น! หรือไม่ก็…รังเกียจที่เจ้าอัปลักษณ์”
“เจ้าน่ะสิอัปลักษณ์!” ม่อเชียนเสวี่ยนคว้าหมอนอีกใบปาใส่ฮวาซีเหยา
คราวนี้มีพลังปราณแฝงเล็กน้อย ฮวาซีเหยาหลบไม่พ้น กระแทกเข้าที่หัวจนหูอื้อไปหมด
ฮวาซีเหยาสะบัดหน้า ก่อนจะสูดหายใจลึก “ม่อเชียนเสวี่ย นี่เจ้าบ้าไปแล้วรึ!”
ม่อเชียนเสวี่ยล้วงเข็มเงินออกมาพลางเอ่ยเสียงเย็น “ฮวาซีเหยา หากเจ้ายังพูดจาเลอะเทอะอีก ข้าจะตัดลิ้นเจ้า!”
ฮวาซีเหยาสู้ม่อเชียนเสวี่ยไม่ได้อยู่แล้ว จึงทำได้แค่กลอกตาใส่
เพียงแต่… ก่อนที่กู้เจียวจะเก็บของแล้วเดินผ่านนางไป จู่ๆ นางก็คว้าแขนเสื้อของกู้เจียวเอาไว้ ก่อนจะใช้พัดปิดหน้า พลางกระซิบกู้เจียว “ข้าจะสอนวิธีหนึ่งให้เจ้า รับรองว่าง้อเขาสำเร็จแน่นอน”
****************************