สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 612 ตีแสกหน้า
บทที่ 612 ตีแสกหน้า
นี่มันช่างน่ากระอักกระอ่วนยิ่งนัก
เกิดมาสิบหกปี ไม่เคยรู้สึกอึดอัดเช่นนี้มาก่อน
ไม่ว่าอย่างไร กู้จิ่นอวี๋ก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าทั้งท่านโหวกู้และจวงอวี้เหิงจะมาปรากฏตัวพร้อมกันในเวลาแบบนี้
ถ้าเป็นท่านโหวกู้ยังพอเข้าใจได้เพราะเขาอยู่ที่นี่อยู่แล้ว แต่จวงอวี้เหิงล่ะ เขามาที่นี่ด้วยเหตุใด
แล้วมาได้อย่างไร
พอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปเมื่อครู่นี้ กู้จิ่นอวี๋ก็พลันรู้สึกว่ารับไม่ได้!
นางได้แต่สวดภาวนาในใจว่าขอให้พวกเขาไม่ได้ยิน แต่สีหน้าของพวกเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น
พวกเขาได้ยินหมดทุกคำ อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
กู้จิ่นอวี๋ได้แต่ยืนแน่นิ่งราวกับถูกสาปให้เป็นก้อนหิน
เหล่าพี่น้องตระกูลกู้ต่างก็รู้สึกประหลาดใจที่ท่านโหวกู้และจวงอวี้เหิงโผล่มาในตอนนี้ ยกเว้นกู้เหยี่ยน
ด้วยความที่จวงอวี้เหิงใช้รถม้าของกู้เหยี่ยนมาถึงที่นี่ กู้เหยี่ยนจึงรู้ว่าเขาจะมาที่จวน และรู้อีกด้วยว่าเขาต้องการมาเจรจากับท่านโหวกู้
ในความเป็นจริง จวงอวี้เหิงเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมาก ก่อนที่กู้จิ่นอวี๋จะโผล่ไปที่ตรอกปี้สุ่ย ท่านโหวกู้ได้เคยเข้าไปหาเขาเป็นการส่วนตัวแล้วและขอให้เขาคืนทะเบียนสมรส จนทำให้การแต่งงานครั้งนี้เป็นโมฆะ
ท่านโหวกู้กลัวว่ากู้จิ่นอวี๋จะเสียใจจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และคิดไว้ว่ารอให้จวงอวี้เหิงเดินทางออกจากเมืองก่อนแล้วค่อยเล่าให้ฟังก็คงไม่สาย
แต่กู้จิ่นอวี๋ผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องนี้ดันแอบไปหาเขา ซ้ำยังแสดงความต้องการที่จะหนีไปด้วยกันกับเขา
ในเมื่อนางยืนกรานเช่นนั้น คนอย่างจวงอวี้เหิงจึงไม่อาจปฏิเสธนางได้ แม้เขาจะไม่มีใจให้นางก็ตาม
กระนั้นเขาไม่มีทางยอมให้เรื่องหนีตามกันเกิดขึ้น จึงตัดสินใจมาหาท่านโหวกู้ที่จวนเพื่อขอเจรจาอีกครั้ง
เขาต้องการจะขอให้ท่านโหวกู้ยอมรับการแต่งงานของพวกเขา และสัญญาว่าจะดูแลนางเป็นอย่างดี
ขณะที่ทั้งสองเพิ่งจะทักทายกันเสร็จ ก็เผอิญมีบ่าววิ่งเข้ามารายงานว่าเห็นเหล่าพี่น้องตระกูลกู้กำลังถกเถียงกันเรื่องกู้จิ่นอวี๋ให้วุ่นอยู่ตรงบริเวณสวนดอกไม้
หากเป็นเรื่องในครอบครัว คงไม่มีความจำเป็นที่จวงอวี้เหิงจะต้องรู้ ทว่าพอรู้ว่าเป็นเรื่องของว่าที่ภรรยา ก็เลยตัดสินใจตามไปดูด้วย
แล้วก็คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอเรื่องน่าประหลาดใจเช่นนี้
คงจะเป็นการโกหกหากจะให้บอกว่าเขาไม่รู้สึกผิดหวัง แน่นอนว่าไม่ใช่ความรู้สึกผิดหวังในความสัมพันธ์ แต่เป็นความผิดหวังในตัวคน
ถึงกับต้องลากคนรอบๆ ตัวมาเอี่ยวเพื่อสร้างภาพดีงามของตัวเองอย่างนั้นรึ
ก็ดี
เขาเองก็จะได้ไม่ต้องมาทำตัวเกรงอกเกรงใจกับคนที่ไม่มีใจให้เขาแต่แรก
หลังจากกู้จิ่นอวี๋ได้เห็นสีหน้าของจวงอวี้เหิง จิตใจของนางที่เดิมไม่อยู่กะร่องกะรอยก็ยิ่งว้าวุ่นหนักกว่าเดิม “จวิ้นอ๋อง…ฟังข้าอธิบายก่อน…”
จวงอวี้เหิงไม่สนใจคำพูดของนาง ก่อนจะหันไปทำความเคารพให้ท่านโหวกู้ “ท่านโหว”
ส่วนท่านโหวกู้กำลังอยู่ในภาวะตกตะลึงจนสติหลุด
จนจวงอวี้เหิงต้องเรียกเขาอยู่หลายครั้งถึงจะรู้สึกตัว ท่านโหวกู้สะดุ้งโหยงราวกับคนที่เพิ่งตื่นจากฝันร้ายแล้วหันไปทางจวงอวี้เหิง “…เจ้า…เมื่อครู่นี้ ที่ห้องหนังสือ เจ้าบอกว่ามาหาข้าด้วยธุระอันใดนะ”
จวงอวี้เหิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนหยิบทะเบียนสมรสออกจากอ้อมแขนของเขา “ข้ามาเพื่อคืนทะเบียนสมรสขอรับ เนื่องจากแม่นางกู้ไม่ต้องการแต่งงานกับข้า งานแต่งครั้งนี้จึงเป็นโมฆะขอรับ”
“เอ่อ…เป็นโม โมฆะ…เอ่อ…” ท่านโหวกู้รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเขาอยากได้ทะเบียนสมรสคืนแค่ไหน แต่พอเอาเข้าจริง เหตุใดเขาถึง ไม่ได้รู้สึก…ดีใจขนาดนั้น
“ท่านโหว โปรดเก็บทะเบียนไว้ให้ดีขอรับ” จวงอวี้เหิงเอ่ยย้ำอีกรอบเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยื่นมือออกมารับ
กู้เหยี่ยนพอเห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามาแล้วคว้าทะเบียนไว้ “เอาละ ข้าจะเก็บไว้แทนท่านพ่อเอง”
“หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวลา” จวงอวี้เหิงเอ่ยเบาๆ
“เจ้านั่งรถม้าของข้ากลับไปเถอะ” กู้เหยี่ยนบอกกับเขา
“ได้” เขาไม่ปฏิเสธ
จวงอวี้เหิงกลายเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรติดตัวเลย หากไม่นั่งรถม้ากลับก็ต้องเดินขาลากกลับ
กู้เหยี่ยนให้เขายืมรถม้าใช้ด้วยความเต็มใจ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เคยช่วยกู้เหยี่ยนตักขี้ไก่ ช่วยผ่อนแรงไปได้เยอะ ไม่แปลกที่กู้เหยี่ยนจะทำดีกับเขา
จวงอวี้เหิงกลับหลังหันแล้วเดินจากไป
“จวิ้นอ๋อง! จวิ้นอ๋อง!” กู้จิ่นอวี๋ร้องตะโกน
จวงอวี้เหิงหันไปด้านข้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้หันไปหากู้จิ่นอวี๋จนสุด “ข้าแค่อยากถามแม่นางกู้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงน้ำชามันเป็นเพียงอุบัติเหตุที่จริงๆ หรือ…”
กู้จิ่นอวี๋ได้ยินดังนั้นก็พลันตัวแข็งทื่อ
“ขอให้โชคดี” จวงอวี้เหิงไม่เอ่ยอะไร เขาไม่คาดหวังคำตอบใดๆ และหายตัวไปในความมืดไม่ได้หันกลับมาอีกเลย
กู้จิ่นอวี๋มองตามแผ่นหลังของเขาไปจนลับสายตา ชั่วขณะหนึ่งความรู้สึกนึกคิดอันรุนแรงเกิดขึ้นในหัวของนาง
นางต้องการแต่งงานกับเขา กับผู้ชายที่มีความรับผิดชอบและมีอุปนิสัยเช่นนี้!
ขนาดคนอย่างเซียวลิ่วหลังยังไต่เต้าขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ เหตุใดจวงอวี้เหิงจะทำไม่ได้!
นางฟุ้งซ่านมากกับข่าวการถอนหมั้นจนลืมทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในเมื่อจวงอวี้เหิงอาศัยอยู่ที่ตรอกปี้สุ่ย แปลว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคนของกู้เจียวต้องดีมากแน่ๆ
ทั้งกู้เจียวและเซียวลิ่วหลังต่างก็เป็นบุคคลที่ฝ่าบาทและไทเฮาทรงเอ็นดู จวงอวี้เหิงเองก็มีสิทธิ์ถูกฮองเฮาและฝ่าบาทรับไว้ดูแล พอคิดได้เช่นนี้ ก็แปลว่าไทเฮากับฝ่าบาทยังทรงไม่ทอดทิ้งจวงอวี้เหิงไปสินะ!
ยังมีโอกาสที่เขาจะลุกขึ้นและกลับมาได้อีก!
ทั้งถอนยศ ทั้งเนรเทศ ล้วนทำไปเพื่อให้คนภายนอกได้เห็นก็เท่านั้น!
ในเมื่อตระกูลจวงก่อเรื่องขึ้น การไม่ลงโทษจวงอวี้เหิงคงเป็นไปไม่ได้เพราะอาจเกิดความไม่พอใจในหมู่ราษฎร แต่หากทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นก็คงจะถูกลืม และจวงอวี้เหิงอาจกลับมายังเมืองหลวงได้อีกครั้ง
กู้จิ่นอวี๋ผู้เพิ่งตระหนักได้ถึงสิ่งที่พลาดไปก็ทำท่าจะวิ่งตามจวงอวี้เหิงไป
ทว่ากู้เหยี่ยนกลับยกเท้าขึ้นมาสกัดนางไว้ก่อน จนนางเกิดสะดุดล้ม
“โอ๊ย”
กู้จิ่นอวี๋ล้มไม่เป็นท่า!
ที่จริงเป็นกู้จิ่นอวี๋เองที่คิดมากเกินไป ที่ไทเฮาและฝ่าบาทลงโทษเขามิใช่เพราะการแสดงแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอย่างจวงไทเฮาผู้ซึ่งไม่กลัวคำดูถูกของราษฎร
หากจวงอวี้เหิงต้องการอยู่ต่อ ไทเฮาจะไม่อะไรกับเขา แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้ว ไทเฮาก็มิอาจรั้งเขาไว้ได้
เขาโตแล้ว และนางเองก็ควรเรียนรู้ที่จะปล่อยมือ
แต่กู้จิ่นอวี๋ผู้โง่เขลากลับไม่รู้ถึงเรื่องนี้ และยังคงรู้สึกเสียดายมากเสียจนแทบจะช้ำใน!
เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานึกเสียใจภายหลัง จวงอวี้เหิงจากไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ท่านโหวกู้และพี่น้องตระกูลกู้ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
กู้ฉังชิงและคนอื่นๆ ต่างผิดหวังในตัวนาง
สิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้เป็นไปตามแผนของกู้เหยี่ยน โดยที่กู้เหยี่ยนไม่ได้สื่อสารกับพวกเขาล่วงหน้า ความตั้งใจของกู้ฉังชิงและกู้เฉิงเฟิงที่จะช่วยกู้จิ่นอวี๋ออกไปนั้นเป็นเรื่องจริง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้คิดอะไรต่อกู้จิ่นอวี๋ แต่พฤติกรรมของนางในวันนี้ทำให้พวกเขารู้สึกรังเกียจนางเป็นอย่างยิ่ง
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมด แต่ก็นะ ข้าไม่ควรคาดหวังอะไรกับคนอย่างเจ้าแต่แรกอยู่แล้ว!” กู้เฉิงเฟิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
กู้ฉังชิงกลับมาแสดงสีหน้าเย็นชาดังเดิม “อาเหยี่ยน ไปกันเถอะ”
กู้เหยี่ยนยังไม่อยากไป เขายังอยากอยู่ดูฉากสนุกๆ ต่อ
“ดึกมากแล้ว เจ้าควรไปนอนได้แล้ว นอนดึกไม่ดีต่อร่างกาย” กู้ฉังชิงเอ่ยพลางเอามือคว้าร่างเด็กหนุ่มขึ้นบนหลังม้า
“แต่ข้าอยากอยู่ต่อ”
“อย่าดื้อสิ”
“ดื้อหน่อยไม่ได้เลยรึไง”
“นี่เจ้าก็ดื้อรั้นมาทั้งคืนแล้วนะ”
“ข้าเป็นแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
เสียงบ่นอุบอิบของกู้เหยี่ยนค่อยๆ ไกลลิบออกไป
องครักษ์ของเขาเองก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
กู้เฉิงหลินที่ยังอยากอยู่ต่อเช่นกันกลับถูกกู้เฉิงเฟิงลากตัวออกไป
เหลือแค่ท่านโหวกู้และกู้จิ่นอวี๋ที่ยังอยู่ที่เดิม
เด็กสาวมองไปที่บิดาของตนอย่างละอายใจ “ท่านพ่อ… ฟังคำอธิบายของข้าก่อน…”
“เกิดอะไรขึ้นที่โรงน้ำชา” ท่านโหวกู้เอ่ยถามอย่างกะทันหัน
“ท่านพ่อ” สีหน้าของกู้จิ่นอวี๋เปลี่ยนในทันที
ท่านโหวกู้มองเข้าไปในดวงตาของบุตรสาวแล้วเอ่ยขึ้น “วันนั้น จวงอวี้เหิงถูกวางยา และเจ้าเกือบจะตกเป็นของเขา นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นใช่หรือไม่”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ กู้เหยี่ยนที่ซุ่มหลบหลังพุ่มไม้อยู่พักหนึ่งก็โผล่ตัวออกมาแล้วเอ่ย “เรื่องไม่ได้เป็นแบบนั้น! วันนั้นนางรู้ว่าจวงเย่ว์ซีพยายามปองร้ายอันจวิ้นอ๋อง นางจึงตามไปดูด้วย และบังเอิญนางก็เห็นว่าอันจวิ้นอ๋องถูกวางยาพอดี! ไม่ใช่ว่าอันจวิ้นอ๋องจงใจลากนางเข้าไปในห้อง แต่เป็นนางเองนั่นแหละที่ถวายตัวไปหาเขาเอง!”
“เอาละ พูดจบแล้วใช่ไหม ทีนี้ไปเข้านอนได้แล้วหรือยัง” กู้ฉังชิงที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นพลางเอามือกุมขมับ ก่อนจะคว้าตัวของเด็กหนุ่มไว้
“ข้ายังพูดไม่จบ” กู้เหยี่ยนพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมอกของพี่ใหญ่ เขาต้องเล่าเรื่องนี้ให้จบให้ได้
กู้เหยี่ยนตะโกนเสียงดังแล้วหันไปทางท่านโหวกู้ “อันจวิ้นอ๋องบอกให้นางหนีไป! แต่นางกลับไม่หนี! อันจวิ้นอ๋องควบคุมตัวเองไม่ได้และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคว้ามีดขึ้นมาแทงตัวเอง!”
“นางกลับเอาแต่พูดว่า ‘อันจวิ้นอ๋อง เป็นอะไรไปเจ้าคะ เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ ต้องการให้เรียกหมอให้ไหมเจ้าคะ’ ทั้งๆ ที่นางก็รู้อยู่แก่ใจว่าจวงเย่ว์ซีวางยาใส่เขา!”
กู้ฉังชิงทนฟังต่อไม่ไหวจนต้องเอ่ยเตือน “ใครสั่งใครสอนให้เจ้าพูดจาเหลวไหลแบบนี้!”
แต่ก่อนกู้เหยี่ยนไม่ได้เป็นแบบนี้ ตั้งแต่เซวียนผิงโหวเข้ามาพำนักที่ตรอกปี้สุ่ย กู้เหยี่ยนก็เริ่มมีนิสัยดื้อด้านมากขึ้น
“ข้า…อื้อ อื้อ อื้อ อื้อ”
กู้เหยี่ยนถูกปิดปากไว้ และร่างของเขาก็ถูกพี่ใหญ่ช้อนขึ้นอย่างไร้ความปราณีและใช้วิชาตัวเบาข้ามกำแพงออกไป
ท่านโหวกู้ไม่สนใจเรื่องพัวพันระหว่างจวงอวี้ซีกับจวงอวี้เหิง เขาสนใจแต่บทบาทของกู้จิ่นอวี๋ในเหตุการณ์วันนั้นเท่านั้น
“ที่กู้เหยี่ยนพูดมาเป็นความจริงหรือไม่” เขากำหมัดแน่นจ้องมองดูนาง
หากเปลี่ยนคนพูดเป็นกู้เจียวแทน ไม่ใช่กู้เหยี่ยน ไม่มีทางที่ท่านโหวกู้จะเชื่อคำพูดเหล่านั้นเลย เขาจะคิดแค่ว่ากู้จิ่นอวี๋กำลังถูกกู้เจียวรังแก
อีกนัยหนึ่งก็คือ ท่านโหวกู้ไม่ได้รู้จักกู้เจียวขนาดนั้น
แต่กับกู้เหยี่ยนแล้ว มีหรือที่กู้เหยี่ยนจะกลั่นแกล้งกู้จิ่นอวี๋อย่างหลบๆ ซ่อนๆ !
เขาออกจะชัดเจน แล้วเขาก็ไม่กลัวอะไรเลยด้วย!
ทุกคนต่างเอ็นดูเขา เพราะเขาป่วย!
กู้เหยี่ยนมักจะเป็นแบบนี้
จุดสำคัญอีกประการหนึ่งคือ กู้เจียวไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และหากเป็นเช่นนั้น ท่านโหวกู้มักเลือกเข้าข้างกู้จิ่นอวี๋ก่อนโดยปริยาย
แต่ตอนนี้มีเพียงกู้เหยี่ยนและกู้จิ่นอวี๋เท่านั้น ท่านโหวกู้จึงสามารถพิจารณาเรื่องทั้งหมดได้อย่างสมเหตุสมผล
หากว่ากู้เหยี่ยนเผลอหลุดปากออกไปว่าอันจวิ้นอ๋องแอบมีใจให้กู้เจียว ทุกอย่างก็คงจบ
“ท่านพ่อ…ข้า…”
ถ้าเกิดกู้จิ่นอวี๋ไม่ต้องการไปที่ชายแดนเพื่ออดทนต่อความยากลำบากและต้องการได้รับชื่อเสียงที่ดีในเวลาเดียวกัน ก็อาจถือได้ว่าเป็นความไร้เดียงสาของลูกสาวคนเล็ก แต่พอเขาได้รู้ว่าทุกอย่างเป็นแผนของนางตั้งแต่ทีแรก นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจเอามากๆ
ท่านโหวกู้เอามือกุมหน้าอกด้วยความรู้สึกผิดหวัง
เจ็บเสียเหลือเกิน ใจข้า