สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 614 ความจริงของสามีภรรยา
บทที่ 614 ความจริงของสามีภรรยา
ในหัวของกู้เจียวมีแต่คำว่า ซวยแล้ว และซวยแล้ว
กู้เจียวกัดฟันแน่นพร้อมเอ่ยถามต่อ “องค์หญิงซิ่นหยางดื่มยาได้ยังไง! ไหนว่าอวี้จิ่นให้ท่านไว้ไม่ใช่หรือ”
ไม่ใช่เพราะมีคนปากร้ายและอวดดีแถวนี้ทำให้องค์หญิงซิ่นหยางอารมณ์ขุ่นมัวจนต้องแย่งยานั้นมากระดกดื่มแทนเอง
องค์หญิงซิ่นหยางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นกู้เจียวก็รีบตรงเข้าไปหาและเมินเซวียนผิงโหวที่อยู่ตรงนั้นด้วยกัน “เจ้าไปไหนมารึเมื่อครู่นี้ หาตั้งนานไม่เจอ”
กู้เจียวคิดในใจ ประโยคนี้ควรเป็นข้าด้วยซ้ำที่ต้องถาม ไหนว่าไปร้านขายผ้ามิใช่รึ ไฉนมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ
หลังจากสัมผัสได้ถึงความสงสัยของเด็กสาว องค์หญิงซิ่นหยางจึงอธิบาย “หลังจากที่ข้ากลับไป ก็พลันนึกขึ้นได้ว่าเสื้อที่ข้าสั่งตัดให้เจ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เลยไปที่ร้านแล้วไปรับของ เสร็จก็มาที่นี่เพื่อที่จะมาให้เจ้า ปรากฏเจ้าไม่อยู่ ข้าเลยวางมันไว้ที่ห้องนอนเจ้า รีบไปลองเสียสิ หากไม่พอดีตัวจะได้สั่งเปลี่ยน”
องค์หญิงซิ่นหยางสั่งตัดเสื้อไว้ให้ทุกคน รวมถึงหวงฝู่เสียนด้วย ที่นางมาที่เรือนของจี้จิ่วอาวุโสก็เพื่อวัดตัวให้เขา
เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดปากเสียงกับเซวียนผิงโหวจนได้
แต่ก็เอาเถอะ คนอย่างเขาไม่กัดกับใครสิแปลก
“ทำไมเจ้าถึงมองข้าแบบนี้ละ” องค์หญิงซิ่นหยางสังเกตเห็นสายตาของกู้เจียวที่ดูผิดแปลกไปจากเดิม
กู้เจียวคิดในใจ ถ้าข้าตอบว่าท่านกินยาผิดขวด ท่านจะเชื่อหรือไม่
“ตะลึงกับความสวยของเจ้าไงล่ะ พอใจรึยัง” เซวียนผิงโหวแขวะตัดบท
องค์หญิงซิ่นหยางถลึงตาใส่เขาหนึ่งที ก่อนตรัสกับกู้เจียวต่อ “จะยืนเฉยอยู่ไย รีบตามมาสิ”
“อ้อ”
กู้เจียวค่อยๆ เดินตามนางไป
แล้วพวกเขาก็มาที่ห้องนอนของกู้เจียว
องค์หญิงซิ่นหยางหยิบชุดที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมากางออกแล้วทาบไปบนตัวกู้เจียว “ก็ดูค่อนข้างพอดีตัวนะ ข้าสั่งให้ช่างเขาตัดพอดีตัว แต่ดูเหมือนฝีมือการเย็บจะยังไม่ถึงขั้นเท่าไหร่”
กู้เจียวมองว่าองค์หญิงซื้อเสื้อผ้าให้ตนเยอะเกินไปแล้ว ในขณะที่องค์หญิงมองว่าตัวเองซื้อมาน้อยไปด้วยซ้ำ
ในเวลาแบบนี้ กู้เจียวไม่มีกะใจคิดเรื่องเสื้อผ้าจะพอดีตัวหรือไม่ นางพยายามสังเกตอาการขององค์หญิงอยู่ตลอดเวลา
“องค์หญิง” กู้เจียวเอ่ยปาก
“มีอะไรรึ ไหนยกแขนขึ้นซิ” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ย
พอกู้เจียวยกแขนขึ้น องค์หญิงก็กางแขนเสื้อขึ้นมาทาบ
“องค์หญิงรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” กู้เจียวเอ่ยถามอย่างใจเย็นขณะที่วัดตัวอยู่
“ก็ไม่นี่ เหตุใดเจ้าจึงถามเช่นนี้” องค์หญิงซิ่นหยางถามกลับ
“คือว่า ยาน้ำที่องค์หญิงเพิ่งดื่มไป…” กู้เจียวเอ่ยพร้อมกับขยับนิ้ว
กู้เจียวยังไม่ทันได้พูดจบ เซียวเหิงที่เพิ่งกลับมาจากสำนักฮั่นหลินก็เดินเข้ามาพอดี พร้อมกับเอ่ยทัก “ท่านแม่ เจียวเจียว”
“กลับมาแล้วสินะ” องค์หญิงซิ่นหยางหันไปมองเขาหนึ่งที “รีบไปลองเสื้อของเจ้าเร็ว”
ซื้อเสื้อมาอีกแล้วรึ
เซียวเหิงยกมุมปากขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย “ก็ได้”
อีกแล้วสินะ เหมือนตอนเขาเด็กๆ ไม่มีผิด เสื้อผ้าสามสิบชุดต่อเดือน ทุกวันไม่เคยซ้ำเลยสักชุด
เขาไม่มีปัญหากับการสวมเสื้อผ้าใหม่ก็จริง เพียงแต่เขาไม่ชอบลองเสื้อผ้าก็เท่านั้น
แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของท่านแม่ เขาทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“เอาละ เจ้าไปลองเสื้อเองนะ” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยพลางยื่นเสื้อให้กู้เจียว
“องค์หญิงจะไปไหนรึ” กู้เจียวถาม
องค์หญิงซิ่นหยางหัวเราะร่าตอบ “ข้าไม่ได้จะไปไหน แค่จะไปถามหลิวเฉวียนว่าม้าที่เขาเปลี่ยนเมื่อไม่กี่วันก่อนยังใช้ได้อยู่หรือไม่”
ท่านจะไปหาหลิวเฉวียนไม่ได้เด็ดขาด!
“ใช้ได้ดีเลยทีเดียวล่ะ! ม้าพันลี้! วิ่งเร็วยิ่งนัก! ข้าเคยขี่มันแล้วด้วย! ไม่อย่างนั้น…องค์หญิงไปนั่งพักที่ห้องหนังสือก่อนดีไหม” กู้เจียวรีบเบี่ยงเบนความสนใจ
องค์หญิงซิ่นหยางเหลือบมองกู้เจียวด้วยความสงสัย วันนี้ปฏิกิริยาของกู้เจียวช่างแปลกนัก กระนั้นองค์หญิงก็ไม่ได้คิดมากแต่อย่างใด “รู้แล้วน่า”
จากนั้นนางก็เดินไปที่ห้องหนังสือ
กู้เจียวรีบวางเสื้อลงแล้ววิ่งไปที่ห้องของเซียวเหิง
ขณะเดียวกันเซียวเหิงที่กำลังปลดกระดุมเข็มขัดก็พลันจกใจที่จู่ๆ กู้เจียวก็โผล่พรวดเข้ามา!
“แย่แล้ว เกิดเรื่องแล้ว” กู้เจียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางมองไปที่กางเกงหลวมโพรกของเขา
เซียวเหิงรีบคว้าเข็มขัดแน่น พลางนึก ข้าไม่ชอบสายตาแบบนี้ของเจ้าเลย
จากนั้นกระแอมแก้เขินหนึ่งทีแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าหันไปก่อน”
“อ้อ” กู้เจียวทำตามที่เขาบอก พลางบ่นอุบอิบ “ทำอย่างกับข้าไม่เคยเห็น”
“เจ้าว่าอะไรนะ”
“ไม่มีอะไร!”
ข้าไม่เคยดื่มจนเมาแล้วเผลอเปลื้องผ้าของเจ้าหมดหรอกนะ ไม่เคย!
หลังสวมใส่เสื้อผ้าจนเรียบร้อย เขาก็เรียกนางให้หันกลับมา “เสร็จแล้ว มีเรื่องอันใด”
กู้เจียวจึงเล่าเรื่องยาให้ฟัง
หากเป็นคนอื่น คงจะโต้ตอบทำนองว่า ‘แม่เจ้า ขอบคุณสวรรค์ที่จิ้งคงไม่ได้ดื่มมัน’ หรือไม่ก็ ‘ไยองค์หญิงถึงได้โชคร้ายเช่นนี้’
แต่สำหรับเซียวเหิง เขาเหลือบมองกู้เจียวด้วยท่าทางงุนงง “ทำไมเจ้าถึงมียาแบบนั้นอยู่ในมือ”
“ถ้าข้าตอบว่ามันโผล่ขึ้นมาเองในกล่องยา เจ้าจะเชื่อไหม”
เซียวเหิง “…”
เชื่อก็บ้าแล้ว
เซียวเหิงยังคงมองกู้เจียวด้วยแววตาสับสน
ไหนว่าจะรอให้ตัวเองอายุเยอะกว่านี้ก่อน ไหงกลายเป็นคิดจะวางยากันแล้วหรือ
กู้เจียว “…”
นี่น่ะหรือประเด็นของเจ้า
“แล้วเราควรทำอย่างไรดี” เซียวเหิงเอ่ยถาม พวกเขาควรแก้ไขปัญหานี้ก่อน แล้วค่อยว่ากันเรื่องวางยา “มียาแก้พิษไหม”
องค์หญิงซิ่นหยางกับเซวียนผิงโหวไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน จะให้พวกเขาทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะต้องมีใครตายแน่ๆ
“ไม่มียาถอนพิษ” กู้เจียวเอ่ยด้วยเสียงเศร้า
สีหน้าของเซียวเหิงเริ่มเปลี่ยน “ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า…”
กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ พร้อมกับเอ่ยถามเขา “องค์หญิงนาง…ไม่เคย…รึ”
เซียวเหิง “…”
ที่กู้เจียวถามเช่นนี้ แสดงว่าฤทธิ์ของยานั้นรุนแรงมาก
นางไม่สามารถเข้าใกล้ผู้ชายได้เลย
กู้เจียวถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้น…คงต้องให้นางดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อขับตัวยาออกจากร่างกาย”
“คงต้องใช้วิธีนั้นแล้วล่ะ” เซียวเหิงเอ่ย “เดี๋ยวข้าไปต้มน้ำชาก่อน”
ทั้งสองแบ่งรับหน้าที่เสร็จก็เริ่มปฏิบัติการทันที
กู้เจียวกลับไปที่ห้องเพื่อหยิบน้ำเกลือออกมา จากนั้นพอมาที่ห้องหนังสือ ก็พบว่าองค์หญิงซิ่นหยางไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
“คุณสามี!”
กู้เจียวรีบมาที่ห้องครัว
เซียวเหิงที่เพิ่งวางฟืนบนเตาเสร็จก็รีบหันไปทางเจ้าของเสียง
“องค์หญิงหายไปแล้ว” กู้เจียวกระซิบกับเขา
เซียวเหิงพอรู้ดังนั้นก็ถึงกับมือสั่นจนเผลอปล่อยกิ่งฟืนหลุดจากมือ
“รีบตามหาเร็วเข้า!” เขาลุกขึ้นยืนในทันที
เกิดท่านแม่ไปซี้ซั้วคว้าผู้ชายข้างถนนขึ้นมาล่ะ!
ทันทีที่เซียวเหิงออกจากครัว กู้เจียวก็ดึงแขนเสื้อของเขา ชี้ไปที่ลานหลังเรือน แล้วเอ่ย “ดูเหมือนไม่ต้องตามหาแล้วล่ะ”
ที่ลาน เซวียนผิงโหวกำลังนั่งรับแสงแดดและสายลมอยู่บนรถเข็น
เขารู้สึกว่างเสียจนไม่รู้จะทำอะไร
และเอาแต่ถอนหายใจ
ทันใดนั้น ร่างของใครบางคนยื่นมือเรียวดุจหยกอันบอบบางออกมา และค่อยๆ คว้าคอเสื้อของเขา
เซวียนผิงโหวเริ่มรู้สึกแน่นที่คอ วินาทีต่อมา ร่างของเขาก็ถูกดึงจนหงายหลังพร้อมทั้งรถเข็น
ร่างที่เต็มไปด้วยเฝือกของเขาไม่อาจหันคอกลับไปได้ เห็นแต่เงาที่อยู่บนพื้น “ฉินเฟิงหว่านรึ ฉินเฟิงหว่าน นี่เจ้าคิดจะทำอะไร!”
องค์หญิงซิ่นหยางไม่ตอบเขา ยังคงคว้าคอและลากร่างของเขามุ่งหน้าไปยังห้องนอนราวกับกำลังลากถุงกระสอบ
เซวียนผิงโหวได้แต่ตะลึง
นี่มันเรื่องอะไรกัน
ฉินเฟิงหว่าน เจ้าบ้าไปแล้วรึ แค่โดนเขาหยอกล้อไปไม่กี่คำ ถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้เชียว
แต่จะว่าไป นี่นางมีแรงเยอะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นคือ มันน่าอายที่ชายชาติทหารอย่างเขาถูกสตรีลากไปมาบนพื้นแบบนี้!
“ฉินเฟิงหว่าน! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
เขาตะเบ็งเสียงแข็งใส่นาง
ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยเขา แต่องค์หญิงซิ่นหยางยังลากเขาขึ้นบันไดจนร่างของเขากระแทกจนเกิดเสียงตึง ตึง ตึง
เซวียนผิงโหวที่ถูกลากจนกางเกงขาดเป็นรูโบ๋ “…”
และแล้วร่างกำยำของเขาก็ถูกลากเข้าไปในห้องโดยองค์หญิงซิ่นหยางร่างบางได้สำเร็จ
เซวียนผิงโหวขมวดคิ้ว ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ!
ปัง!
องค์หญิงซิ่นหยางปิดประตูลง
นี่นางกำลังจะฆาตกรรมเขาในห้องปิดใช่ไหม
องค์หญิงซิ่นหยางยืนอยู่ในท่าพิงประตู แสงในห้องสลัวจนใบหน้าของนางถูกปกคลุมไปด้วยเงา
แม้เขาจะเห็นนางไม่ชัด แต่เขารู้สึกได้ว่าดวงตาของนางดูสดใสเป็นพิเศษ มีบางอย่างผิดปกติ!
“ฉินเฟิงหว่าน เจ้าไม่เป็นโรคกลัวผู้ชายแล้วรึ เจ้ากล้าดียังไงมาอยู่กับข้าสองต่อสอง เจ้าคิดจะปลิดชีพข้าสินะ ฉินเฟิงหว่าน ข้าขอเตือนนะ ต่อให้ทั้งตัวข้าเหลือเพียงแค่นิ้วก้อยนิ้วเดียว เจ้าก็ไม่ใช่คู่ปรับของข้า!”
ทันทีที่เขาพูดจบ องค์หญิงซิ่นหยางก็คว้าเขาด้วยมือทั้งสองข้างแล้วโยนเขาลงบนเตียง
เซวียนผิงโหว “…!!”
“ฉินเฟิงหว่าน นี่เจ้ากินยาผิดขวดอีกแล้วใช่ไหม” เซวียนผิงโหวยิ้มมุมปาก
…
จากนั้น เขาหลับตาลง แล้วเอ่ยช้าๆ “ฉินเฟิงหว่าน ข้าบาดเจ็บอยู่นะ ข้าขยับตัวไม่ได้”
…
“ฉินเฟิงหว่าน…เจ้ามันร้าย…”
****************************