สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 615 คิดบัญชี
บทที่ 615 คิดบัญชี
ทั้งกู้เจียวและเซียวเหิงต่างพูดไม่ออกหลังจากได้เห็นภาพเห็นการณ์ที่เซวียนผิงโหวถูกลากคอราวกับถุงกระสอบ
“ท่านแม่ของข้า…แรงเยอะขนาดนี้เชียว” เซียวเหิงเอ่ยด้วยความตะลึงงึงงัน
แน่นอนว่าที่องค์หญิงซิ่นหยางเป็นแบบนั้นเพราะฤทธิ์ของยาล้วนๆ
“ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเพราะยามากกว่านะ” กู้เจียวเอ่ย
ย้อนกลับไปตอนชาติก่อนที่นางเคยอยู่ในองค์กร พวกเขาต้องผ่านการฝึกทดลองยา ไม่ว่าจะเจอกับยาชนิดไหน ร่างกายของกู้เจียวสามารถทนทานได้ เว้นเสียแต่ยาตัวนี้ที่นางไม่เคยแตะมันมาก่อน
ว่ากันว่าฤทธิ์ของมันรุนแรงมาก ถูกจัดอยู่ในยาต้องห้ามขององค์กร
เซียวเหิงปาดเหงื่อ “เช่นนั้นแปลว่า…”
“แค่หยดเดียวก็เห็นผลแล้ว” กู้เจียวที่รู้ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไรจึงพูดขึ้น
เซียวเหิงปาดเหงื่ออีกครั้ง “แล้วนางดื่มไปเท่าไหร่นั่น”
กู้เจียวค่อยๆ ยกนิ้วขึ้น พร้อมกับเอ่ย “สองขวด”
เซียวเหิงรู้สึกราวกับได้ยินเสียงฟ้าถล่ม พลางเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “เช่นนั้น ตอนนี้ข้าควรเป็นห่วงท่านแม่หรือท่านพ่อดีล่ะ”
คืนนี้คงถูกกำหนดให้เป็นวันที่สภาพอากาศแปรปรวน สีท้องฟ้าเปลี่ยนแปลงกะทันหันในตอนเย็น ทั้งฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ลมกรรโชกแรง และฝนตกหนักตลอดทั้งคืน
…
องค์หญิงซิ่นหยางค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับความรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่างกาย
ขณะที่ยังไม่ได้สติ และคิดไปเองว่านางนั้นกลับมายังเรือนที่ถนนจูเชวี่ยแล้ว จึงเอ่ยเรียกบ่าวคนสนิทด้วยความเคยชิน “อวี้จิ่น”
ความรู้สึกแห้งผาดและเจ็บแปลบที่ลำคอปะทุขึ้นตอนใช้เสียง
“อวี้จิ่น”
นางร้องเรียกอีกครั้ง
พอเรียกสติกลับมาได้บ้าง ก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าร่างกายอ่อนเพลียมากเพียงใด
“นี่ข้าไม่สบายรึ”
นางค่อยๆ ยกแขนขึ้นอย่างเนิบช้า ความรู้สึกปวดร้าวแผ่ซ่านไปทั่วกายจนอดสูดปากมิได้ ขณะที่กำลังจะยกมือกุมหน้าผาก นางกลับชนเข้ากับอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะอยู่ตรงนั้น
พอเบิกตากว้างแล้วมองให้แน่ชัด
นี่มัน…
นางออกอาการหน้าถอดสีพร้อมกับกลิ้งลงมาจากร่างที่น่าสังเวชนั้น!
จากนั้นคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวเอง และถีบอีกฝ่ายอย่างแรงถึงสองครั้ง!
“โอ๊ย…”
เซวียนผิงโหวสะดุ้งตื่นหลังจากถูกเตะพร้อมกับคำรามเบาๆ ในลำคอ ดูเหมือนว่าเสียงของเขาก็มีอาการแหบแห้งเช่นกัน แต่ก็มีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ ซึ่งต่างกับเสียงแหบของสตรี
องค์หญิงซิ่นหยางแทบอยากจะเป็นคนหูหนวกไปเลยทันที!
เมื่อครู่นี้นางไม่ได้กลิ้งตกเตียง แต่ตกอยู่ด้านในเตียง
เตียงที่นี่ไม่ใหญ่นัก แค่เซวียนผิงโหวนอนคนเดียวก็แทบจะกินพื้นที่ทั้งหมด นางต้องปีนข้ามร่างของเขาเพื่อหนีออกจากเตียง
บนร่างของเขาจะไม่มีอาภรณ์…แม้แต่ชิ้นเดียว
นางรีบเอาผ้ามาปิดตาในทันที เพราะภาพที่เห็นทำให้นางหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย!
นอกจากอยากเป็นคนหูหนวกแล้ว คราวนี้นางอยากเป็นคนตาบอดด้วยเช่นกัน!
ปกติแล้วนางสามารถตั้งสติและสงบนิ่งได้ในทุกสถานการณ์ แต่มันยากเหลือเกินที่จะต้องมาอยู่กับบุรุษเพียงลำพัง
เซวียนผิงโหวเป็นบุรุษ แถมยังเป็นบุรุษที่หน้าด้านเอามากๆ เสียด้วย
พอเขาได้สติ ก็หรี่ตาหันไปทางองค์หญิงซิ่นหยางที่กำลังเอาผ้าห่มคลุมเขา “ฉินเฟิงหว่าน นี่เจ้ากำลังเล่นกลอะไรอยู่”
“เจ้า ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” องค์หญิงซิ่นหยางนั่งอยู่ที่มุมเตียงพร้อมกับคลุมศีรษะด้วยผ้าห่ม
เซวียนผิงโหวทำหน้าบูดบึ้งพลางโต้กลับ “ฉินเฟิงหว่าน น้ำเสียงรังเกียจของเจ้าหมายความว่าอะไร จะต้องให้ข้าเล่าให้ฟังไหมว่าเมื่อคืนนี้ ไม่สิ ทั้งเมื่อวานรวมถึงเมื่อคืนนี้เจ้าเล่นพิสดารอะไรกับข้าไว้บ้าง”
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ เริ่มผุดขึ้นในหัวองค์หญิงซิ่นหยาง
นางเริ่มตัวแข็งทื่อ
ผ้าห่มที่นางใช้คลุมปิดได้แค่ครึ่งบน ทำให้ขาและเท้าของนางถูกปล่อยโล่ง
เซวียนผิงโหวมองดูขาเท้าที่แข็งทื่อของนางแล้วหัวเราะอย่างเยือกเย็น “จำได้แล้วสินะ ฉินเฟิงหว่านเอ๋ย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี คิดไม่ถึงว่าจะเจ้าเล่ห์ขึ้นขนาดนี้ จงใจให้อวี้จิ่นเอายามาให้ข้า สุดท้ายเจ้าดันคว้าไปกินเสียเอง แล้วยังมีหน้ามาบอกอีกว่าไม่มีเจตนาแอบแฝงใดๆ กับข้า!”
พวกเขาไม่ใช่คนโง่ และมันก็ไม่สมเหตุสมผลที่พวกเขายังคงไม่สามารถบอกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับยานั้น
แต่องค์หญิงซิ่นหยางไม่ได้ตั้งใจจริงๆ !
เห็นๆ อยู่ว่าจิ้งคงมอบยานี้ให้นาง เป็นยารักษาอาการตะคริว แล้วไย…ถึงได้ออกฤทธิ์เช่นนี้ล่ะ
ต่อให้นางเล่าความจริงออกไป แล้วบอกว่านางไม่ได้ตั้งใจ มีหรือที่เขาจะเชื่อ
ต่อให้นางไม่ได้คิดวางแผนจะทำร้ายเขา แต่เขากลับเอาแต่คิดว่านางกำลังวางแผนเล่นงานเขาอยู่ คราวนี้ พอเกิดเรื่องขึ้น…ต่อให้นางหนีปัญหาด้วยการกระโดดลงแม่น้ำหวงเหอก็คงช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี
เซวียนผิงโหวแสดงท่าทีราวกับมั่นใจว่านางจงใจกลั่นแกล้งเขา พร้อมกับเอ่ย “พูดไม่ออกเลยสิ ข้ารู้นะว่าเจ้าจงใจ! ที่ผ่านมาเจ้าก็ชอบเอาแต่บอกว่ากินยาผิด”
ใบหน้าขององค์หญิงซิ่นหยางเริ่มแดงก่ำ!
นี่เจ้าไม่คิดจะไว้หน้าตัวเองหน่อยรึ
องค์หญิงซิ่นหยางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาเรื่องยา และพยายามพลิกสถานการณ์ไม่ให้ตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
นางเริ่มสงบสติอารมณ์แล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ในเมื่อรู้ว่าข้ากินยาผิด ทำไมถึงไม่ผลักข้าออกไป”
ร่างใหญ่แสยะยิ้มอย่างเย็นชา “ฉินเฟิงหว่าน เจ้าอยากเห็นสิ่งที่เจ้าทำกับข้าไหมล่ะ”
องค์หญิงซิ่นหยางค่อยๆ ดึงผ้าห่มที่คลุมศีรษะลงเล็กน้อย เผยให้เห็นดวงตาแดงบวมจากการร้องไห้ และมองดูร่างกายส่วนบนของอีกฝ่ายอย่างกังวลใจ
จึงเห็นว่ามือทั้งสองของเขาถูกมัดไว้กับหัวเตียง
องค์หญิงซิ่นหยาง “…!!”
ความตื่นตระหนกที่ไม่น่าเชื่อแวบผ่านดวงตาของนาง เซวียนผิงโหวเห็นดังนั้นกับทำท่าส่ายเชือกในมือแล้วยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะเย้ย “ดูไม่ออกเลยนะว่าคนอย่างเจ้าชอบอะไรแบบนี้ด้วย”
องค์หญิงซิ่นหยางแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี!
ใครบอกว่านางชอบอะไรแบบนั้นกันเล่า นาง… นางแค่ไม่อยากให้เขาหนีไป…
แต่คนที่ทำไม่ใช่นางด้วยซ้ำ!
นางกินยาผิด นางไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่!
“แต่ว่า เจ้ากำลังใส่…ใส่…” องค์หญิงซิ่นหยางแค่อยากเปลี่ยนเรื่อง จึงพยายามคิดหาข้อแก้ตัว แต่เมื่อถามไปได้ครึ่งทาง ก็พบว่า พื้นในห้องเต็มไปด้วยเศษเฝือกและมีค้อนวางอยู่บนนั้น
เอาละ ข้ออ้างที่จะกล่าวหาว่าเขาถอดเฝือกออกเองเป็นอันต้องปัดตก
องค์หญิงซิ่นหยางหน้าแดง เหลือบมองเขาด้วยหางตาแล้วเอ่ย “เจ้า ถ้าเจ้าไม่ทำอย่างนั้น ข้าก็ไม่…”
“ฉินเฟิงหว่าน ข้าไม่ใช่ขันทีนะ”
แค่ประโยคนี้จากปากเขา ข้ออ้างทุกอย่างก็เป็นอันจบสิ้น!
องค์หญิงซิ่นหยางได้แต่เม้มปากด้วยความอัดอั้นตันใจ
นางยังคงไม่ยอมยอมแพ้ ยังคงรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ต้องไม่ใช่ความผิดของนางคนเดียว
ทันใดนั้น ภาพบางภาพก็แวบขึ้นมาในหัว นางจึงยืดหลังนั่งตรงพร้อมกับเอ่ยอย่างจริงจัง “เอาละ แม้ว่าจะเป็นความผิดของข้าในตอนแรก แต่…แต่ ภายหลัง ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่…”
เซวียนผิงโหวโพล่งหัวเราะอีกครั้ง “แล้วใครใช้ให้เจ้าไร้ฝีมือล่ะ ข้านี่เกือบจะ…”
องค์หญิงซิ่นหยางได้ยินดังนั้นก็ถึงกับโกรธจัด!
ใครก็ได้มาเย็บปากคนคนนี้ที!
…
กว่ากู้เจียวกับเซียวเหิงถูกองค์หญิงเรียกไปพบก็ปาเข้าไปช่วงเย็นของอีกวันแล้ว
องค์หญิงซิ่นหยางกลับมาที่ห้องของตัวเอง อาบน้ำและแต่งตัวเรียบร้อย ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ท่าทีของนางกลับดูเย็นชาขึ้นถนัดตา
จนทั้งสองอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
เซียวเหิงอาสาก้าวเท้าไปข้างหน้า เป็นเกราะกำบังให้กู้เจียวพร้อมกับแบกรับความโกรธเกรี้ยวของมารดาของเขาเพียงลำพัง
“เจ้าออกไปก่อน! ข้ามีเรื่องต้องคุยกับนาง!” องค์หญิงซิ่นหยางตรัสอย่างไม่อ้อมค้อม
แน่นอนว่าเซียวเหิงไม่ปล่อยให้กู้เจียวแบกอยู่คนเดียว “เรื่องนี้กู้เจียวไม่เกี่ยว ความผิดข้าเอง”
“จะความผิดเจ้าหรือไม่ แต่ตอนนี้ข้าขอสั่งให้เจ้าออกไปก่อน!” องค์หญิงซิ่นหยางเริ่มมีน้ำโห
องค์หญิงซิ่นหยางเตรียมคิดบัญชีกับพวกเขาไว้แล้ว เพียงแต่ ไม่ใช่ตอนนี้
นางมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องสะสาง
“ออกไปก่อนเถอะ” กู้เจียวเอ่ยกับเซียวเหิง “นางทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
องค์หญิงซิ่นหยาง “…”
เซียวเหิงร้องอ๋อหนึ่งที แล้วเดินออกไป
องค์หญิงซิ่นหยางยิ่งโกรธมากขึ้น แม้จะไม่รู้ว่าตัวเองโกรธเรื่องอะไร ตั้งแต่เกิดเรื่อเมื่อคืนนี้นางก็เริ่มเหม็นขี้หน้าทุกคนที่พบเจอ!
“ปิดประตูด้วย!” องค์หญิงซิ่นหยางตะโกนสั่ง
เซียวเหิงกระตุกมุมปากเล็กน้อยก่อนจะปิดประตูให้ พลางนึก แม่ข้าดุนี่จริงเชียว
องค์หญิงซิ่นหยางสูดหายใจลึก ระงับความโกรธอันเดือดดาล แล้วเอ่ยช้าๆ “เจ้ามียาขับมดลูกไหม”
กู้เจียวทำหน้าเหวอ
ยาขับมดลูกอย่างนั้นรึ
เรื่องมัน…มาถึงขั้นนี้เลยรึ
ไหนว่าชอบเด็กไม่ใช่รึ
องค์หญิงซิ่นหยางรักเด็กก็จริง แต่นางไม่มีความมั่นใจที่จะเป็นแม่คนอีกครั้ง
“ข้าขอดูก่อน” กู้เจียวเปิดกล่องยาออก
แต่ไม่ว่าจะหาอย่างไรก็ไม่เจอ
กลับกัน ในกล่องนี้มีแต่ยาเสริมภูมิสำหรับคนตั้งครรภ์ ยาฮอร์โมน…
แถมบนฉลากยายังมีรูปใบหน้าเด็กน้อยน่ารักอีกด้วย
กู้เจียวมองกล่องยาด้วยสายตากลืนไม่เข้าคายไม่ออก นี่เจ้ากำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม
แม้ว่าองค์หญิงซิ่นหยางจะไม่เข้าใจภาษาที่อยู่บนตัวยา แต่พอเห็นฉลากที่มีรูปเด็กน้อยก็พอจะเข้าใจแล้วว่ามันคืออะไรพลางกัดฟันแน่น!
กู้เจียวกระพริบตาอย่างไร้เดียงสา “ถ้าข้าบอกว่ายาพวกนี้มันโผล่ขึ้นมาเอง ท่านจะเชื่อไหม”
************************