สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 654-2 เจียวจอมแก่น! (2)
บทที่ 654 เจียวจอมแก่น! (2)
ทว่าเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น จู่ๆ เซียวเหิงและเสี่ยวจิ้งคงดันโผล่มาแถวนั้นพอดี
พวกเขามาแถวนี้เพื่อมาตัดชุดให้กับเสี่ยวจิ้งคง เจ้าตัวเล็กเริ่มโตขึ้นจนชุดเก่าเริ่มคับแล้ว
แล้วบังเอิญ ร้านตัดเสื้อดันตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านขายของโบราณพอดี
รถม้าของหนานกงลี่และเซียวเหิงจอดตรงข้ามกันเช่นกัน
เสี่ยวจิ้งคงโผล่หัวเล็กๆ ออกมาที่หน้าต่างเพื่อดูทิวทัศน์ข้างนอก
กู้เจียวเห็นพวกเขา และค่อนข้างมั่นใจว่าเซียวเหิงเองก็อยู่ในรถม้าคันนั้นด้วยเช่นกัน
ขณะนั้นเอง หนานกงลี่เดินออกมาตรงถนนหน้าร้าน หากเซียวเหิงลงจากม้า หนานกงลี่จะต้องเห็นเขาอย่างแน่นอน
และแล้ว ประตูรถม้าของเซียวเหิงก็ถูกเปิดออก
มือเรียวยาวประดุจหยกยื่นออกมาจากด้านในรถม้า
หนานกงลี่เผลอมองไปทางรถม้าฝั่งตรงข้ามโดยไม่รู้ตัวราวกับมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง
เสี่ยวจิ้งคงกระโดดลงจากรถเป็นคนแรก
เจ้าตัวเล็กที่ตากแดดจนสีผิวของเขากลืนไปกับความมืดยามค่ำคืน จึงทำให้รูปลักษณ์ของเขาไม่เด่นชัด
แต่คนที่ดึงสายตามากที่สุดคือเซียวเหิง
วินาทีที่เซียวเหิงกำลังย่อตัวเพื่อเตรียมลงจากรถม้า กู้เจียวก็คว้าก้อนหินเล็กๆ ขึ้นมาแล้วดีดไปทางหนานกงลี่!
สิ้นเสียงดังปัก ศีรษะของหนานกงลี่ก็ปูดขึ้นเป็นก้อนทันที!
ทหารยามรีบกระจายตัวแล้วยืนล้อมหนานกงลี่
“ปกป้องท่านนายพล!”
ทหารยามนายหนึ่งตะโกนขึ้น
หลังจากความพยายามนี้ของกู้เจียว ในที่สุดเซียวเหิงก็เข้าไปในร้านตัดเสื้อได้อย่างปลอดภัย
ความสนใจของหนานกงลี่ถูกเบี่ยงเบนไปโดยทันที
มีคนสะกดรอยตามเขา!
“ตามตัวมันมาให้ได้!” หนานกงลี่ตะโกนสั่งพร้อมกับเอามือกุมหัวที่ปูดออกมา
“ขอรับ!”
ทหารยามแปดนายวิ่งไปตามทิศทางที่ก้อนหินถูกขว้างมา
กู้เจียวไม่สะดวกจะเปิดฉากต่อสู้ในตอนนี้ ด้วยความที่สวมชุดเครื่องแบบเทียนฉงอยู่
จึงทำได้แค่รีบหนีให้เร็วที่สุด
ทหารพวกนั้นยังคงไล่ตามอย่างไม่หยุดหย่อน พวกเขาแบ่งออกเป็นสามกลุ่มเพื่อล้อมทุกทิศ
ขณะที่กู้เจียวกำลังวิ่งผ่านตรอกเล็กๆ จู่ๆ ก็มีมือปริศนายื่นออกมาปิดปากของนางแล้วดึงร่างเข้าไป
อาจเป็นเพราอีกฝ่ายออกแรงเกินเหตุ ร่างของกู้เจียวจึงชนเข้าอ้อมอกของอีกฝ่ายอย่างเต็มแรงจนเข็มเงินของกู้เจียวตกลงมา
“ข้าเอง”
เสียงที่คุ้นเคยดังก้องอยู่ข้างหู
กู้เจียวเก็บมือลงแล้วหันไปทางอีกฝ่าย
หลังจากที่มู่ชิงเฉินค่อนข้างแน่ใจแล้วว่ากู้เจียวรู้ว่าเป็นเขา ก็รีบใช้วิชาตัวเบาทะยานไปที่รถม้าของเขาซึ่งจอดอยู่ปลายตรอกอีกฝั่ง
ทหารของหนานกงลี่ล้อมรอบเขาจากทิศทางที่ต่างกัน และในที่สุดพวกเขาก็มาหยุดอยู่ที่รถม้าคันนี้
ซึ่งไม่มีสารถี
เหล่าทหารต่างสบตากันอย่างระมัดระวัง ก่อนที่หนึ่งในนั้นตะโกนถามขึ้น “ใครอยู่ในรถม้า ออกมา!”
มู่ชิงเฉินใช้สายตาบอกกับกู้เจียวให้เปิดตู้ใต้เบาะออกมา
ในนั้นเป็นอาภรณ์ของสตรี ดูจากลักษณะของชุดแล้วมีความเป็นไปได้สูงว่าเจ้าของชุดนี้คือซูเสวี่ย
“หากยังไม่ยอมออก พวกเราจะบุกเข้าไป!” ทหารยามนายนั้นเอ่ยเสียงเย็น
กู้เจียวจัดแจงสวมชุดของซูเสวี่ยอยู่ทางด้านนอก
แม้จะเล็กไปบ้าง แต่ก็ยังพอปกปิดชุดเครื่องแบบไว้ได้
ตอนแรกมู่ชิงเฉินต้องการให้เขาเปลี่ยนชุด แต่พอเห็นอีกฝ่ายสวมทับไปแบบนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไร หารู้ไม่ว่าคนที่เขาอยู่ด้วยในตอนนี้แท้จริงคือเด็กสาว
มู่ชิงเฉินเปิดม่านออก จุดที่เขายืนอยู่ในมุมที่บังกู้เจียวพอดี
ไม่ใช่ทุกคนที่เคยพบเจอกับท่านชายชิงเฉิน ทว่าด้วยการแต่งตัวและรัศมีความเป็นท่านชายสูงศักดิ์ที่เปล่งออกมาก็พอทำให้เหล่าทหารมีอึ้งกันไปบ้าง
“ข้าคือมู่ชิงเฉิน พวกเจ้าเป็นใคร” มู่ชิงเฉินเผยตัวตน
“ที่แท้ก็เป็นท่านชายชิงเฉินนี่เอง” ทหารยามที่ตะโกนเมื่อครู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับทำความเคารพให้เขา “ขออภัยที่เสียมารยาทขอรับ”
ชื่อเสียงของเขาเป็นที่เลื่องลือ แม้จะไม่เคยพบเจอ แต่อย่างน้อยก็ต้องเคยได้ยิน
“ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าเป็นใคร” มู่ชิงเฉินย้ำคำถามเดิม
“พวกเรา…พวกเรา…”
เหล่าทหารยามเริ่มลังเล ด้วยความที่การเดินทางครั้งนี้เป็นความลับ พวกเขาจึงไม่ได้สวมเครื่องแบบประจำตระกูลหนานกง และไม่มีใครกล้าที่จะเปิดเผยตัวตนของเจ้านายตัวเอง
“พวกเขาเป็นคนของข้าเอง”
จู่ๆ หนานกงลี่ก็ปรากฏตัวขึ้น
รถม้าของเขาค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ เหล่าทหารยามที่อยู่รอบๆ รีบหลีกทางให้เขา
พอรถมาเทียบจอด สารถีก็รีบลงจากรถแล้วเปิดม่านให้
หนานกงลี่นั่งอยู่บนรถม้าและมองไปทางท่านชายชิงเฉินอย่างเย่อหยิ่ง
ถ้าไม่นับรอยปูดบนหัวของเขาน่ะนะ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ท่านชายมู่”
มู่ชิงเฉินทักทายเขาอย่างสุภาพ “ท่านนายพลหนานกงนี่เอง ได้ข่าวว่าท่านป่วยหนักเอาการ ดูเหมือนว่าจะฟื้นตัวได้ดีเลยทีเดียว”
หากจะบอกว่าโกหกคงไม่เกินจริง สภาพซีดเซียวขนาดนี้คงกำลังกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดไว้อยู่พอสมควร
หนานกงลี่ไม่อยากสาวความต่อ จึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “พวกเรากำลังตามหาโจรอยู่ พอตามมาถึงบริเวณนี้ก็ดันหายตัวไป ไม่ทราบว่าท่านชายพบเจอใครที่น่าสงสัยหรือไม่”
“ข้าไม่เจอนะ” มู่ชิงเฉินตอบด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
“ท่านชายมู่เดินทางมากับใครหรือ” หนานกงลี่เอ่ยถามมู่ชิงเฉิน พลางมองไปยังรถม้า
เขาเป็นนายพล ประสามสัมผัสของเขาย่อมไวต่อความเคลื่อนไหวรอบตัว
“ข้ามากับน้องสาวของข้าน่ะ นางเป็นหวัดอยู่แต่ก็ยังดื้อมาพบข้าที่โรงเตี๊ยม ก็เลยต้องพานางไปส่งที่จวน” มู่ชิงเฉินตอบ
“อย่างนั้นรึ” หนานกงลี่ทำหน้าไม่เชื่อเล็กน้อย
มู่ชิงเฉินจึงเปิดม่านให้อีกฝ่ายได้เห็นกู้เจียว
หลังจากที่สวมชุดเสร็จ กู้เจียวก็แก้ผมของตัวเองแล้วมัดใหม่ให้ดูมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น นอกจากนี้ยังสวมผ้าคลุมเพื่อปกปิดปานบนใบหน้าของ เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่สงบคู่หนึ่งเท่านั้น
มู่ชิงเฉินหันไปเอ่ยกับนาง “ท่านนายพลหนานกงน่ะ”
คำพูดของเขามีนัยต้องการให้กู้เจียวทำความเคารพหนานกงลี่
แต่มีหรือที่คนอย่างกู้เจียวจะยอมก้มหัวให้คนพรรค์นี้
กู้เจียวหันไปทางหนานกงลี่ แล้วใช้น้ำเสียงเดิมของนางเอง “มีธุระอันใดหรือ ท่านนายพลหนานกง”
กู้เจียวดึงน้ำเสียงให้สูงขึ้น
มู่ชิงเฉินได้ยินดังนั้นก็แทบจะสำลัก!
ความสนใจของหนานกงลีอยู่ที่กู้เจียว จึงไม่ทันได้สังเกตท่าทีผิดแปลกของมู่ชิงเฉิน
สถานะของตระกูลซูนั้นสูงกว่าตระกูลหนานกง แม้ว่าหนานกงลี่จะไม่พอใจกับท่าทีของนาง แต่เขาก็ไม่ติดใจอะไร
เมื่อไม่มีอะไรน่าสงสัย หนานกงลี่และทหารยามจึงออกไป
มู่ชิงเฉินหันไปมองกู้เจียวราวเห็นผี “เจ้า เมื่อครู่นี้เจ้า…”
“อ๋อ” กู้เจียวกลับมาดัดเสียงให้เป็นผู้ชายตามเดิม “ข้าชอบฟังงิ้วน่ะ เลยทำเสียงสูงได้”
พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย มู่ชิงเฉินก็โล่งใจ
ครู่หนึ่งเขาเกือบจะคิดว่าเพื่อนร่วมชั้นของเขาเป็นผู้หญิงเสียแล้ว!
มู่ชิงเฉินมองดวงตาที่สดใสของคนตรงหน้า หัวใจของเขาเต้นเร็วเล็กน้อย ก่อนจะพยายามสงบจิตสงบใจลงเอ่ย “เจ้า อย่าได้แต่งตัวแบบนั้นอีกนะ… มันจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด และอย่าใช้เสียงแบบนั้นอีก”
“ก็เจ้าเป็นคนให้ข้าใส่ชุดไม่ใช่รึ” กู้เจียวย้อน
มู่ชิงเฉินจึงไม่พูดอะไร
ภาพที่กู้เจียวสวมผ้าคลุมหน้า ผมสยายยาว ดวงตางดงามอันแสนจะเย็นชาของนางยังคงตราตรึงอยู่ในหัวของเขา
มู่ชิงเฉินไม่กล้าหันกลับไปมองกู้เจียว ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วถาม “ทำไมนายพลหนานกงถึงบอกว่าเจ้าเป็นโจร เจ้าคิดจะฆ่าเขารึ”
กู้เจียวจึงอธิบาย “ข้าไม่ได้จะฆ่าเขา แค่ดีดก้อนหินใส่เท่านั้น”
“เจ้าทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร” มู่ชิงเฉินสงสัย
“ใครใช้ให้ลูกชายของเขามารังแกข้าล่ะ! ข้าโกรธจริงๆ นะ!” กู้เจียวเอ่ยอย่างเดือดดาล
มู่ชิงเฉิน “…”