สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 657-2 บดขยี้ด้วยฝีมือ! (2)
บทที่ 657 บดขยี้ด้วยฝีมือ! (2)
ฝ่ายสำนักบัณฑิตเทียนฉงพากันเงียบงัน แม้ว่าจะเปลี่ยนโฉมมันไปอย่างสิ้นเชิง หากเทียบกับราชาม้าแล้ว ตอนนี้เจ้าม้านี่เหมือนชายาม้ามากกว่า แต่ดีร้ายอย่างไรม้าของสำนักบัณฑิตพวกเขา พวกเขาก็ยังคงจำมันได้อยู่ดี
มู่ชวนพึมพำเสียงเบา “เจ้าขี่มันมาได้อย่างไร ไม่เห็นม้าของพวกเราเองรึว่ามันไม่ขยับแล้ว”
กู้เจียวค่อนข้างมึนงง อ๋อ แต่งตัวให้เสียขนาดนี้แล้วยังจำได้อีกรึ ม้าพวกนี้มีเคล็ดลับการจดจำม้าเป็นพิเศษหรือ
กู้เจียวเอ่ย “แต่ไม่มีม้าที่ดุกว่ามันแล้วนะ”
มู่ชวนไม่กล้าเอ่ยเสียงดัง กลัวว่าคนของสำนักบัณฑิตผิงหยางจะแอบฟัง เขาจึงเค้นเสียงลอดไรฟัน “แล้วอีกเดี๋ยวจะแข่งอย่างไร”
กู้เจียวครุ่นคิด “อีกเดี๋ยวพวกเจ้าก็อยู่ให้ห่างข้าหน่อย”
หยวนเซี่ยวเปิดฉาก
กู้เจียวกับมู่ชวนเปลี่ยนตำแหน่ง มู่ชวนไปเป็นมือโจมตีรอง
หยวนเซี่ยวเปิดฉากได้สวยงามมาก ตีได้เส้นโค้งกลางอากาศที่งดงามและว่องไว
เขาเหวี่ยงไม้ตีไปทางมู่ชิงเฉินโดยตรง ฝ่ายสำนักบัณฑิตผิงหยางคล้ายมองออกแต่แรกแล้วว่าเขาจะตีแบบนี้ นักกีฬาสองคนจึงไล่ตามไปทางมู่ชิงเฉิน
หากว่ากันเรื่องความเร็ว ม้าเฮยเฟิงของพวกเขาไม่มีทางแพ้ม้าของสำนักบัณฑิตเทียนฉงแน่นอน
แต่วิ่งไปวิ่งมาก็ชักจะแปลกๆ เสียแล้ว
ฟิ้ว!
เงาทมิฬทะยานผ่านข้างกายเขาไป!
ความเร็วนั้นยากเกินจินตนาการ คงใช้ได้เพียงคำจำกัดความว่าทะยานเท่านั้น ทั้งสองพลันชะงักงัน
ช้าก่อน นั่นมันม้าอัปลักษณ์ตัวนั้นมิใช่รึ
วิ่งเก่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ
เฮอะ พวกเราก็ไม่ได้ใช้ความเร็วเต็มที่เหมือนกันนั่นแหละ
“ย่าห์!”
ทั้งสองเร่งความเร็วม้ากันขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย ทว่าไม่ว่าพวกเขาจะเร่งความเร็วอย่างไร ก็โดนม้าสีดำทมิฬอัปลักษณ์นั่นทิ้งระยะห่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ราชาม้าวิ่งไม่ทิ้งฝุ่น
ยามนี้ มู่ชิงเฉินได้ลูกมาแล้ว ราชาม้าก็วิ่งไล่ตามหลังมู่ชิงเฉินมาแล้วเช่นกัน ม้าของมู่ชิงเฉินตกใจจนเค้นเรี่ยวแรงออกมาทั้งตัว พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างแรง!
“พี่สี่!”
มู่ชวนควบม้าพลางกวักมือให้มู่ชิงเฉินไปด้วย
มู่ชิงเฉินเห็นความเร็วของมู่ชวน จึงตีลูกไปด้านหลังมู่ชวนแทน
ตรงนั้นห่างจากหลุมของสำนักบัณฑิตผิงหยางใกล้มาก ขอแค่มู่ชวนรับลูกได้ ลูกนี้เป็นของพวกเขาแน่นอน
หันเช่อกับสหายอีกคนพุ่งไปประกบมู่ชวนไว้คนละข้าง
มู่ชวนหันกลับมามอง ก่อนร้องตะโกนเสียงดัง “ไม่สิ! เหตุใดพวกเจ้าจึงพุ่งมาหาข้าเล่า!”
ม้าของเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของม้าเฮยเฟิงเลย วิ่งสู้พวกเขาไม่ได้หรอก!
เป็นอย่างที่คาด หันเช่อวิ่งนำหน้ามู่ชิงเฉินไปแล้ว เขามองลูกที่ตกลงจากกลางอากาศ พลางยื่นไม้ออกไปตีลูกในจังหวะเดียว…
…เขาตีไม่โดนลูก
จู่ๆ ม้าของเขาก็วิ่งเบี้ยว!
ร่างเขาโงนเงน เกือบจะตกลงจากยานพาหนะของตัวเอง!
เกิดอะไรขึ้น! ใครให้เจ้าวิ่งมั่วซั่วเช่นนี้!
ม้าที่ใช้แข่งตีคลีนั้นล้วนเคยได้รับการฝึกอย่างเข้มงวดในระยะยาว พวกมันคุ้นเคยกับคำสั่งทุกชนิดของเจ้านายเป็นอย่างดี ไม่มีทางฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้านายง่ายๆ แน่นอน
ทว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ชวนปากอ้าตาค้างที่สุด อีกทางด้านหนึ่ง แม้มู่ชวนจะสลัดหันเช่อหลุดไปได้ เขาก็ยังรับลูกไว้ไม่ได้อยู่ดี
ลูกถูกนักกีฬาอีกคนของสำนักบัณฑิตผิงหยางแย่งไปได้แล้ว
นักกีฬาคนนี้กำบังเหียนแน่น กะว่าจะย้อนกลับไป เขาจะตีลูกเข้าหลุมของสำนักบัณฑิตเทียนฉงเอง
ทว่าเขายังไม่ทันได้หันเลย ม้าของเขาก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว เหมือนตกใจเป็นอย่างมาก
เขาไม่ทันได้ตั้งตัวจึงสั่นเทิ้มไปด้วย ลูกหลุดไปแล้ว
มู่ชวนตัดสินใจเกี่ยวลูกมาอย่างแน่วแน่ ตีมันเข้าประตูไปในจังหวะเดียว!
กรรมการเอ่ย “สำนักบัณฑิตเทียนฉง หนึ่งแต้ม!”
ข้างบนอัฒจันทร์ บัณฑิตสำนักศึกษาหลิงโปปรบมือขึ้น “ว้าว! เปิดฉากก็ได้แต้มเลย รวดเร็วเกินไปแล้ว”
สหายข้างกายเขาเอ่ย “เมื่อครู่กว่าสำนักบัณฑิตผิงหยางจะตีเข้าประตูได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
จงติ่งเชิดหน้าขึ้นเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “สำนักบัณฑิตพวกเราเอง!”
เสียงไม่ยี่หระลอยมาจากด้านหลัง “แล้วอย่างไรเล่า ก็ตามหลังสำนักบัณฑิตผิงหยางยังนำอยู่สิบแต้มอยู่ดีมิใช่หรือไร จะตามทันรึ”
จงติ่งกับโจวถงหันไปมอง
บัณฑิตของสำนักบัณฑิตอู่เย่ว์ มิน่าเล่า
โจวถงยืดอกเอ่ย “พวกเราไม่แพ้หรอกน่า! รอดูได้เลย!”
พวกเขาไม่ใช่บัณฑิตอ่อนแอที่ใครๆ ก็ต่างรังแกได้อย่างในอดีตอีกต่อไปแล้ว!
บัณฑิตของสำนักบัณฑิตอู่เย่ว์เหน็บให้ “แล้วหากพวกเจ้าแพ้ล่ะ”
โจวถงถลกแขนเสื้อขึ้น “ถ้าแพ้จะโขกหัวให้พวกเจ้า เรียกพวกเจ้าว่าพ่อเลย! หากพวกข้าชนะพวกเจ้าต้องโขกหัวเรียกพวกข้าว่าพ่อ!”
“เหอะ อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!”
การแข่งขันดำเนินต่อไป
หากว่ากันอย่างจริงจังแล้วม้าเฮยเฟิงก็เป็นรุ่นหลังของราชาม้าป่า เพียงแต่หลังจากผสมพันธุ์เลี้ยงในคอกแล้ว ความดุร้ายก็ลดลงไม่น้อย ไม่เหมือนราชาม้าที่โตมาแบบนิสัยดุร้าย ตลอดร่างมันยังแผ่กลิ่นอายราชาของม้าป่าออกมาอีกด้วย
ม้าของสำนักบัณฑิตเทียนฉงไม่กล้าเข้าใกล้มัน แม้ม้าเฮยเฟิงจะกล้าหาญ แต่ก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าใดนัก ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ภาพแปลกประหลาดจึงได้เกิดขึ้น กู้เจียวขี่ราชาม้าเข้าไปดั่งหมาป่าทมิฬเข้าฝูงแกะ ทุกที่ที่ควบผ่าน ฝูงแกะก็แตกกระเจิง!
กู้เจียวตัดสินใจไม่แย่งลูกมันแล้ว นางทำอยู่แค่เรื่องเดียว…วิ่งไล่ตามม้าเฮยเฟิงของสำนักบัณฑิตผิงหยาง!
ไล่คนเดียวไม่พอ ก็ไล่สองคน สองไม่พอก็ไล่สาม
ราชาม้ากำลังวังชาเต็มเปี่ยม ไม่เหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย!
ประเด็นคือสนุกกว่าการบดธัญพืชเป็นไหนๆ !
ซ้ำยังไม่ต้องถักเปียน้อยๆ ด้วย!
นึกถึงงานบดธัญพืชอันแสนจะธรรมดาและน่าเบื่อของตัวเองขึ้นมา ราชาม้าก็ตัดสินใจถนอมช่วงเวลาครึกครื้นอันสั้นที่หาได้ยากนี้เอาไว้
สุดท้ายทุกคนจึงได้เห็นกู้เจียวขี่ม้าตัวเดียววิ่งไล่ม้าสี่ตัว ไล่เสียจนม้าเฮยเฟิงแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อแล้ว!
ตอนแข่งกับสำนักบัณฑิตชิงเย่ว์นั่น กู้เจียวตั้งอกตั้งใจตีคลีเท่าใด มาครานี้กู้เจียวก็ตั้งใจก่อกวนเท่านั้น สำนักบัณฑิตผิงหยางโดนนางไล่ตามจนอเนจอนาถไปหมด!
“กรรมการ! เขาผิดกติกา!” บัณฑิตสำนักบัณฑิตผิงหยางคนหนึ่งฟ้อง
อาจารย์กรรมการเดินมาหา
กู้เจียวถามนิ่งๆ “ข้าได้ไปขวางข้างหน้าพวกเจ้าหรือไม่”
นางไล่ตามอยู่ข้างหลังตลอด
“ม้าของข้าได้แตะต้องม้าของพวกเจ้าหรือยัง”
ระยะห่างอย่างน้อยๆ ครึ่งตัวม้าเชียวนะ
“ไม้ของข้าได้ไปก่อกวนพวกเจ้ากับม้าของพวกเจ้าหรือไม่”
ไม้…เจ้าลงสนามมาก็ไม่ได้เหวี่ยงไม้เลยด้วยซ้ำ!
กู้เจียวหยักยกมุมปากอย่างมาดร้าย “ม้าตัวเองปอดแหกเอง ยังจะมาโทษข้าอีก”
นี่มันคำพูดที่หันเช่อพูดกับสำนักบัณฑิตเทียนฉงเมื่อครู่นี้มิใช่หรือไร
“ม้าของข้าไม่ได้แตะต้องโดนม้าของพวกเจ้าเลย ม้าพวกเจ้าตกใจเอง”
พวกเขาไม่คิดเลยสักนิดว่าถ้อยคำของหันเช่อจะย้อนคืนมาตบหน้าพวกเขาได้รวดเร็วเพียงนี้
เจ็บ เจ็บจริงๆ!
“ไอ้หนุ่มนี่มันแน่นี่หว่า”
ใต้เท้ารองจิ่งบนอัฒจันทร์อดชื่นชมกู้เจียวขึ้นมาไม่ได้
“ม้าตัวนั้นต่างหากที่เก่ง” มู่หรูซินเอ่ย “ให้ใครมาขี่ม้าตัวนั้นก็ชนะทั้งนั้นแหละ”
ใต้เท้ารองจิ่งขมวดคิ้ว เขาฟังประโยคดังกล่าวแล้วไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไร “เจ้าคิดว่าม้าดุร้ายเช่นนั้นใครๆ ก็ขี่ได้อย่างนั้นรึ”
เขาเป็นคนร่ำเรียนวิชาการต่อสู้ ตอนที่ตระกูลเซวียนหยวนยังไม่พ่ายแพ้ เขาเคยมีโอกาสได้เลือกม้าเฮยเฟิงของตัวเอง
พี่เขยใหญ่ถามเขาว่า เจ้าอยากได้ม้าที่ขี่ดี หรือว่าอยากได้ม้าที่ดี
ตอนนั้นเขาไม่ค่อยเข้าใจ ภายหลังจึงได้เริ่มกระจ่าง
น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้บอกคำตอบที่แท้จริงในใจเขากับพี่เขยใหญ่อีกเลย
ภายใต้การรวมพลังของกู้เจียวกับราชาม้าก่อกวนความมวุ่นวาย สามยกผ่านพ้นไป สำนักบัณฑิตผิงหยางก็ตีไม่เข้าหลุมสักลูก
อุตส่าห์แย่งลูกมาได้ หันเช่อเป็นคนเลี้ยงลูกไปหน้าปากหลุมของสำนักบัณฑิตเทียนฉงแล้วแท้ๆ
กู้เจียวขี่ราชาม้าวิ่งไปทางนั้น ม้าของหันเช่อก็หันหัวกลับวิ่งหนีทันที!
หันเช่อ “…!!”
“พวกเจ้าสามคนจะมาแย่งลูกรึ” กู้เจียวถามนักกีฬาของสำนักบัณฑิตผิงหยางสามคนที่จดจ้องพร้อมตะครุบดั่งพญาเสือ
ทั้งสามมุมปากกระตุกยิกๆ เอ่ยออกไปเจ้าอาจไม่เชื่อ ข้าอยากไป แต่ม้ามันไม่ไปเลย!
“อ๋อ” กู้เจียวแบมือทอดถอนใจ “เช่นนั้นก็ยอมรับแล้ว”
หนึ่งคนหนึ่งม้าพากันเชิดหน้าขึ้น เลี้ยงลูกหนีไปอย่างองอาจ!
เมื่อใกล้จบการแข่งขัน จำนวนธงของทั้งสองฝ่ายก็เกิดการพลิกผันอันน่าตื่นตะลึง จากสิบสองต่อสองกลายเป็นสิบสองต่อยี่สิบ สำนักบัณฑิตเทียนฉงที่ได้ยี่สิบ
ทว่าจุดสนใจของทุกคนก็เปลี่ยนจากผู้ทำประตูมาเป็นใครจะโดนวิ่งไล่ตามเป็นรายต่อไปแทนเช่นกัน
พวกสำนักบัณฑิตผิงหยางหน้าหงิกกันหมด
เดิมคิดว่ามีม้าเฮยเฟิงแล้วจะสามารถชนะขาดลอยได้ ใครจะไปคิดว่าจะโดนม้าของเจ้าหนุ่มนี่ก่อกวนเสียได้!
ม้านั่นมันกวนประสาทอะไรขนาดนี้!