สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 673-2 ฝีมือเหนือชั้น (2)
บทที่ 673 ฝีมือเหนือชั้น (2)
ทั่วทั้งสนามพลันเงียบสงัด
มีคนตกจากหลังม้าอีกแล้ว ทุกคนนึกถึงหนานกงหลินที่ตกจากหลังม้าและถูกเหยียบอย่างอดไม่ได้ คงไม่เกิดเหตุซ้ำรอยหรอกกระมัง
กรรมการสั่งหยุดการแข่งขัน
จ้าวเวยพลิกตัวและลงจากหลังม้า “มู่ชวน! เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
มู่ชวนจับแขนขวา เจ็บปวดจนใบหน้าเหยเก “แขนของข้าหักหรือไม่”
กู้เจียวกระโดดลงจากหลังม้า นั่งยองลงแล้วจับแขนไว้ “มันหลุด อดทนหน่อยนะ”
ทันทีที่เอ่ยจบ นางก็ยกแขนของมู่ชวนขึ้น เสียง ‘กึก’ ดังขึ้น แขนของมู่ชวนกลับเข้าที่อีกครั้ง
มู่ชวนร้องด้วยความเจ็บปวด
อาจารย์อู๋เข้ามาพามู่ชวนออกไป ก่อนจะเปลี่ยนให้หยวนเซี่ยวลงสนามแทน
หลังจากกรรมการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเกิดอุบัติเหตุและสำนักบัณฑิตเส้าหลินไม่ได้ทำผิดกฎ
“ไม่ผิดกติกาอย่างนั้นหรือ” หยวนเซี่ยวเอ่ยอย่างไม่พอใจ “พวกเขาตั้งใจชัดๆ !”
เขาเฝ้าดูอยู่ เมื่อครู่นี้นักบวชเส้าหลินที่มีรอยแผลเป็นวงแหวนสามวงบนศีรษะตั้งใจวาดไม้เล็งไปที่มู่ชวน เขาแสร้งทำเป็นแย่งลูกเพื่อทำร้ายมู่ชวน
“แต่ก่อนพวกเขาก็ทำเช่นนี้หรือ” กู้เจียวโพล่งขึ้นมา
คนเดียวที่สามารถตอบคำถามนี้ได้คือมู่ชิงเฉิน เพราะไม่มีใครเคยเห็นสำนักบัณฑิตเส้าหลินลงแข่งมาก่อนนอกจากเขา
มู่ชิงเฉินขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เมื่อก่อนเองพวกเขาก็เล่นกันดุดันและแข็งแกร่ง แต่… ไม่โหดเหี้ยมเท่าวันนี้”
หากไม่ใช่เพราะกำลังภายในของเขาเหนือกว่ามู่ชวน เขาคงร่วงจากม้าไปนานแล้วเช่นกัน
เหตุที่เขาถามกู้เจียวว่าแขนของเขาเป็นอะไรหรือไม่ เป็นเพราะแขนเขาก็บาดเจ็บเหมือนกัน
นักบวชเส้าหลินกลุ่มนี้ดูเหมือนจงใจจะเล่นงานพวกเขา มีใครบงการพวกเขาอยู่เบื้องหลังหรือไม่
ณ ศาลา หมิงจวิ้นอ๋องปรบมือพลางเอ่ย “สวยมาก! นี่มันต้องเล่นแบบนี้ ใครก็ได้พาสำนักบัณฑิตเส้าหลินมาที่นี่ที ข้าละชอบใจยิ่งนัก!”
ท่านชายหันดื่มชาอย่างสบายอามรณ์
การแข่งขันเริ่มต้นอีกครั้ง
กู้เจียวจูงม้าเดินผ่านหน้ากรรมการ จู่ๆ นางก็หยุดลงพลางหันหน้ามองกรรมการ “แน่ใจหรือว่าไม่ครู่ไม่นับว่าผิดกติกา
กรรมการตอบ “ไม่นับแน่นอน”
“อ๋อ” กู้เจียวยักคิ้ว “เช่นนั้นก็แปลว่าหากตกม้าเพราะโดนลูกคลี ก็ไม่นับว่าผิดกติกาทั้งหมดสินะ”
กรรมการขมวดคิ้ว รู้สึกว่าคำพูดนี้ไม่ถูกต้องสักเท่าไร เขาจึงแก้ไข “ห้ามโจมตีคู่ต่อสู้โดยใช้ลูกคลี”
มู่ชวนถูกกระแทกออกจนกระเด็นออกไปขณะแย่งลูก และคู่ต่อสู้ไม่ได้เล็งเป้าไปที่เขา
“อ๋อ” กู้เจียวเอ่ย “ถ้าไม่ได้ตั้งใจก็ไม่ถือว่าผิดใช่ไหม”
จะว่าเช่นนั้นก็ถูก แต่ที่เจ้าพูดออกมาฟังดูทะแม่งๆ ชอบกล
กรรมการมองกู้เจียวด้วยสายตาแปลกประหลาด แต่ก็บอกไม่ถูกว่าต้องไหนไม่ชอบมาพากล ก่อนจะพยักหน้า “เริ่มเลย”
กู้เจียวกระโดดขึ้นม้า
หยวนเซี่ยวเปิดสนาม
ทันทีที่จ้าวเวยเพิ่งจะรับลูกมาได้ นักบวชเส้าหลินก็แย่งมันไปได้ก่อนโดยที่ลูกยังไม่ทันอุ่นด้วยซ้ำ
กู้เจียวตามติด นักบวชเส้าหลินกำลังจะเหวี่ยงไม้ จู่ๆ กู้เจียวก็พูดขึ้นมา “อมิตาพุธ”
นักบวชเส้าหลินนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากตอนแรกที่กำลังจะเหวี่ยงไม้นั้นก็ดึงไม้กลับมา แล้วยื่นมือออกมาทำความเคารพ “อมิตาพุธ——”
เป๊ง!
กู้เจียวตีลูกคลีออกไป!
นักบวชเส้าหลิน “…”
หยวนเซี่ยว รับลูกแล้วจ่ายให้จ้าวเวย แล้วส่งต่อให้กู้เจียว
นักบวชเส้าหลินไล่ตามไป และกู้เจียวก็ถูกโจมตีจากทั้งสองฝ่าย
“ลิ่วหลัง!” ห่างออกไปไม่ไกลนัก หยวนเซี่ยวตะโกน
ลูกคลีถูกส่งต่อให้เข้า ก่อนจะเขาจะส่งต่อให้มู่ชิงเฉิน
กู้เจียวไม่ได้ทำแบบนั้น นางยอมเสี่ยงจ่ายลูกให้มู่ชิงเฉิน
ตามที่คาดไว้ มันถูกสกัด
หยวนเซี่ยวถอนหายใจ “ไอ้หยา!”
คนที่สกัดลูกได้คือพระที่มีรอยแผลวงแหวนหกวง เขาจะส่งลูกไปให้นักบวชเส้าหลินอีกคน กู้เจียวตามติดๆ ไม่ปล่อยไปง่ายๆ
ความเหี้ยมโหดฉายผ่านแววตาของนักบวชเส้าหลินที่มีรอยแผลเป็นวงแหวนหกวง เขาก็วาดไม้ตีลูกคลีออกไปในจังหวะเดียว
เขาใช้กำลังเกือบทั้งหมดในจังหวะนี้
มู่ชิงเฉินสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล นี่ไม่ใช่ลูกที่พวกเขาอยากส่งให้เพื่อนร่วมทีม เขาตั้งใจจะใช้ท่าเดียวกับมู่ชวนกับกู้เจียว
ห้ามรับโดยเด็ดขาด!
ทว่าสายเกินไปที่มู่ชิงเฉินจะหยุดเขา กู้เจียวยื่นไม้ออกมารับ
“โอ๊ย”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นตามมา นักบวชเส้าหลินด้านหลังซ้ายมือของกู้เจียวโดนลูกคลีม้ากระแทกเข้าให้จนตกลงจากหลังม้า!
กู้เจียวเพิ่งยื่นไม้ออกไปจริงๆ แต่ไม่ใช่เพื่อรับลูก แต่เพื่อเปลี่ยนทิศทางของลูก
นักบวชเส้าหลินล้มตกลงอย่างแรง เพื่อนของเขาก็ร้องตะโกน “เจ้าผิดกติกา!”
กู้เจียวผายมือยักไหล่ “เหตุใดข้าถึงผิดกติกาเล่า พวกเจ้าเป็นคนตีแรงจนคนอื่นรับไม่ได้ จะมาโทษข้าได้อย่างไร”
นักบวชเส้าหลินโดนตกกลับจนพูดอะไรไม่ออก
กรรมการตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุและไม่มีผิดกติกา การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป
จะประมาทฝีมือของนักบวชเส้าหลินที่มีรอยแผลเป็นวงแหวนหกวงไม่ได้เด็ดขาด พระรูปนั้นล้มลงอย่างแรง จึงถูกออกจากสนามชั่วคราว เปลี่ยนให้พระอีกรูปเข้ามาแทน
ตัวสำรองผู้นี้มีกำลังด้อยกว่าเล็กน้อย เปิดช่องว่างให้สำนักบัณฑิตเทียนฉง ก่อนจบการแข่งรอบที่สองสำนักบัณฑิตเทียนฉงทำประตูได้สำเร็จ
นักบวชเส้าหลินดูเหมือนจะโกรธ ทันทีที่รอบที่สามเริ่มต้น แขนของหยวนเซี่ยวก็ได้รับบาดเจ็บ
“เจ้าไหวหรือไม่” มู่ชิงเฉินถาม
หยวนเซี่ยวกัดฟันและจับไม้เอาไว้ “ข้าไม่เป็นไร… ข้าเล่นต่อได้…”
ถ้าไม่เล่นต่อก็เหลือกันแค่ห้าคน มู่ชวนก็เล่นไม่ได้แล้ว ถ้าออกจากสนามด้วยอีกคน จำนวนคนจะไม่เพียงพอสำหรับการแข่งและจำต้องสละสิทธิ์
กู้เจียวมองดูมือขวาของหยวนเซี่ยวที่สั่นเทาด้วยความเจ็บปวด แววตาก็พลันเย็นชาขึ้นมา
นางเปลี่ยนไปจับไม้ด้วยมือซ้าย ควบคุมม้าด้วยมือขวา และแย่งลูกคลีไปอย่างรวดเร็ว
นักบวชเส้าหลินที่ถูกแย่งลูกก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เห็นได้อย่างขัดเจนว่าเขานั้นคาดไม่ถึงเลยว่าความเร็วของคู่ต่อสู้เปลี่ยนไปภายในชั่วพริบตาเช่นนี้!
หลังจากกู้เจียวแย่งลูกมาได้แล้วก็ไม่ส่งให้ใคร แต่กลับเลี้ยงลูกไปที่หน้าประตูของคู่ต่อสู้เพียงลำพัง
นักบวชเส้าหลินที่มีรอยแผลเป็นวงแหวนหกวงมารออยู่ก่อนหน้าแล้ว
กู้เจียวใช้ท่าไม้ตาย ใช้ไม้ตีลูกเข้าประตู
นักบวชเส้าหลินที่มีรอยแผลเป็นวงแหวนหกวงมองอย่างเหยียดหยาม พร้อมยกไม้วาดเพื่อสกัดไว้
ทันใดนั้นเอง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ทันทีที่ไม้สัมผัสกับลูก ร่างกายของนักบวชเส้าหลินก็ปลิวไปทั้งตัว!
ช่างเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ !
เขากระเด็นออกจากสนามกระแทกเข้ากับเสาใต้อัฒจันทร์ ก่อนจะล้มลงกับพื้นอย่างอเนจอนาถ!
ทุกคนต่างตกตะลึง ผู้คนบนอัฒจันทร์จำนวนไม่น้อยถึงขั้นลุกขึ้นยืน
เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ
นักบวชเส้าหลินถูกโยนออกมาหรือไร
เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้นไปได้
“ศิษย์พี่หก!”
เหล่านักบวชเส้าหลินควบม้าไปที่ขอบสนาม ก่อนจะรีบลงจากม้าไปหาเขา
“เมื่อครู่… เมื่อครู่คือฝีมือลิ่วหลังหรือ” หยวนเซี่ยวตกตะลึง
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเซียวลิ่วหลังแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ พลังโจมตีเมื่อครู่เทียบกับที่มู่ชิงเฉินโดนไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เขาใช้กำลังภายในหรือไม่” จ้าวเวยถาม
มู่ชิงเฉินเอ่ยด้วยสีหน้าซับซ้อน “ไม่ได้ใช้”
เขาไม่รู้สึกถึงกำลังภายในใดๆ เขาใช้ความแข็งแกร่งของตัวเอง
ดวงตาของจ้าวเวยเป็นประกาย “หลิวหลังเก่งยิ่งนัก นักบวชเส้าหลินพวกนี้เจอของจริงเข้าให้แล้ว”
มู่ชิงเฉินเอ่ย “ใช่ นี่แหละของจริง”
สาเหตุที่นักบวชเส้าหลินเก่งกาจนั้น ไม่ใช่เพราะพวกเขามีพรสวรรค์ด้านตีคลีแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับสวี่ผิง พวกเขายังห่างชั้นนัก พวกเขาได้เปรียบเรื่องความเร็วและความพละกำลัง หากไม่ใช้กำลังภายในละก็ ไม่มีใครนับว่าเป็นคู่ต่อสู้ของนักบวชเส้าหลิน
ไม่มีผู้ใดสามารถรับลูกที่พวกเขาตีได้ และพวกเขาก็ไม่สามารถหยุดลูกที่ผู้อื่นตีได้เช่นกัน
หยวนเซี่ยวเกาศีรษะ “หลิวหลังเก่งกาจเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วหรือ”
มู่ชิงเฉินนิ่งไปพลางเอ่ย “เปล่าหรอก”
ยามฝึกราชาม้าให้เชื่อง เซียวลิ่วหลังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งออกมาขนาดนี้ แต่เหมือนกับว่าศักยภาพของเขาถูกกระตุ้นโดยนักบวชเส้าหลินเหล่านี้มากกว่า
ท่วงท่าของกู้เจียวงดงามเสียจนหมิงจวิ้นอ๋องในห้องใต้หลังคาต้องปากค้าง “เจ้าเด็กนั่นเป็นใครมาจากไหน นั่นนักบวชเส้าหลินเชียวนะ!”
ท่านชายหันจ้องมองเด็กหนุ่มผู้แสนำยศบนหลังม้า เงาร่างของใครคนหนึ่งในความทรงจำวัยเด็กก็แวบเข้ามาในหัว
นั่นคือลูกชายคนโตของตระกูลเซวียนหยวน
ชายหนุ่มที่สามารถฆ่าเสือด้วยหมัดเดียวโดยไม่ต้องใช้กำลังภายใน
กู้เจียวมองดูมือของตัวเอง
เหอะ พระพวกนี้ก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพลังจะฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อย
ทั้งที่หลายเดือนมานี้ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลย
กู้เจียวแสยะยิ้มมุมปาก มองดูนักบวชเส้าหลินที่กำลังจะกลับเข้าสู่สนาม แสงสีเขียวฉายแวบผ่านในแววตา
นักบวชเส้าหลินพากันหัวใจเต้นระส่ำ!
ลางสังหรณ์ที่กำลังบอกว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นนี้คืออะไรกันแน่