CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 733 สองพี่น้องเค้นคำสารภาพ

  1. Home
  2. สามีข้าคือขุนนางใหญ่
  3. บทที่ 733 สองพี่น้องเค้นคำสารภาพ
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 733 สองพี่น้องเค้นคำสารภาพ

เด็กน้อยทั้งสองร้องเพลงไม่หยุด ห้อมล้อมไปด้วยเหล่าศิษย์ตำหนักกั๋วซือ

ฮ่องเต้พลันรู้สึกสับสน

ไหนบอกว่าร้องไห้ฟูมฟายอยู่มิใช่หรือ ไหนบอกว่าฟ้ามืดแล้วต้องมาฝ่าบาทเสด็จลุง

เด็กคนนี้คงลืมไปแล้วสินะว่าตัวเองต้องมาหาเสด็จลุงอย่างเขา

หากไม่ขัดจังหวะนาง นางคงร้องเพลงไปเรื่อยๆ ถึงวันพรุ่งนี้เลยกระมัง

ฮ่องเต้ส่งเสียงฮึดฮัด “หึ ไม่เคยเห็นเจ้าเล่นสนุกขนาดนี้มาก่อนเลย!”

ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ยังมาเล่นสนุกอยู่อีก

จางเต๋อเฉียนหัวเราะพลางเอ่ย “องค์หญิงน้อยได้เจอเพื่อนเล่นรุ่นราวคราวเดียวกันเสียที”

ฮ่องเต้หัวเราะเบาๆ “เมื่อก่อนไม่มีเพื่อนเล่นหรือ”

จางเต๋อเฉียนหัวเราะตอบ “จะเหมือนกันได้อย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ”

เพื่อนเล่นคนก่อนๆ ล้วนแต่เป็นท่านชายหรือคุณหนูที่อารมณ์ดีและอ่อนโยนที่เหล่าตระกูลชั้นสูงส่งตัวมาโดยเฉพาะ แถมที่บ้านยังสอนกฎเกณฑ์มารยาทมาอย่างดู รู้ว่าซ่างกวนเสวี่ยเป็นองค์หญิงในราชสำนัก จึงห้ามทำให้นางขุ่นค้องหมองใจเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นหากฮ่องเต้สั่งลงโทษขึ้นมา ทั้งพ่อและแม่จะพานเดือดร้อนไปด้วย

ใครที่ไหนจะเล่นสนุกตามใจตัวเองได้เล่า

พวกเขาระมัดระวังตัวกันมาก องค์หญิงน้อยก็เล่นสนุกไม่เต็มที

เสี่ยวจิ้งคงไม่รู้ถานันดรขององค์หญิงน้อย เห็นนางเป็นเพียงเด็กธรรมดาคนหนึ่ง จึงเล่นกับนางอย่างไร้กังวล

ความจริงแล้วต่อให้เสี่ยวจิ้งคงรู้แต่ก็คงไม่เก็บมาใส่ใจ เพราะยามอยู่ที่แคว้นเจา เขาเคยเป็นเพื่อนกับองค์ชายฉินฉู่อวี้มาก่อน และฮ่องเต้แคว้นเจาก็ไม่เคยเอาฐานะมาเรียกร้องอะไรกับเขา เสี่ยวจิ้งคงจึงชินกับการใช้ชีวิตแบบไม่คำนึงถึงฐานะไปเสียแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นกู้เจียวยังสอนเขาที่บ้านว่าต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ ไม่ควรเอาสายตาที่มีอคติไปมองผู้อื่น

ฮ่องเต้ยืนอยู่ตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน

หากเด็กน้อยเห็นตัวเองย่อมวิ่งเข้ามาหาแน่นอน

ทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้น

องค์หญิงน้อยกำลังสนุกกับการร้องเพลง ไม่ได้สนใจฮ่องเต้เลยสักนิด

นี่เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้ถูกเด็กน้อยเมินเฉยอย่างไร้เยื่อใย

ตอนนั้นเองที่เสี่ยวจิ้งคงเห็นกู้เจียว เสียงเพลงที่อยู่สมองก็หยุดลงทันที

เซียวเหิงรับเสี่ยวจิ้งคงมาเมื่อครู่และได้กำชับเสี่ยวจิ้งคงเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน เสี่ยวจิ้งคงจึงรู้ว่าพี่เขยนิสัยไม่ดีได้เปลี่ยนตัวตนอีกครั้ง

เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่นิดทั้ง ทั้งยังยอมรับได้อย่างรวดเร็ว

รู้ดีว่าต้องควบคุมตัวเองไม่ให้ใกล้ชิดกับเจียวเจียวต่อหน้าคนอื่น

“จิ้งคง ทำไมเจ้าไม่ร้องเพลงแล้วเล่า” องค์หญิงน้อยก็หยุดลงเช่นกัน

จิ้งคงขานตอบเบาๆ ยกมือชี้ไปที่ท้องฟ้าเหนือศีรษะ “ดูสิ ดวงจันทร์ออกมาแล้ว ควรกลับบ้านได้แล้ว”

องค์หญิงน้อยเงยหน้าขึ้นมองแล้วพยักหน้าตาม “เช่นนั้นมาร้องเพลงกันต่อพรุ่งนี้นะ!”

ว่าจบองค์หญิงน้อยก็กระโดดลงจากขั้นบันได วิ่งไปหาฮ่องเต้อย่างรวดเร็วราวกับนกนางแอ่น

ใบหน้าของฮ่องเต้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขากางแขนออกเล็กน้อย รอรับเด็กน้อย

แต่ทว่าเด็กน้อยกลับผ่านเขาไปเสียอย่างนั้น

“อาจารย์!”

องค์หญิงน้อยมาถึงหน้ากู้เจียว นางโค้งคำนับอย่านอบน้อมยิ่งนัก

ฮ่องเต้กริ้วจนรอยย่นบนใบหน้ากระตุก “…”

…

องค์หญิงน้อยเป็นคนพาเสี่ยวจิ้งคงมาที่ตำหนักกั๋วซือ องค์หญิงน้อยกำลังจะกลับ แน่นอนว่าต้องพาเขากลับไปด้วย

เสี่ยวจิ้งคงโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้อง ไม่ต้อง พี่สาวข้าจะมารับข้าที่ตำหนักกั๋วซือเอง”

“เช่นนั้นก็ได้ คิดว่าจะได้กลับบ้านด้วยกันเสียอีก เช่นนั้นไปก่อนนะ! เจอกัน!”

“เจอกัน!”

สองเด็กน้อยบอกลากัน

องค์หญิงน้อยใช้เวลาอย่างสนุกสนานและอิ่มเอมใจทั้งวัน ระหว่างเดินทางกลับนางรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

นางลืมไปหมดแล้วว่ามาตำหนักกั๋วซือทำไม

เมื่อฮ่องเต้ที่พระพักตร์ดำคล้ำกำลังจะเอ่ยเตือนนาง นางก็นอนหงายลง นอนแผ่บนเตียงนุ่มก่อนจะหลับไป

เล่นทั้งมาทั้งวัน ไม่นอนหลับกลางวันด้วย เป็นเด็กช่างเหนื่อยจริงๆ

ฮ่องเต้ “…”

อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวจิ้งคงใช้เวลาอยู่ในห้องโถงกับกู้เจียวสักพัก ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านแล้ว

จิ้งคงกอดอก ฮึดฮัดใส่เซียวเหิง “แต่ตอนนี้เจ้ากลับไปที่สำนักบัณฑิตได้หรือ ไม่อย่างนั้นก็ลาเรียนให้ข้าสิ ข้าจะได้อยู่ที่นี่เหมือนกัน”

แบบนี้เขาก็จะได้อยู่กับเจียวเจียวทุกวันแล้ว ฮ่าๆ !

เขานี่ฉลาดจริงๆ !

เด็กน้อยดีใจจนเนื้อเต้น

เซียวเหิงที่ปลอมตัวอยู่ แน่นอนว่าไม่สามารถกลับไปที่สำนักบัณฑิตได้อีกต่อไป มิเช่นนั้นการที่เขาหายไปทั้งวันกลางวันแสกๆ จะน่าสงสัยเกินไป

แน่นอนว่าเซียวเหิงสามารถเลือกที่จะขอลาหยุดให้ตัวเองและเสี่ยวจิ้งคงได้สักสองสามวัน แต่เซียวเหิงไม่ได้ทำอย่างนั้น

“เป็นเด็กเรียนหนังสือจะลาหยุดพร่ำเพื่อไม่ได้” เซียวเหิงเอ่ยพลางหยิบชุดเครื่องแบบของสำนักบัณฑิตสตรีชังหลันที่เขานำมาจากหอหลิงหลงตอนไปรับเสี่ยวจิ้งคงออกมาจากกระเป๋า

เขาถือชุดเครื่องมาวางตรงหน้ากู้เฉิงเฟิง

กู้เฉิงเฟิงตื่นตระหนกหัวใจเต้นโครมคราม “ทำอะไรน่ะ”

เซียวเหิงชี้ไปที่เสี่ยวจิ้งคง “เจ้ามารับบทเป็นพี่สาวของเขา”

กู้เฉิงเฟิงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เหตุใดต้องเป็นข้า!

กู้เฉิงเฟิงปฏิเสธ “ข้า… ข้ากับเจ้ารูปร่างไม่เหมือนกัน ข้าตัวเตี้ยกว่าเจ้า”

เซียวเหิงพยักหน้าเบาๆ แล้วหันหลังกลับอย่างใจเย็น หยิบรองเท้าส้นสูงออกมาจากกระเป๋า

กู้เฉิงเฟิง “…”

…กู้เฉิงเฟิงเริ่มต้นชีวิตอันแสนลำบาก ต้องเรียนหนังสือตอนกลางวันและร้องเพลงหาเงินตอนกลางคืน

….

หลังจากที่หวังซวี่ออกจากตำหนักกั๋วซือก็รีบมุ่งหน้าไปยังวังหลวง เขาได้รับคำสั่งให้สืบสวนคดีนี้ และได้รับอนุญาตให้สั่งการขันทีในวังหลวง

เขาเริ่มจากการสอบสวนขันทีทั้งสิบสองสำนักขันทีทุกคนที่สวมเสื้อผ้าชนิดนั้นจะต้องเข้ารับการสอบสวนจากจวนแม่ทัพ

เขานั่งในโถงใหญ่ของจวนแม่ทัพ ขันทีใหญ่จากสิบสองสำนักยืนเรียงรายอยู่ตรงกลางห้องโถง

จากทำให้การ ขันทีใหญ่ทั้งสิบสองคนนี้บอกว่าพวกเขาไม่มีวรยุทธ์ แต่จริงอย่างที่ว่าหรือไม่นั้น พวกเขามิใช่คนที่จะตัดสิน

หวังซวี่ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง

คนที่มีวรยุทธ์สูงย่อมต้องมีพลังปราณที่ดีเยี่ยม การทดสอบว่าคนคนนั้นมีพลังปราณหรือไม่นั้นมีอยู่สองวิธี วิธีแรกคือดูท่าทางการต่อสู้ของเขา วิธีที่สองคือส่งพลังปราณของตัวเองเข้าไปในชีพจรของอีกฝ่ายโดยตรง

วิธีที่สองในการทดสอบพลังปราณจะทำให้คนที่ถูกทดสอบรู้สึกเจ็บปวดในระดับหนึ่ง ยิ่งมีวรยุทธ์น้อยก็ยิ่งเจ็บปวดมาก

ตอนนี้เขาต้องทำเพื่อสืบคดี จึงไม่สนใจว่าใครจะเจ็บปวดเช่นไร

เขามองไปที่ทุกคนอย่างแน่วแน่ “ขออภัยด้วยขอนรับ ท่านใต้เท้าทั้งหลาย”

เขาเริ่มจากการสอบสวนขันทีใหญ่ของสำนักพิธีการ เขาจับข้อมือของขันทีใหญ่เอาไว้แล้วส่งพลังปราณเข้าไป ไม่นานก็พบว่าหน้าผากของอีกฝ่ายเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา

มือมีรอยหยาบกร้าน แสดงว่าฝึกวรยุทธ์มาบ้าง แต่พลังปราณยังไม่ลึกซึ้งพอ ไม่ใช่มือสังหารที่ลอบทำร้ายซ่างกวานเยี่ยน

จากนั้น เขาก็ทดลองกับขันทีใหญ่ของสำนักตำหนักใน สำนักโอสถ และสำนักอื่นๆ อีกเจ็ดคน ทว่าพวกเขาไม่มีพลังปราณเลย

ที่น่าประหลาดใจก็คือ ขันทีใหญ่จากสำนักพิธีบวงสรวง สำนักตำหนักกลาง สำนักราชองครักษ์ และสำนักขบวนยาตราทั้งสี่คนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ

นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพราะคนที่สามารถไต่เต้าขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ในวังหลวงได้ ย่อมต้องซ่อนความสามารถไว้บ้าง

หวังซวี่เข้าใจกลไกอำนาจเป็นอย่างดี จึงไม่ตำหนิขันทีทั้งสี่ที่ปกปิด แต่อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ต้องการให้เขาสืบหาตัวคนร้าย ซึ่งทั้งสี่คนก็มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ต้องสงสัย

แต่เมื่อเขาตรวจสอบเส้นทางการเดินของทั้งสี่คนแล้ว ก็พบว่าทั้งสี่คนมีหลักฐานการไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุในคืนนั้น

และเสื้อผ้าของพวกเขาก็ไม่มีร่องรอยความเสียหายใดๆ ที่น่าสงสัย

เสื้อผ้าที่เสียหายสามารถซ่อมแซมได้ ช่างฝีมือดีสามารถซ่อมแซมได้อย่างแนบเนียน

หวังซวี่สั่งให้ลูกน้องของเขา “เอากล่องแมงป่องมา

“ขอรับ” ลูกน้องลงไปในห้องเก็บของแล้วกลับมาพร้อมกล่องเหล็กใบหนึ่ง

หวังซวี่เอ่ยกับขันทีใหญ่ทั้งสี่คน “นี่คือแมงป่องหางฟ้า พิษร้ายแรงมาก กัดเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้หน่วยกล้าตายเสียชีวิตได้ ไม่มียาแก้พิษ”

เขาเอ่ยจบแล้วเปิดผ้าเช็ดหน้าออก เผยให้เห็นเส้นหม่อนไหม “นี่คือหลักฐานที่มือสังหารทิ้งไว้ที่เกิดเหตุ ตอนนี้ข้าจะใส่มันเข้าไปในกล่องแมงป่อง แมงป่องพิษที่อยู่ในกล่องจะจดจำกลิ่นของมันไว้สักครู่ แล้วขอรบกวนทั้งสี่ท่านยื่นมือเข้าไป สี่ท่านโปรดวางใจ พวกมันล้วนเป็นแมงป่องพิษที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี จะไม่กัดสิ่งที่ไม่มีกลิ่นเดียวกับหลักฐาน”

ขันทีใหญ่ทั้งสี่คนต่างก็ลังเล

หวังซวี่ยิ้มบางแล้วโยนเส้นใยเกสรเข้าไป แล้วยื่นมือเข้าไปในกล่องเหล็กก่อน

ครู่ต่อมา หวังซวี่ก็ดึงมือออกมา ปรากฎว่าไม่มีรอยกัดแม้แต่น้อย

ทุกคนต่างก็โล่งอก

“ข้าขอเป็นคนแรก” ขันทีใหญ่ของสำนักพิธีบวงสรวงเอ่ยขึ้น

หวังซวี่ส่งสายตาให้ลูกน้อง

ลูกน้องถือกล่องเหล็กมาให้เขา

ขันทีใหญ่ของสำนักพิธีบวงสรวงสอดมือเขาไปในรูบนฝากล่อง

“เรียบร้อยแล้ว” หวังซวี่เอ่ย

ขันทีใหญ่ของสำนักพิธีบวงสรวงโล่งอก

จากนั้น ขันทีใหญ่ของสำนักขบวนยาตราและสำนักราชองครักษ์ก็ยื่นมือเข้าไปในกล่องแมงป่องทีละคน

ทั้งสองคนปลอดภัยดี

ถึงคราวของขันทีใหญ่จากสำนักตำหนักกลางแล้ว สายตาของเขาเผยให้เห็นความลังเล เขาเกร็งท่อนแขนนิ่ง ไม่ยอมสอดมือเข้าไป

หวังซวี่ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เขานี่เอง! จับตัวไว้!”

กล่องแมงป่องที่หวังซวี่ใช้ทดสอบนั้น แท้จริงแล้วมีพิษร้ายแรงน้อยกว่าที่คิด ทั้งยังไม่ได้มีแมงป่องหางฟ้าที่พิษร้ายแรงที่สุดอยู่ภายใน แต่เป็นเพียงแมงป่องพิษธรรมดาเท่านั้น นอกจากนี้ กล่องแมงป่องยังมีชั้นตาข่ายเหล็กปิดอยู่ด้านบนอีกด้วย

ดังนั้น แม้มือสังหารจะยื่นมือเข้าไปในกล่องแมงป่องจริงๆ ก็คงไม่ถูกกัด

นี่คือการโจมตีทางจิตวิทยาที่หวังซวี่นำมาใช้ และเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายพ่ายแพ้อย่างราบคาบ

เหล่าทหารองครักษ์จากจวนแม่ทัพทั้งสามคนก็ล้อมเข้าจับกุมขันทีใหญ่สำนักตำหนักกลางในทันที

ทว่าวิชาตัวเบาของคนผู้นี้นั้นเหนือชั้นยิ่งนัก เพียงกระโดดครั้งเดียวก็ทะยานตัวออกไปจากห้องโถง

หวังซวี่ตะโกนสั่ง “ตามจับตัวมาให้ได้!”

เหล่าองครักษ์จวนแม่ทัพไล่ตามทันที

แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตามทันได้

เพียงชั่วพริบตา มือสังหารก็หลบหนีออกจากวังหลวงไปได้แล้ว

หวังซวี่โกรธจนกัดฟันเอ่ย “แยกทหารเป็นสามกลุ่ม! พวกเจ้าสองกลุ่มไปซุ่มดักรอจากสองถนนด้านหน้าและด้านหลัง อีกกลุ่มที่เหลือตามข้ามา!”

หวังซวี่อาศัยความคุ้นเคยกับเมือง หนึ่งชั่วยามต่อมาก็สามารถปิดล้อมอีกฝ่ายไว้ในตรอกตันได้สำเร็จ

หวังซวี่เอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าขอเตือนเจ้าให้ยอมจำนนเสีย อย่าต่อสู้ เจ้ารู้ดีถึงวิธีการของฮ่องเต้ ความตายก็ไม่น่ากลัวเท่ากับที่เจ้ารอดชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมาน!”

สายตาของขันทีใหญ่จากสำนักตำหนักกลางเริ่มดุดัน เขาพุ่งเข้าโจมตีทำร้ายทหารองครักษ์ของจวนแม่ทัพคนหนึ่ง ชิงกระบี่ของอีกฝ่ายมา แล้วเริ่มปะทะกับหวังซวี่และคนอื่นๆ

หวังซวี่เพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองประเมินกำลังของอีกฝ่ายต่ำไป พวกเขาสิบกว่าคนต้านอีกฝ่ายไม่ได้เลย

หวังซวี่เข้าต่อสู้ด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่แพ้ในสิบกระบวนท่า

ช่างเป็นคู่ต่อสู่ที่แข็งแกร่งนัก!

สำนักตำหนักกลางมียอดฝีมือแบบนี้อยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่

หวังซวี่ใช้กระบี่ป้องกันการโจมตีของอีกฝ่าย กัดฟันเอ่ย “เจ้าเป็นใคร ใครส่งเจ้ามาลอบทำร้ายองค์หญิง!”

อีกฝ่ายไม่สนใจคำพูดชของหวังซวี่ ฟันกระบี่ไปที่แขนของหวังซวี่จนบาดเจ็บ

หวังซวี่ล้มลงกับพื้น เลือดสาดกระเซ็น

อีกฝ่ายชูกระบี่ขึ้นสูง แทงลงกลางหัวใจของหวังซวี่อย่างแรง!

ถึงตายก็ต้องลากคนผิดรับบาปให้ได้

หวังซวี่รู้แล้วว่าตัวเองหนีไม่พ้น เขาปิดตาลงโดยไม่รู้ตัว

กระบี่นั่นมิได้แทงทะลุลงมา ทว่ามีกระบี่อันทรงพลังและคมกริบอีกเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างฉับพลันราวกับสายฟ้า กระแทกอีกฝ่ายจนกระเด็นชนกำแพงด้านหลัง

หวังซวี่ลืมตาขึ้น หันไปมองก็เห็นชายหนุ่มในชุดสีดำถือกระบี่ยืนอยู่ปากทางเข้าตรอกภายใต้แสงจันทร์

นั่นมิใช่ยอดฝีมือข้างกายของพระนัดดาที่ฟาดเขาด้วยไม้นวดแป้งจนสลบไปหรอกหรือ

เขามาที่นี่ได้อย่างไร เพียงแค่กระบวนเดียวก็เจ้าตัวปัญหานั่นกระเด็นไปไกลแล้ว

ขันทีใหญ่จากสำนักตำหนักกลางบาดเจ็บที่หน้าอก เลือดไหลออกจากมุมปาก เขาทิ้งกระบี่ของเขาไว้ที่พื้นอย่างไม่ใบดี

เขาเห็นได้ชัดว่าสู้กับกู้ฉังชิงไม่ไหว จึงตัดสินใจหนีไป

เขากระโดดขึ้นหลังคาด้วยปลายเท้า เขาปีนกำแพงไปตามหลังคาและค่อยๆ หายไปในยามค่ำคืน

หวังซวี่ตกตะลึงพลางเอ่ย “เขาคือคนร้าย เจ้ารีบตามไปจับเขาเถอะ!”

กู้ฉังชิงเอ่ยเสียงเรียบ “เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจคนหนึ่ง หากจับเขาเสียตั้งแต่ตอนนี้จะไม่น่าเสียดายหรือ”

หวังซวี่มึนงงไปหมด เหตุใดข้าถึงไม่เข้าใจที่เจ้าพูด

ขันทีใหญ่จากสำนักตำหนักกลางหนีไปสักพักก็พบว่ากู้ฉังชิงไม่ได้ตามเขามา เขายิ้มเยอะพลางเอ่ย “เหอะ ต่อให้เก่งกาจกว่านี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร สุดท้ายข้าก็หนีออกมาได้อยู่”

พอเอ่ยจบ กระบองไม้ท่อนหนึ่งก็พุ่งเข้าหาเขา ก่อนจะเหวี่ยงร่างของเขาตกลงจากหลังคา!

“บัดซบ…”

เขาสถบด้วยความเจ็บปวด ล้มหน้าคะมำลงกับพื้น

กู้เจียวกระโดดลงมาจากหลังคา ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เคาะไม้นวดแป้งในมืออย่างสบายอารมณ์พลางเอ่ยถามเขา “ลองกันสักตั้งไหมล่ะ สหาย”

ขันทีใหญ่จากสำนักตำหนักกลาง “…”

…

หลังจากผ่านราวสิบหน้านาที เมื่อหวังซวี่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับแขนที่บาดเจ็บ ขันทีใหญ่จากสำนักตำหนักกลางก็ถูกทุบตีจนนิ้วมือกระดิกไม่ได้

เขามองไปที่หวังซวี่ด้วยสายตาที่ตื่นเต้นราวกับเห็นแสงดาวที่จะช่วยให้เขามีชีวิตรอด

กู้เจียวยืนอยู่ข้างกันอย่างอารมณ์ดี

กู้ฉังชิงเดินเข้าไปใกล้พลางกระซิบถาม “เป็นอย่างไรบ้าง”

กู้เจียวตอบ “พอไหว ยังไม่ได้เอาจริงสักเท่าไหร่”

กู้ฉังชิงเอ่ยอย่างจริงจัง “คราวหน้าข้าจะระวังหน่อย จะไม่ให้เจ้าต้องเปลืองแรง”

หวังซวี่ทำหน้างงงวย พวกเจ้ากำลังเอ่ยอะไรกันอยู่กันแน่ ประเด็นหลักไม่ใช่คดีหรอกหรือ อะไรที่เจ้าระวังหน่อย พวกเจ้าคราวหน้าจะทำอะไรอีก!

กู้เจียวไม่ได้ฆ่าเขา แต่แค่ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส เพื่อให้สามารถสอบสวนอีกฝ่ายได้

เพียงแต่เจ้าหมอนี่กระดูกแข็งเหลือเกิน

เขายิ้มอย่างเหยียดหยาม “ข้า…ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มีคน….สั่งข้า พวกเจ้า…ยอมแพ้เสียเถอะ… ข้าไม่รู้…อะไรเลย”

“จริงหรือ”

กู้เจียวมองขันทีใหญ่จากสำนักตำหนักกลางหัวจรดเท้า หยิบเข็มอาบยาหลอนประสาทออกมาจากกระเป๋าปฐมพยาบาลก่อนจะแทงเข็มลงไป!

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 733 สองพี่น้องเค้นคำสารภาพ"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์