สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 100
ตอนที่ 100 ไปตรวจครรภ์คนเดียว
แอร์ในห้องทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้เย็นมาก แต่เสิ่นอีเวยกลับรู้สึกว่า ในตอนนั้นเหมือนอยู่ในช่องแช่แข็ง อุณหภูมิในร่างกายก็ค่อย ๆ หายไป
เซิ่งเจ๋อเฉิงถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วมองไปที่เสิ่นอีเวย ในสายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงเต็มไปด้วยการดูถูกและหัวเราะเยาะ แต่คำพูดต่อมาเป็นสิ่งที่เสิ่นอีเวยรับไม่ได้ “ เสิ่นอีเวย เธอนี้ช่างกล้านะ เป็นผู้หญิงแต่ไปยุ่งกับผู้ชายทีละหลาย ๆ คน แล้วแบบนี้เธอมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาบอกว่าอยากจะมีลูกกับผม ” ถึงผมจะให้คนอื่นช่วยอุ้มบุญก็ไม่มีทางให้คุณตั้งท้องลูกของผมเพราะว่าคุณไม่คู่ควร
คุณไม่คู่ควร คุณไม่คู่ควร
ประโยคก็เหมือนกับคำสาปแช่งที่ก้องอยู่ในหูของเสิ่นอีเวย ในตอนนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก
เสิ่นอีเวยกำมือไว้แน่นจนรู้สึกเหมือนเล็บฝังลงไปในมือ เขามองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิง ในรอยยิ้มของเขามีอารมณ์ของความทุกข์ปนอยู่ “ ใช่ ฉันรู้แต่แรกแล้วว่าคุณจะท่าทีอย่างไร ฉันเองแหละที่ประเมินตัวเองสูงไปว่าจะสามารถอยู่ในใจคุณได้ ไม่ว่าคุณจะเกลียดฉันแค่ไหน แต่การได้หุ้นของตระกูลเซิ่งคุณก็คงยอมจะมีลูกกับฉันสักคน แต่ไม่คิดว่า ”
ไม่ทันได้รอให้เสิ่นอีเวยพูดจนจบ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็หัวเราะด้วยเสียงที่เย็นชาเพื่อตัดบทเสิ่นอีเวย “ ตอนนี้ถ้าเธอรู้ตัว มันก็ยังไม่สายเกินไป ”
หัวใจของเสิ่นอีเวยเหมือนถูกมือคู่ใหญ่ ๆ ดึงออกมาจากอกแล้วเอาไปโยนไว้บนกระจก เจ็บจนหายใจไม่ออกแต่ก็ไม่มีใครสนใจ ไม่มีเลยสักคน
“ เซิ่งเจ๋อเฉิง ฉันรับรองว่าคุณจะต้องเสียใจภายหลัง ”
เสิ่นอีเวยกัดฟันพูดออกมาทีละคำ ๆ เซิ่งเจ๋อเฉิงเห็นสายตาของเสิ่นอีเวย ไม่แน่ใจว่าตัวเองมองผิดไปหรือเปล่า เขาเห็นความเสียใจและการตัดสินใจที่แน่วแน่จากสายตาคู่นั้น
ใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เหมือนกับมีอะไรทิ่มลงไปแรง ๆ แต่เขาคิดว่าคงเข้าใจผิดเพราะใจของผู้หญิงคนนี้โหดร้ายอย่างกับงู เขามีสิทธิอะไรที่จะได้รับความรักและการให้อภัยจากเขา
“ อยากให้ฉันต้องเสียใจภายหลังหรือ ฉันจะรอให้วันนั้นมาถึงนะ ”
เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาถึงห้องทำงานได้อย่างไร รู้แต่ว่าตอนเดินเข้ามามีสายตามองเขาอยู่มากมาย ที่จริงแล้วเสิ่นอีเวยก็รู้ว่าตัวเองความรู้สึกไวและคิดมากไป จริง ๆ พวกเขาไม่รู้อะไรทั้งนั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเรื่องเมื่อสักครู่ในห้องทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิงทุกคนรู้กันหมดแล้ว
หลังจากที่ออกมาจากห้องทำงานเซิ่งเจ๋อเฉิง เสิ่นอีเวยก็ไม่มีจิตใจจะทำอะไร เพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่เคยคิดจะมีลูกกับเขา แต่ถ้าเขารู้ว่าตัวเองตั้งท้องแล้ว เขาจะมีจิตสำนึกสักนิดไหม ที่จะเห็นด้วยกับเขาและยอมให้ลูกได้เกิดมา
เสิ่นอีเวยคิด ในขณะที่กำลังนั่งเก้าอี้ยาวอยู่ในโรงพยาบาล
นั่งมองดูผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ทุกคนเป็นผู้หญิงที่มาตรวจครรภ์ พวกเขาทุกคนต่างก็มีสามีหรือเพื่อนมาเป็นเพื่อน มีเพียงเสิ่นอีเวยที่มาเพียงลำพัง วันนี้เขาใส่เสื้อไหมพรมสีชมพูอ่อน ๆ ใส่กระโปรงยาวสีขาว ไม่ได้แต่งหน้าแต่งตา ส่วนผมก็แค่รวบเป็นหางม้า
ปกติเสิ่นอีเวยก็ผอมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขาดูไม่สดใสแล้วก็ยังดูอ่อนแอด้วย
เขาเห็นบรรดาสามีที่คอยดูแลภรรยาอย่างระมัดระวัง และมีสีหน้าที่มีความสุข เสิ่นอีเวยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ
เสิ่นอีเวยคิดไปถึงคำถามที่ได้ถามตัวเองเมื่อสักครู่นี้ เขาบอกกับตัวเองว่าไม่ได้ เขาไม่กล้าให้เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้ คำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงในวันนั้นยังคงชัดอยู่ในหัวของเขา ผู้ชายที่ขี้โมโหและมีเล่ห์เหลี่ยมอย่างเขาถ้าเขารู้ว่ามีลูก เขาก็อาจจะให้เอาลูกออกก็เป็นได้
แค่คิดว่าชีวิตน้อย ๆ ที่ต้องโดนเครื่องจักรที่มีความเย็นปั่นแล้วถึงจะดูดออกจากร่างกายของตัวเอง เสิ่นอีเวยกลัวจนนิ้วเท้าเกร็งไปหมด พอตั้งสติกลับมาได้ เขาก็มีเหงื่อเย็นซึมออกมาจากหน้าผาก มือที่จับสายกระเป๋าอยู่ก็กลายเป็นซีดขาว
“ เบอร์23 คะ ”
เสิ่นอีเวยได้ยินเสียงเรียกเบอร์ของตัวเอง ก็อดตื่นเต้นอีกรอบไม่ได้ เดินเข้าห้องตรวจอย่างระวัง
พอหมอเห็นเสิ่นอีเวยตื่นเต้น หมอจึงถามว่า “ เพิ่งท้องแรกใช่ไหมคะ ”
เสิ่นอีเวยพยักหน้า แปลกจังทำไมหมอถึงรู้ล่ะ
หมอผู้หญิงยิ้มให้กำลังใจแล้วพูดว่า “ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ แค่ตรวจดูสภาพของครรภ์เท่านั้นเอง ”
จากนั้นหมอก็มองไปข้างหลัง ถามด้วยความสงสัยว่า “ มาคนเดียวเหรอคะ แล้วญาติล่ะ ”
ท่าทางของคุณหมอที่อ่อนโยน ทำให้เสิ่นอีเวยค่อย ๆ หายตื่นเต้น จริง ๆ แล้ว หมอคนนี้อายุน่าจะต่างกับตัวเองไม่มาก อย่างมากก็โตกว่าไม่เกินปีหรือสองปี แต่เมื่อคำพูดพวกนี้ออกมาจากปากของคุณหมอ ทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่และน่านับถือมาก
เสิ่นอีเวยยิ้มแบบฝืน ๆ พอดีสามีงานยุ่งมาก เลยไม่มีเวลามาเป็นเพื่อนคะ
ในใจเสิ่นอีเวยเจ็บปวดที่สุด เพราะรู้ทั้งรู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้งานยุ่ง แต่จิตใจต่างหากที่ยุ่ง ยุ่งจนไม่มีมีความห่วงใยเขาแม้แต่น้อย
หมอถอนหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดว่า “ ฉันเคยตรวจครรภ์ให้กับคนท้องมามาก คุณเป็นคนแรกที่หมอเห็นว่าไม่มีคนมาเป็นเพื่อน เฮ้อ ผู้ชายเดี๋ยวนี้ พอทำงานก็ลืมครอบครัว กลับบ้านไปก็คุยกับสามีสักหน่อยนะคะ ถึงจะหาเงินมากแค่ไหนก็ต้องดูแลคนในครอบครัวบ้าง เพราะนี้ก็เป็นลูกคนแรกของพวกคุณ เขายังไม่ให้ความสำคัญอีกเหรอคะ ”
คุณหมอเขียนข้อมูลไปแต่ก็ปากก็พูดไปด้วยไม่หยุด จริง ๆ แล้วอาจจะคิดว่าหมอขี้บ่นแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เสิ่นอีเวยกลับชอบฟังคำพูดพวกนี้ เพราะลองคิดดูแล้ว นอกจากคุณหมอ คนอื่นที่อยู่รอบข้างก็ไม่มีใครจะมาพูดเรื่องพวกนี้กับเขา
ถ้าแม่ยังอยู่ แม่ก็คงเป็นคนพูดคำพูดพวกนี้ ถึงเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้มาเป็นเพื่อนเขาตรวจครรภ์ แม่ก็จะมาเป็นเพื่อนเขาแทน พอคิดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยก็น้ำตาซึม
ขั้นตอนการตรวจมีทั้งช้าและเร็ว ในใจของเสิ่นอีเวยมีทั้งตั้งความหวังในการรอคอยและความไม่สบายใจ เพราะใจก็ยังคิดอยู่ว่าจะเก็บเด็กคนนี้ไว้หรือไม่ เขาก็กำลังคิดอยู่ เสิ่นอีเวยไม่อยากให้ลูกต้องทนกับความเสียใจ เมื่อเกิดออกมาแล้วรู้ว่าพ่อไม่ได้ต้องการเขา แต่ถ้าต้องเอาเด็กคนนี้ออก ลึก ๆ ในใจก็รู้สึกผิด ไม่ว่าจะอย่างไร ความแค้นนี้ก็เป็นเรื่องระหว่างเขากับเซิ่งเจ๋อเฉิง เด็กน้อยที่อยู่ในท้องไม่ได้รู้เห็นด้วย
ในที่สุดผลตรวจก็ออกมา เสิ่นอีเวยรู้สึกโล่งใจ
คุณหมอชี้ไปที่หน้าจอแล้วพูดกับเสิ่นอีเวยว่า “ คุณดูสิ เด็กเป็นปกติดีคะ ”
เสิ่นอีเวยเกิดความตื้นตัน ตาก็มองที่หน้าจอแล้วก็ฟังที่หมออธิบายไปด้วย
สิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็คือจุดดำ ๆ ที่มีขนาดพอ ๆ กับเมล็ดถั่วเหลือง ดูด้วยสายตาแล้วทั้งเล็กแล้วก็อ่อนแอ เหมือนแค่กระพริบตาทีหนึ่งมองอีกทีก็ไม่เห็นแล้ว แต่ท่ามกลางความมืดนี้เสิ่นอีเวยสัมผัสได้ว่าจุดดำ ๆ เล็ก ๆ ที่เห็นนั้นแฝงด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ที่ลึกลับอยู่ ทำให้ชั่ววินาทีนั้นเขารู้สึกนิ่งอึ้งไปพูดอะไรไม่ออก
“ คุณหมอคะ เขาเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงคะ ” เสิ่นอีเวยถามไปแบบซื่อ ๆ ตาก็จ้องมองไปที่จุดดำ ๆ
หมอก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ แล้วพูดว่า “ วัยรุ่นอย่างพวกคุณ ยังไม่มีประสบการณ์จริง ๆ นี้มันเพิ่งเริ่มแรกเอง แล้วจะรู้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายได้อย่างไรกันล่ะ ”
อันนี้ก็คือชีวิตเล็ก ๆ ที่อยู่ในท้องของตัวเองหรอกหรือ เขาจะต้องค่อย ๆ เติบโตอย่างแข็งแรง
ในตอนที่เห็นจุดดำ ๆ เล็ก ๆ นี้ เสิ่นอีเวยก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บสิ่งเล็ก ๆ ที่น่ายินดีซึ่งโชคชะตาได้มอบไว้ให้เขา แล้วก็จะอยู่เคียงข้างเห็นเขาได้เติบโต
ถึงเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่รักเขาก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาก็จะอยู่เคียงข้างมองดูลูกน้อยได้เติบโต เพราะเสิ่นอีเวยเชื่อว่าสวรรค์คงรู้ว่าเขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวในโลกนี้ด้วยความทุกข์ทรมาน ก็เลยส่งชีวิตน้อย ๆ นี้ให้เข้ามาอยู่ในชีวิตของเขา ได้มาอยู่เป็นเพื่อนกัน
ขอเพียงแต่ให้ชีวิตน้อย ๆ นี้แข็งแรง เขาก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแล้ว