สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 117
ตอนที่ 117 เธอทำให้ฉันสะอิดสะเอียน
เดิมทีเสิ่นอีเวยกำลังนอนอยู่ ตอนนี้ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงกดไว้แบบนี้ ยิ่งทำให้เธอดูอ่อนแอมากยิ่งขึ้น
“ฉันพูดว่า เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของคุณ”
มือที่จับคางไว้ของเซิ่งเจ๋อเฉิงสั่นเครือ ในแววตาแฝงไว้ด้วยความโกรธที่ร้ายแรง เพียงแค่นิดเดียวก็ใกล้จะระเบิดออกมา เขาถอนหายใจลึก “เพราะอะไร?”
แม้ว่าตอนนี้เสิ่นอีเวยจะอ่อนแอมาก เธอรู้สึกได้ว่าสองมือของเธอไร้เรี่ยวแรง แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังเอามือออกจากผ้าห่มมา พยายามดึงมือของเซิ่งเจ๋อเฉิงออก “ปล่อย!!”
ทำเช่นนั้นอยู่ซักพัก เสิ่นอีเวยกลับรู้สึกว่าตนเองได้ออกแรงอย่างเต็มที่แล้ว เธอเริ่มที่จะไออย่างรุนแรงออกมา ผมที่ยุ่งเพราะดิ้นสั่นก็ตกลงไปที่แก้มสองข้าง
เพราะอะไร? เสิ่นอีเวยยิ้มออกมาอย่างไม่มีเสียง
“ในสายตาคุณฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ยั่วผู้ชายไปทั่วหรอกหรอ? ตั้งแต่ ฉินโม่ และก็เซียวหันถึง ไม่ใช่ว่าคุณคิดว่าฉันมีอะไรกับพวกเขาหรอ? ถ้าเป็นเช่นนี้ ลูกของฉันคนนั้นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของที่คุณคิดไว้หรอ?”
คำถามเหล่านี้ทยอยออกมาจากปากของเสิ่นอีเวยอย่างไม่ขาดสายและรวดเร็ว แต่ละคำถามไม่มีแม้แต่จะหยุดเว้นวรรคพูดแม้แต่น้อย เธอไม่อยากให้เซิ่งเจ๋อเฉิงมีโอกาสตอบโต้ ในเมื่อเขาคิดว่าตนเองเป็นคนชอบส่ำส่อนและชอบไปยุ่งพัวพันกับผู้ชายคนอื่น ถ้าเช่นนั้นครั้งนี้เธอจะเป็นผู้หญิงประเภทนั้นเสียเลย
แววตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงเปลี่ยนไป ริมฝีปากอันบางเม้มแน่น ความโกรธในใจนั้นได้ถึงจุดสูงสุดชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สายตาของเขาคล้ายกับแววตาของเสือชีต้าห์ที่อยู่กลางป่าในตอนกลางคืน ที่จับจ้องมาที่เสิ่นอีเวยตลอด
ยังไงสถานการณ์ก็ได้มาถึงขั้นที่จนปัญญาแล้ว ในใจของเสิ่นอีเวยได้ว่างเปล่าอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นคำพูดที่ตรงไปตรงมาไม่ทำให้ตกตลึงจนตาย
“จำตอนที่คุณพาฉันไปคุยเจรจากับเซียวหันถิงได้มั้ย ในคืนวันนั้นที่ตอนหลังพวกเราอยู่ด้วยกันลำพัง? คุณยังจำคืนวันที่คุณโทรหาฉันแต่สุดท้ายฉินโม่เป็นคนรับสายได้ไหม?”
“ฉันจะบอกจริงคุณให้ เรื่องราวมันก็เป็นอย่างที่คุณคิดไว้ตั้งแต่แรกนั่นแหละ ประธานเซิ่ง ฉันขอโทษคุณด้วยนะ!”
เสิ่นอีเวยพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ แต่ว่าคำในประโยคแต่ละคำนั้นเหมือนกับสายฟ้าฟาด เธอรู้ว่าตอนนี้ในใจของผู้ชายที่อยู่ข้างหน้านั้นเหมือนดั่งมีระเบิดหนึ่งลูก แต่ว่าเธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ระเบิดจะแตกออกมาอย่างกะทันหัน ดังนั้นจึงต้องลองทดสอบอย่างซ้ำๆ เหมือนกับทำจนติดเป็นนิสัย
เป้าหมายของเธอคืนนี้คือการยั่วโมโหเซิ่งเจ๋อเฉิง แบบนั้นตนเองถึงจะสบายใจ
น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงเย็นชาจนไม่เหลือความอ่อนโยนแม้แต่นิดเดียว “ยินดีกับเธอด้วย สิ่งที่เธอทำถือว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาฉัน”
เดิมทีคิดว่าหลังจากที่ตนเองพูดคำพูดเหล่านั้นไปแล้วในใจจะมีความสุขอย่างไม่มีอะไรสามารถเปรียบเทียบได้ แต่ว่าเสิ่นอีเวยกลับไม่รู้ว่าตกลงแล้วผิดพลาดตรงที่ไหน เพราะตอนนี้ในใจของเธอยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น เหมือนกับแต่ละก้าวเหยียบลงไปอย่างแรงบนมีดคม และแต่ละก้าวก็มีเลือดหยดไหลเป็นหยดๆ
ความร้อนรุ่มในใจและความเดือดดาลโมโหไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่เสิ่นอีเวยคาดเดาไว้ว่าจะต้องเผชิญ ในใจเกิดความแปลกประหลาดใจยิ่งนัก ทันใดนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน
รูปร่างของเขาสูงใหญ่ เขาอยู่ในที่สูงและมองกราดลงมาที่เสิ่นอีเวยด้วยสายตาเมินเฉย ความเย็นชาทะลุใบหน้าอันหล่อเหลาออกมา เธอคิดว่าแววตาของเขาเหมือนกับพระมหากษัตริย์ที่ยืนอยู่เหนือมวลชนและกำลังมองลงมาที่พสกนิกรของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังเหมือนกับว่าเขายืนมองกองขยะอยู่ที่ข้างถนนคนเดียว
ในที่สุด ริมฝีปากของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ขยับเบาๆ เขาพูดด้วยเสียงเย็นชาขึ้นว่า “เสิ่นอีเวย เธอทำให้ฉันสะอิดสะเอียน”
ไม่กี่วินาทีต่อมา ประตูห้องก็ถูกคนปิดลงอย่างแรง เสียงที่ดังมากในเวลากลางคืนที่เงียบสงัดยิ่งทำให้เพิ่มความดังสนั่นหู ใจของเสิ่นอีเวยเต้นอย่างรุนแรง เหมือนมีก้อนหินใหญ่มากระแทกชนที่หัวใจเธออย่างแรง
เสิ่นอีเวยรู้ว่าในครั้งนี้ ระหว่างเธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิงได้แตกหักกันโดยสิ้นเชิงแล้ว หนักกว่าเมื่อก่อนในแต่ละครั้งมาก
คำพูดโกหกของเธอได้ไปจี้จุดขีดจำกัดของเขา เขาไม่มีทางที่จะให้อภัยเธอ และเธอก็จะไม่ทำการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น
ในวันต่อมา เสิ่นอีเวยก็ไปทำงานที่บริษัทเซิ่งซื่อตามปกติ แต่ว่าการดำเนินชีวิตก็ไม่ได้ปกติเหมือนแต่ก่อน
ผู้คนแทบจะทั้งตึกของบริษัทเซิ่งซื่อต่างก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในชั้นยี่สิบสี่ในวันนั้น ในบริษัทก็พูดต่อกันออกไปว่าจริงๆแล้วเซิ่งเจ๋อเฉิงกับเสิ่นอีเวยได้หย่ากันแล้ว การแต่งงานของทั้งสองคนตอนนี้เป็นเพียงแค่พิธีเท่านี้
ห้องน้ำมักจะเป็นสถานที่ในตึกที่เอาไว้ซุบซิบนินทา
“ครั้งที่แล้วฉันก็พูดแล้วใช่ไหมว่าชีวิตคุณนายของพวกเศรษฐีไม่ได้ดีอย่างที่คิด ครั้งนี้ผู้อำนวยการเสิ่นแท้งลูกแต่พวกเธอดูสิประธานเซิ่งทำกับเธอยังไง แม้แต่ลาพักร้อนยังไม่มีให้แล้วยังให้เธอมาทำงาน ใจของผู้ชายที่ดีพร้อมช่างโหดเหี้ยมจริงๆ”
ใจของเสิ่นอีเวยก็เจ็บปวดออกมา ในร่างกายจู่จู่ก็เกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
“ถ้าอย่างนั้นเธอรู้มั้ยว่าระหว่างเขาสองคนตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้น?”
“ข้อเท็จจริงยังไม่เคยได้ยินใครพูด แต่ถ้าเอาตามที่ฉันพูดนะ ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่มีความรักกันฉันท์สามีภรรยา เรื่องที่ผู้อำนวยการเสิ่นแท้งในครั้งนี้ อาจจะมีอะไรมากกว่าที่เราเห็นก็ให้”
เสียงซุบซิบของหญิงสาวค่อยๆไกลออกไป
เสิ่นอีเวยไม่มีความรู้สึกสนใจกับคำซุบซิบพวกนี้ใดๆทั้งสิ้นและเธอก็ไม่สามารถที่จะปรากฏตัวออกมาขัดขวาง เมื่อได้ยินก็ทำได้เพียงยิ้มและก็ปล่อยผ่านไป ยังไงตอนนี้เธอก็ไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงทำเมินเฉยเย็นชากับเธออย่างสุดขีด จนบางครั้งสามารถพูดได้ว่าถูกกลั่นแกล้ง
ร่างกายของเสิ่นอีเวยนับวันนับยิ่งแย่ขึ้นมาก แทบจะต้องกินยาระงับความปวดตลอด คุณหมอลู่ได้โทรศัพท์มาให้เธอเข้ารับการรักษาอยู่หลายครั้ง แต่ว่าหลังจากที่สูญเสียลูกน้อยไป เธอก็รู้สึกว่าความหวังในชีวิตของตนเองได้ดับสูญไปแล้ว
เมื่อเป็นคนที่ชีวิตไม่ต้องเฝ้ารอหรือคาดหวังสิ่งใดๆทั้งสิ้น การดำเนินชีวิตก็คือการผ่านไปเป็นวันๆ
เสิ่นอีเวยเอาทั้งกายและใจของตนเองทุ่มให้กับการทำงาน ไม่อยากที่จะเข้าใจเรื่องราวซับซ้อนยุ่งเหยิงนั้นอีกแล้ว การแข่งขันออกแบบจัดงานแต่งงานระดับโลกจะจัดตั้งในอีกหนึ่งเดือนกว่าๆข้างหน้า เสิ่นอีเวยยุ่งทุกวันจนเท้าแทบไม่ติดดิน แต่ในช่วงเวลานี้เซิ่งเจ๋อเฉิงกลับมาสร้างความยุ่งยากให้กับเธอ
ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิด เสิ่นอีเวยเงยหน้า และเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เดินเข้ามา
สิ่งที่เธอทำอยู่ในมือได้หยุดชั่วคราว จากนั้นก็ก้มหน้าทำงานที่อยู่ในมือต่อ
เซิ่งเจ๋อเฉิงเดินเข้ามายืนใกล้ที่ตรงข้ามเธอ เสิ่นอีเวยไม่ได้ยินที่เขาพูด เธอเพียงแค่เงยหน้าขึ้น สายตาของเซิ่งเต๋อเฉิงเย็นชา ทั้งตัวส่งกลิ่นอายบางอย่างที่ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
“อีกสิบนาทีประชุมใหญ่ ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะประกาศ เธอควรจะเตรียมตัวให้ดี”
ในใจของเสิ่นอีเวยชะงัก รู้สึกแปลกใจ ประชุมก็คือชุม จำเป็นที่จะต้องมาบอกเธอถึงที่เลยหรอ? ก็เป็นเพียงแค่การประกาศเกี่ยวกับเรื่องการแข่งขันออกแบบจัดงานแต่งงานเท่านั้น
ในใจกำลังคิดเช่นนี้อยู่ แต่ปากก็ได้พูดออกไปตามหน้าที่งานว่า “รับทราบแล้ว”
หน้าของเสิ่นอีเวยและเซิ่งเจ๋อเฉิงต่างเย็นชาด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองเหมือนกับไม่มีใครยอมใคร
เมื่อเห็นความหยิ่งยโสของเสิ่นอีเวย เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยิ้มมุมปากและพูดด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมขึ้นว่า “คิดไม่ถึงว่าร่างกายและจิตใจของคนที่แท้งจะฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ เธอคงลำบากมากสินะ”
ในใจของเสิ่นอีเวยเจ็บปวด แต่พูดด้วยสีหน้าที่ยังคงไม่เปลี่ยน “ทำงานแลกกับเงินเดือน ฉันจะกล้าเฉยเมยได้อย่างไร ฉัยไม่อยากเสียลูกไปแล้วและยังต้องมาเสียงานอีก ยังไงฉันก็ต้องหาเลี้ยงชีวิตตนเอง ใช่มั้ยคะปนะธานเซิ่ง?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดด้วยแววตาที่เยือกเย็นมากขึ้น “ปากยังแข็งอยู่เหมือนเดิม หวังว่าอีกซักพักในที่ประชุมเธอจะสามารถเอาพลังความกล้าแบบนี้ออกมานะ”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไป