สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 118
ตอนที่ 118 ถูกเลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธาน
เสิ่นอีเวยนั่งชะงักอยู่ที่เดิมซักพัก กำลังคิดว่าเซิ่งเจ๋อได้ปิดบังเรื่องอะไรกับเธอ ในใจเริ่มสงสัยขึ้นมา
คนภายในห้องประชุมได้มาครบหมดแล้ว ปากกาอินฟราเรดที่อยู่ในมือของเซิ่งเจ๋อเฉิงได้ชี้ไปที่หน้าจออันกว้างใหญ่ เขาสวมชุดสูทสีดำทั้งตัว เงาของเขาสูงใหญ่ ดูแล้วเหมือนกับกษัตริย์กำลังชี้แนะเรื่องระดับประเทศ
เสิ่นอีเวยนั่งอยู่ข้างล่าง มองดูเซิ่งเจ๋อเฉิงในแบบที่เป็นนี้ในใจกลับสงบนิ่งไม่มีความรู้สึกใดๆ
“เรื่องของการแข่งขันออกแบบการจัดงานแต่งงานก็พูดจบลงเท่านี้ ต่อไปฉันจะประกาศเรื่องโยกย้ายคนของบริษัท”
คนที่อยู่ข้างล่างก็เงียบขึ้นมาทันทีทันใด แต่ละคนยกหูขึ้นฟังอย่างตั้งใจ เสิ่นอีเวยหมดอาลัยตายอยากจนนั่งหมุนปากกาที่อยู่ในมือ ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังถูกสายตาจับจ้องอยู่
เซิ่งเจ๋อเฉิงมองมาที่เสิ่นอีเวยด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดขึ้นว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบจัดงานแต่งงานเสิ่นอีเวยจะถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองประธานของบริษัทเซิ่งซื่ออย่างเป็นทางการ”
เมื่อพูดจบ ทั้งห้องประชุมก็เสียงดังอื้ออึง เสิ่นอีเวยได้ยินว่าพูดถึงชื่อเธอก็เงยหน้าด้วยความโกรธ จ้องมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหน้าของจอใหญ่
ในใจเธอสั่นเครือ รองประธานบริษัทเซิ่งซื่อ? เพราะอะไร? เสิ่นอีเวยมองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิงด้วยความเหลือเชื่อ พยายามแยกแยะความเป็นจริงของคำพูดและการแสดงออกของเขา สายตาที่เฉยเมยและเย็นชาของเขา ไม่มีการแสดงออกทางอารมณ์ใดๆแม้แต่น้อย
คำพูดในใจได้มาอยู่ที่ปากแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา ในหัวของเสิ่นอีเวยงงงวยว่างเปล่า เธอวิเคราะห์จากสีหน้าที่เคร่งขรึมของเซิ่งเจ๋อเฉิง เบื้องหลังของเรื่องนี้น่าจะมีอะไรออกมา แต่ตนเองก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะถามออกมากลางที่ประชุมในเวลานี้
สายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงมองผ่านเสิ่นอีเวยไปแล้วพูดต่อไปอีกว่า “และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผู้จัดการสวี่จะถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกการออกแบบจัดงานแต่งงาน ต่อจากนี้อำนาจเรื่องการแข่งการการออกแบบทั้งหมดเธอจะเป็นคนรับผิดชอบ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ทอดสายตามามองเสิ่นอีเวยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผู้อำนวยการเสิ่น หลังจากการประชุมเสร็จสิ้นแล้วก็ส่งมอบงานให้ผู้จัดการสวี่รับช่วงต่อ”
เมื่อคำพูดจบลง เสิ่นอีเวยก็ตกตะลึงมากยิ่งขึ้นกว่าเมื่อสักครู่ การแข่งขันการออกแบบการจัดงานแต่งงานระดับประเทศในครั้งนี้แม้แต่แผนงานเธอก็ได้ทำเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้ผู้ชายคนนี้จะยกเลิกอำนาจความรับผิดชอบอย่างนั้นหรอ? เธอบีบปากกาไว้แน่น ทั้งสองมือสั่นเทา
ใบหน้าของสวี่อันฉิงแสดงออกมาอย่างดีอกดีใจ แต่ว่านัยน์ตาลึกๆกลับยังคงแฝงด้วยความเกลียดชังไว้ข้างใน
เสิ่นอีเวยนำเอาปากกาที่อยู่ในมือวางไว้ที่บนโต๊ะ และพูดออกไปด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบามาก
“ฉันไม่เห็นด้วย”
เมื่อเสิ่นอีเวยพูดประโยคนี้ออกไป บรรยากาศในห้องประชุมอันใหญ่โตก็เกิดความตึงเครียดขึ้นมามากกว่าเมื่อสักครู่นี้ กลุ่มคนมองไปยังเสิ่นอีเวยที่กำลังพูดอยู่กับเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ยืนอยู่ที่หน้าจอ มีความรู้สึกคล้ายกับว่าจะเริ่มมีการโต้เถียงเกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หยอกล้อขึ้นว่า “อ้อ เธอไม่เห็นด้วยกับอะไร?”
เสิ่นอีเวยกัดฟัน พยายามอย่างสุดความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของตนเองที่กำลังจะระเบิดออกมา “เรื่องที่เปลี่ยนแปลงตำแหน่งของฉันนั้น ฉันไม่ยอมรับการประกาศมาแต่ไหนแต่ไร คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเองโดยพลการ”
เมื่อเอ่ยพูดออกไป เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยิ้มออกจากมุมปากอย่างเย็นชา แววตาที่ร้อนผ่าวมองมาที่ใบหน้าของเสิ่นอีเวย “ดังนั้นตอนนี้คุณไม่ใช่ว่ายอมรับการประกาศแล้วหรือ? ผู้อำนวยการเสิ่น คุณฟังผมให้ดีนะ เกี่ยวกับเรื่องที่คุณได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธาน ผมแค่ประกาศให้คุณรับรู้ แต่ไม่ใช่อยากที่จะปรึกษากับคุณ”
น้ำเสียงของเสิ่นเจ๋อเฉิงเยือกเย็น แม้แต่ทุกคนในที่ประชุมก็รู้สึกว่าอุณหภูมิรอบๆห้องเริ่มลดลง
“ เลิกการประชุม”
ผู้ชายจอมบงการได้พูดคำนี้ออกมาแล้วเดินออกไปจากห้องประชุมโดยเร็ว เมื่อรอให้เซิ่งเจ๋อเฉิงเดินออกทุกคนในที่ประชุมถึงได้แยกย้ายกันออกไปจากห้องประชุม
เสิ่นอีเวยยังนั่งอยู่ที่เดิม ในหัวสมองร้องลั่น ผู้ชายคนนั้นมีสิทธ์อะไรมาทำกับตนเช่นนี้!
แล้วความคิดก็ถูกเสียงของสวี่อันฉิงมาขัดขวาง
มือของเธอเท้าอยู่บนโต๊ะประชุมสีดำ ยิ้มอย่างอ่อนๆแล้วมองมาที่เสิ่นอีเวย “ผู้อำนวยการเสิ่น ช่างพึ่งพาบุญวาสนาของคุณจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ได้นั่งตำแหน่งผู้อำนวยการออกแบบการจัดงานแต่งงานแน่”
เสิ่นอีเวยไม่อยากสนใจเธอ จึงพูดออกไปอย่างเย็นชา “ไสหัวไป”
สวี่อันฉิงยังคงอยู่นิ่งแล้วเริ่มพูดต่อว่า “แต่ว่าก็น่าเสียดายจริงๆนะ เธอคงรู้สึกเสียดายมากใช่ไหม? ลำบากมาตั้งนานแม้แต่แผนงานการออกแบบก็ทำเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้กลับตกมาอยู่ในมือของฉัน ตัวเธอเองคงจะไม่มีโชคกับการแข่งขันครั้งนี้ ใจเธอคงจะเจ็บปวดมากสินะ?”
สวี่อันฉิงเหมือนกับเอาน้ำมันราดกองไฟอยู่ตลอดเวลา เพราะเธออยากจะเห็นเสิ่นอีเวยมีท่าทางที่โกรธแค้น มีเพียงวิธีนั้นเท่านั้นถึงจะเป็นการยืนยันได้ว่าเธอแข็งแกร่งกว่าเสิ่นอีเวย เมื่อนึกถึงคำพูดครั้งที่แล้วที่เซียวหันถิงพูดต่อหน้าเธอ ใจของสวี่อันฉิงก็โกรธแค้นมากยิ่งขึ้น
มองไปยังคนที่ไม่ได้ความเป็นธรรมแต่สีหน้ากลับไม่สนใจอะไร เธอจึงอยากที่จะฉีกเขาให้เอียดเป็นชิ้นๆ
เสิ่นอีเวยกำลังครุ่นคิดพิจารณาว่าการที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเลื่อนตำแหน่งให้ตนเองเป็นรองประธานบริษัทเซิ่งซื่อนั้น เจตนาที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้สวี่อันฉิงจะยั่วยุเธอขนาดไหน เธอก็ไม่มีความสนใจที่จะตอบโต้อยู่แล้ว
เมื่อนึกถึงน้ำเสียงที่หนักแน่นของผู้ชายที่อยู่ในห้องประชุมเมื่อสักครู่นี้ ในใจของเสิ่นอีเวยก็รู้สึกร้อนใจไม่เป็นสุข ความรู้สึกนั้นติดอยู่ที่หน้าอกนับวันยิ่งมากขึ้น เธอยกแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะประชุมขึ้นเพื่อที่จะดื่ม ไม่ได้สนใจสีหน้าที่เปลี่ยนอย่างฉับพลันของเสิ่นอีเวยที่ยืนอยู่ข้างๆ
แก้วน้ำที่โปร่งใสพึ่งจะสัมผัสไปที่ปาก สวี่อันฉิงก็ยกแก้วอีกใบขึ้นราดไปที่หน้าของตนเอง
ในเวลานั้นน้ำก็กระเด็นไปที่ระหว่างทั้งสองคน เสิ่นอีเวยถือแก้วน้ำที่อยู่ในมือค้างไว้ สวี่อันฉิงเอาน้ำที่อยู่ในแก้วทั้งหมดราดลงบนหน้าของตัวเอง ทันใดนั้นผมและแก้มทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยน้ำ ทำให้ตกที่นั่งลำบากเป็นอย่างมาก
เสิ่นอีเวยร้องอ้าปากค้าง ไม่รู้เลยว่าทำไมสวี่อันฉิงถึงได้ทำเช่นนี้
อ้า!
เสียงที่ดังแหลมของเธอดังไปทั่วทั้งห้องประชุม ใช้สายตาที่ดีใจเมื่อเห็นคนอื่นเป็นทุกข์มองไปที่เสิ่นอีเวย
ทันใดนั้น มีคนที่อยู่ห้องทำงานข้างนอกได้ยินเสียงกรีดร้องนี้ก็วิ่งมาที่ห้องประชุม ดังนั้นภาพที่ทุกคนเห็นก็คือ ในมือของเสิ่นอีเวยถือน้ำไว้ครึ่งแก้ว สวี่อันฉิงที่อยู่ตรงข้ามนั้นผมและหน้าเปียกไปด้วยน้ำ ดังนั้น สถานการณ์ที่เป็นอยู่ไม่ต้องพูดก็เป็นที่เข้าใจแล้ว
สายตาคนที่มุงดูอยู่มองไปที่เสิ่นอีเวยอย่างงงงวยและดูถูกอย่างพร้อมเพรียงกัน
เสิ่นอีเวยที่เดิมทีถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดด้วยคำพูดพวกนั้นในที่ประชุมก็รู้สึกเหนื่อยอยู่แล้ว ตอนนี้ตรงหน้าก็เกิดเรื่องขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวอีก เธอไม่รู้ว่าจะโต้แย้งอย่างไร และซึ่งตอนนี้เธอก็ไม่มีแรงที่จะไปโต้แย้งด้วยอีก
สวี่อันฉิงที่อยู่ตรงข้ามแววตาเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจและความน่าสงสาร เสิ่นอีเวยเพียงแค่กวาดสายตามองและลุกไปที่ประตูเดินออกไปข้างนอก
เมื่อเดินผ่านกลุ่มคน เธอได้ยินคนพูดกันอย่างชัดเจนว่า “เธอคนนี้ประสาทรึป่าว ผู้จัดการสวี่ไม่ได้ไปหาเรื่องเธอซักหน่อย เธอจะเอาน้ำราดคนอื่นทำไม?”
คำพูดถกเถียงกันค่อยๆเข้าหูมาจากไกลๆ เสิ่นอีเวยตั้งใจที่จะไม่สนใจ ตอนนี้เธอคิดจะทำอยู่แค่เรื่องเดียวคือไปหาเซิ่งเจ๋อเฉิงเพื่อไปถามให้รู้เรื่องว่าตกลงแล้วทั้งหมดนี้เพื่ออะไร?
ในใจของเสิ่นอีเวยโมโหขึ้นมาอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงผลักประตูเข้าไปโดยไม่คิดที่จะเคาะประตู
และเซิ่งเจ๋อเฉิงก็รู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องเข้ามาหาเขา ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงนั่งที่บนโซฟาอย่างสบายอกสบายใจ สมาธิแน่วแน่แม้จะมีเรื่องยุ่งใจมากมายก็ตาม เพียงแต่เขายังคงจ้องมองเสิ่นอีเวยด้วยสายที่เย็นชามาก ในนั้นไม่มีแม้แต่ความรู้สึกใดใด
ในใจของเสิ่นอีเวยนั้นเริ่มมีความเยือกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย