สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 139
บทที่ 139 ทำไมต้องทำแบบนั้น
เซิ่งเจ๋อเฉิงใช้น้ำเสียงพอเหมาะพอดีไม่สูงไม่ต่ำเกินไป : “เสิ่นเหยียนชิ่งจะยืมเงินเธอเท่าไหร่?”
เสิ่นอีเวยอึ้งสักพักแล้วถึงได้ตอบกลับ : “เขาไม่ได้ระบุตัวเลขที่ชัดเจน แต่ว่ามาขอยืมเงินฉันสองรอบแล้ว”
เซิ่งเจ๋อเฉิงขมวดคิ้ว : “สองครั้ง? พวกคุณเจอกันสองครั้งกันแล้วหรอ?”
“ครั้งแรกคือเขาโทรเข้ามาหาฉันตอนนั้นฉันอยู่ที่บริษัท ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาได้เบอร์ติดต่อฉันมาจากไหน จากนั้นฉันไม่อยากฟังสิ่งที่เขาพูดเลยตัดสายทิ้งไป”
เซิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะเยาะเสิ่นอีเวยแล้วพูดต่อ : “หากฉันเดาไม่ผิดละก็ เขายังไม่ได้ในสิ่งที่เขาหวังไว้ เดี๋ยวก็มาหาเธอต่ออีกใช่ไหม?”
เสิ่นอีเวยใจสั่นแต่ตอบกลับอย่างใจเย็น : “ใช่ วันนี้เขาก็พูดอยู่ว่าจะมาหาฉันอยู่เรื่อยๆ”
“ที่แท้ก็แค่ใช้เงินมาแก้ปัญหาเท่านั้นเอง เธอก็ให้เขาไปก็หมดเรื่องแล้วป่ะ? เธออยู่ในวงการการออกแบบชุดแต่งมาตั้งหลายปี เงินที่อยู่ในมือไม่น่าจะไม่พอให้เขายืมใช่ไหม?”
น้ำเสียงแผ่วเบาของเซิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนมันทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ได้คิดเยอะอะไรมากมาย ในใจเสิ่นอีเวยเริ่มหนาวเหน็บขึ้นมา เมื่อครู่ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นอยู่แท้ๆ : “ทำไมคุณถึงคิดได้เหมือนกับเสิ่นเหยียนชิ่งล่ะ? เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าฉันมีเงินพอไหม และก็ไม่ใช่ว่าฉันใช้เงินมาแก้ปัญหาเรื่องพวกนี้ แต่ว่าฉันไม่ต้องการเอาเงินให้กับคนแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว –”
พูดถึงตรงนี้เอง เสิ่นอีเวยก็หยุดนิ่งไปสักพัก เธอจ้องมองสายตาของเซิ่งเจอเฉิงที่เยือกเย็นขึ้นมา
“ยังมีอีก คุณไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้เรื่องงานศพของพ่อแม่ฉันเมื่อสี่ปีที่แล้ว อาคนนี้อยู่ดีก็เริ่มบ้าคลั่งที่จะแย่งชิงทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ฉัน ปีนั้นเรื่องนั้นวุ่นวายดั่งฟ้าถล่มดินทลายเลยก็ว่าได้ อย่างน้อยคุณก็น่าจะรู้เรื่องเสิ่นเหยียนชิ่งคนนี้มาบ้างไม่มากก็น้อยอยู่พอตัวใช่ไหม? สิ่งที่เขาทำคือการไม่ให้เกียรติน้องสะใภ้ของตัวเองได้ขนาดนี้ งั้นทำไมฉันต้องให้เกียรติเขาด้วยล่ะ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงฟังจบก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เสิ่นอีเวยเหมือนรู้สึกว่ามีอะไรผิดไปหรือเปล่าเธอรู้สึกว่าการทายาของเซิ่งเจ๋อเฉิงเบามือลงไปเยอะ สักพักความคิดเริ่มกลับมาอีก
เหมือนกับบ่อน้ำลึกสมัยโบราณที่เราโยนก้อนหินลงไปมันจะมีเสียงสะท้อนดังกลับมาหาเราเอง ในใจเสิ่นอีเวยอยู่ดีๆก็เริ่มตื่นเต้นสั่นอย่างแรง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่สโมสรในคืนวันนั้นมันก็เหมือนกับรถไฟที่วิ่งพรวดเข้ามาในหัวของเธอ ความทรงจำทั้งหมดในตอนนั้นก็ถูกมันชนจนแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี
เสิ่นอีเวยอยู่ดีก็นึกออกเรื่องที่เธออยากถามเขาตั้งแต่แรกขึ้นมาได้ แต่หลังจากนั้นก็มีเรื่องเข้ามามากมายก่ายกองไม่หยุดหย่อน คุณปู่ก็มาป่วยอีก เสิ่นเหยียนชิ่งก็มาหาถึงที่อีก…
เสิ่นอีเวยเกลียดตัวเองที่ความจำเลอะเลือนไปมาก หล่อนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าทั้งหมดก็เป็นเพราะว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงที่พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกหรือยังไงอยู่ดีๆทำความสะอาดแผลทายาให้เธอ เมื่อก่อนเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้มีความอ่อนโยนอะไรเลยให้เธอสักนิด จะมาทำแบบนี้กับเธอได้ยังไง?
ตอนนี้ในสมองของเธอเหมือนกับเข้าสู่วังวนของความยากลำบากอยู่สองอย่าง หล่อนเกลียดความรู้สึกแบบนี้จริงๆเลย รู้อยู่ว่าคนที่ทำความผิดคือเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่ตอนนี้เขาก็แค่เช็ดแผลทายาให้เธอเท่านั้นเอง เธอก็เอาพฤติกรรมก่อนหน้านั้นของเขาปล่อยทิ้งลืมไปแล้ว
เสิ่นอีเวยรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา
เธอแต่งงานกับเซิ่งเจ๋อเฉิงมาสองปีเหมือนโดนตบหัวแล้วมาลูบหลังทุกครั้งที่มีเรื่อง หล่อนรู้ดีว่าเขามาจะทำแบบนี้มาโดยตลอด เมื่อก่อนทุกครั้งเธอทนได้ แต่ตอนนี้ไม่ทนมันอีกต่อไป เธอจะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีและโอกาสให้เซิ่งเจ๋อเฉิงอีกต่อไป!
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ง่วนอยู่กับการใช้มือทายาให้เสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยพยายามใช้แรงหลบเลี่ยงการกระทำของเขา มือของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็หยุดล่องลอยอยู่ในอากาศแทน เขารู้สึกได้ว่าหล่อนกำลังปฏิเสธเขาอยู่เลยหันไปมองได้แต่ทำสายตามองเสิ่นอีเวยอย่างเย็นยะเยือกแทน
ทั้งคู่ต่างรู้อยู่แก่ใจแต่กลับไม่พูดมันออกมาเท่านั้นเอง
สักพัก เสิ่นอีเวยเลยถาม : “คืนนั้นทำไมคุณพาฉันไปพบถานจงหมิง?” บรรยากาศโดยรอบเงียบสนิท
เซิ่งเจ๋อเฉิงเบนสายตานำของที่อยู่ในมือเก็บลงกล่องอย่างดี – น้ำเสียงตอบเธออย่างปกติ : “ตอนนั้นไม่ใช่ว่าตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอ? ลูกสาวของถานจงหมิงต้องแต่งงาน เขาหวังว่าจะได้คำแนะนำเรื่องชุดแต่งงาน….”
“พอสักทีเถอะ”
เสิ่นอีเวยพูดแทรกเขาอย่างเย็นยะเยือก
“เซิ่งเจ๋อเฉิง คุณคิดว่าฉันโง่มากนักหรือไงกัน? แค่ความสามารถในการดูคนโกหกให้ออกได้ไม่มีเลยหรอ?”
เมื่อก่อนเสิ่นอีเวยไม่ชินเลยจริงๆกับการต่อปากต่อคำกับเขา แต่ด้วยการที่ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยนับครั้งไม่ถ้วนจนหล่อนสามารถสู้รบตบมือทะเลาะกับเขาได้โดยที่สีหน้าไม่ถอดสีขนาดใจยังไม่กระโตกกระตากอะไรมาก
“ถ้าคุณไม่ได้โกหกฉันละก็ งั้นคุณตอบฉันมาทีสิว่าทำไมตอนที่หลินอวี้เข้ามาในตอนท้ายนั่นถึงได้หยิบปากกาอัดเสียงจากโต๊ะมาด้วยห๊ะ? คุณนัดถานจงหมิงมาคุยเรื่องงาน แท้จริงแล้วคุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เสิ่นอีเวยคิดออกมาอย่างเป็นระบบ หล่อนพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาทั้งหมด
การถามซักไซ้จากเสิ่นอีเวย ทำให้สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงค่อยๆนิ่งขึ้นเรื่อยๆ สายตาของเขาเหมือนมีดปลายมีดแหลมคม เสิ่นอีเวยสบสายตากับเขา ประหนึ่งว่าดวงตาของตัวเองนั้นได้รับบาดเจ็บจากการมองอยู่เนืองๆ
เซิ่งเจ๋อเฉิงมองหล่อนอย่างเย็นชาแล้วก็ใช้มือปิดกล่องยาลงอย่างหนักหน่วง มันเกิดเสียงดัง “ปึก” คราวนี้เสิ่นอีเวยไม่ได้ตกใจอะไรเลย เธอยังคงจ้องมองเซิ่งเจ๋อเฉิงเพื่อรอคำตอบจากเขาอยู่
น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงดูโมโหอยู่ไม่น้อย : “เธออยากจะพูดอะไรกันแน่?”
เสิ่นอีเวยหัวเราะแห้งๆ หัวใจเหมือนโดนมือทั้งสองข้างบีบรัดไว้แน่นจนเจ็บจี๊ด ในที่สุดก็เป็นเธอที่ยอมเปิดปากรอยแผลที่บาดลึกอยู่ในใจด้วยตัวของเธอเอง : “ที่ฉันอยากบอกก็คือ…..”
เพิ่งจะเริ่มอ้าปากพูด จมูกก็แสบไปก่อนหน้านั้นแล้ว
“ในคืนนั้น คุณจงใจที่จะส่งฉันให้ไปอยู่ที่นั่นกับถานจงหมิง จากนั้นก็จงใจที่จะออกจากที่นั่นใช่ไหม? ที่จริงแล้ว ที่บริษัทไม่มีเรื่องให้เข้ามาจัดการใช่ไหม คุณก็แค่หาเหตุผลมาเพื่อจะได้ออกจากที่นั่นใช่ไหม?”
เสิ่นอีเวยคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจมากที่สุดแล้ว แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดกับเป็นสิ่งที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดมันออกมาที่ทำให้เธอเจ็บปวดหนักกว่าเก่า
“เสิ่นอีเวย งั้นฉันก็จะบอกความจริงกับเธอก็ได้ เธอชอบเข้าข้างตัวเองไปเรื่อย ถ้าฉันจะต้องออกไปจากที่นั่นจริงๆทำไมฉันต้องหาเหตุผลมาให้เธอเชื่อด้วยหรอ? ส่วนคำถามข้อแรกของเธอ ตอนนี้ฉันจะบอกเธอให้นะ ใช่ ฉันจงใจที่จะเอาตัวเธอส่งให้ถานจงหมิงที่นั่นแหละ”
เสิ่นอีเวยถึงกับตกใจที่ใครสักคนจะพูดเรื่องที่เขาทำเรื่องแย่ๆไว้ แล้วทำไมถึงได้นิ่งได้ขนาดนี้ เหมือนกับว่าตัวเองไม่เคยทำเรื่องมาก่อน
“ทำไมทำแบบนี้…. คุณรู้ใช่ไหมว่าคนอย่างถานจงหมิงเขาเป็นคนยังไง?” ดวงตาของเธอเริ่มแดงขึ้น น้ำเสียงสั่นเทายากต่อการควบคุม
ขนตาเซิ่งเจ๋อเฉิงขยับเบาๆ สายตายังคงหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเสิ่นอีเวยแล้วเอ่ยด้วยคำพูดสบายๆ : “ฉันรู้สิ เขาเป็นคนเจ้าชู้แถมยังมีความชื่นชอบเฉพาะตัว”
หัวใจเสิ่นอีเวยเริ่มบีบรัดแน่น เธอมองสายตาของซ่งเจ๋อเฉิงที่ในนั้นมันยากแก่การเชื่อถือได้
ตอนอยู่ที่บริษัท เธอได้ฟังจากปากของสวี่อันฉิงว่า เซิ่งเจ๋อเฉิงเคยบอกกับเธอว่าเขาจะพาหล่อนไปพบปะพูดคุยกกับถานจงหมิง แต่สวี่อันฉิงไม่ได้เอ่ยเรื่องลักษณะนิสัยของถานจงหมิงกับเซิ่งเจ๋อเฉิงแต่อย่างใด เสิ่นอีเวยเลยคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่รู้จักนิสัยของเขาเลยพาหล่อนไปด้วย
แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว ไม่ใช่ที่คิดไว้ตั้งแต่แรกเลย เซิ่งเจ๋อเฉิงก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าถานจงหมิงจะทำอะไรกับเธอบ้าง แต่เขาก็ยังพาเธอไปแถมยังทิ้งหล่อนไว้ที่นั่นอีกด้วย
ตอนนี้ เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเกือบจะหมดลมหายใจ