สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 145
บทที่ 145 ทุกอย่างเพราะคุณเข้าใจผิดไปเอง
เซิ่งเจ๋อเฉิง “พรวดพราด”ยืนขึ้นมาทั้งตัว ดวงตาเย็นชาคู่นั้นจ้องมองไปที่เสิ่นอีเวย สันกรามที่คมดั่งใบมีดขบแน่น มองออกว่าตอนนี้เขาโกรธขึ้นมาแล้ว
“ต้องการเหตุผลสำหรับเธอสักข้อหรอ? ถ้าอย่างนั้นเธอก็ฟังผมให้ดีๆล่ะ!”
เสิ่นอีเวยต้องยอมรับว่าการกระทำเซิ่งเจ๋อเฉิงแบบนี้ทำให้เธอตกใจ
“เสียงปืนในสุสานบนเขาหวินมู่วันนั้นเธอจำได้ใช่มั้ย?”
เสิ่นอีเวยใจลอยไปครู่หนึ่งพยักหน้าโดยจิตใต้สำนึก หล่อนไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเซิ่งเจ๋อเฉิงถึงเกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมาได้
“วันนั้นบนภูเขานั่นพวกเขาไม่ได้ทำตามเป้าหมายของการลอบทำร้ายคนพวกนั้นบังเอิญพบเธอกับฉันอยู่ด้วยกัน เธอคิดว่าถ้าเธออยู่คนเดียวพวกเขาจะปล่อยเธอไปมั้ย?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงแสดงท่าทางเย็นชาดุจน้ำค้างแข็งทุกคำพูดทุกประโยคคมชัดเหมือนมีดมันคอยกรีดแทงตรงเข้าไปในใจของเสิ่นอีเวย
หล่อนถาม: “งั้นที่ผ่านมาที่คุณไม่เต็มใจหย่ากับฉันเป็นเพราะเป็นห่วงฉันที่ตัวคนเดียว คนพวกนั้นจะมาหาเรื่องกับฉันงั้นหรอ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มเยือกเย็นน้ำเสียงเต็มไปด้วยการเสียดสี:“ไม่งั้นล่ะ? อย่ามาบอกผมนะว่าวันนั้นคุณมองเห็นไม่ชัดเจนว่าในมือของคนพวกนั้นไม่ได้ถืออย่างอื่นแต่เป็นปืน เธอเอาความมั่นใจมาจากไหนกันว่าแยกกับผมแล้วจะยังปลอดภัยได้อีก?”
เสิ่นอีเวยถูกคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงทำให้หวั่นไหว หล่อนเงียบงันไร้คำพูดเอาแต่ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้วนไปวนมา
จริงๆแล้ววันนั้นบนภูเขา หล่อนและเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่มีใครมองเห็นว่ากลุ่มคนที่ลอบทำร้ายพวกนั้นมีลักษณะแบบไหนกัน พวกเขารู้แค่ว่าในมือของฝ่ายตรงข้ามมีปืนเท่านั้น
ขนาดตอนนี้เป็นสังคมที่ปกครองที่ว่าด้วยกฎหมายแต่ในมือกลับมีอาวุธปืนมากมายขนาดนั้นถ้าไม่ใช่กลุ่มอาชญากรก็ต้องเป็นพวกมาเฟียอย่างแน่นอน สำหรับเรื่องที่เซิ่งเจ๋อเฉิงไปตอแยกับคนกลุ่มนั้นได้อย่างไรเอาเข้าจริงๆก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ต้นไม้ใหญ่ย่อมต้องโดนลม อุตสาหกรรมของบริษัทเซิ่งซื่อนับวันการดำเนินการทางธุรกิจก็ยิ่งเติบโต บนเส้นทางนี้หากจะบอกว่าไม่มีศัตรูเลยสักคนจะพูดออกไปก็คงไม่มีคนเชื่อ
แต่ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงยังต้องรักษาความเคารพตนเองเอาไว้เสมอ
เสิ่นอีเวยยกคอขึ้นเล็กน้อยสายตาเย็นชา:“แต่คุณไปตอแยคนพวกนั้นแล้วจะมาเกี่ยวข้องอะไรกับฉันได้หล่ะ? คุณไม่จำเป็นต้องมาสนใจฉัน”
มุมปากของเซิ่งเจ๋อเฉิงยกยิ้มในดวงตามีแต่ความเฉยเมยดั่งราชาผู้สูงส่งที่อยู่ต่อหน้าผู้คน
“เสิ่นอีเวย นี่เธอคิดว่าแค่เพราะเธอไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้ดื้อด้านแบบนี้หรอ หลังจากจบเรื่องบนภูเขาไปแล้ว เธอรู้เรื่องที่เธอเคยถูกสะกดรอยตามมาสองครั้งแล้วใช่มั้ย? ใช่ ไม่ผิดหรอก ก็คือกลุ่มคนที่ลอบทำร้ายฉันนั่นแหละ”
เสิ่นอีเวยใจเต้นดัง“ตุ๊บๆ”เล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างแล้วจ้องมองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิง: “คุณพูดว่าอะไรนะ?”
“ดูเอานะ ขนาดเบาะแสเล็กๆน้อยๆนั่นเธอก็ยังไม่รู้ คนพวกนั้นบนภูเขาในคืนวันนั้นนพกปืนมาหาฉัน แถมทำได้ไม่ตามเป้าหมายจะปล่อยให้ฉันหลุดไปได้นังไง? และก็มีแค่คนที่สมองคิดตื้นๆเหมือนเธอนี่แหละถึงจะคิดได้ว่าแค่หนีจากพวกเขาได้แล้วทุกอย่างก็จะจบอย่างมีความสุข คืนวันพุธที่แล้วนั่น ที่รถเธอโดนสะกดรอยตามฉันนี่แหละเป็นคนส่งคนให้ออกไปจัดการเรื่องนี้ให้เอง”
เรื่องที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดออกมาเป็นฉากๆนั่น ในสมองเสิ่นอีเวยกลับไม่มีความทรงจำส่วนนั้นเหลืออยู่เลย แถมหล่อนยังคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจงใจหลอกเธอหรือเปล่า
สายตาของหล่อนดูเฉยเมย ถามคำถามที่อยู่ในใจออกไป: “คุณเอาอะไรมาวัดให้ฉันเชื่อใจคุณ?”
อารมณ์ของเซิ่งเจ๋อเฉิงยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เขาก็ยังเป็นคนที่คนอื่นเดาใจไม่ได้ ตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ