สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 147
บทที่ 147 เป็นฝ่ายติดต่อเสิ่นเหยียนชิ่งก่อน
ฉินจื่อเฟิงกระพริบตาปริบๆ “ก็ครั้งก่อนตอนที่คุณไปดูงานที่เมือง C มีหุ้นส่วนเก่าแก่ของบริษัทมาที่ทำงาน ตอนนั้นพวกเขาถามท่านประธานเซิ่งว่าทำไมถึงให้คุณอยู่ที่บริษัทต่ออีก ยังบอกอีกว่าคุณไม่ได้มีอำนาจอะไรทำอะไรก็ไม่ได้ ตอนนั้นสีหน้าของท่านประธานแย่มาก เขาไม่ไว้หน้าพวกหุ้นส่วนพวกนั้นเลย ท่านประธานพูดว่าคุณเสิ่นเป็นคนของเขา เขาจะจัดการอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ต้องให้คนอื่นยื่นมือเข้ามาแทรกแซง ท่าทางตอนนั้นแมนสุดๆเลยค่ะ”
ฉินจื่อเฟิงเล่าอย่างออกรส นัยนาเป็นประกาย
ในขณะที่เสิ่นอีเวยฟังแล้วในใจกลับไม่เกิดความรู้สึกใดๆเลย ที่เขาปกป้องหล่อนต่อหน้าคนอื่น ไม่ใช่เพราะว่าคนพวกนั้นดูถูกเหยียดหยามหล่อน แต่เพราะเขาไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามายุ่งวุ่นวายก้าวก่ายเรื่องของเขาต่างหาก
หลังจากฉินจื่อเฟิงออกจากห้องทำงานหล่อนแล้ว เสิ่นอีเวยก็นั่งใจลอยอยู่ที่เดิมนานมาก
ทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าสวี่อันฉิงบอกว่าเมื่อหลายวันก่อนเสิ่นเหยียนชิ่งมาหาหล่อนที่บริษัท ในใจหล่อนเองก็ไม่หยุดความคิดปกป้องตัวเองขึ้นมา คิดแล้วคิดอีกสุดท้ายหล่อนก็ยอมเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหาเสิ่นเหยียนชิ่งก่อน
เปิดหาเบอร์ที่ครั้งก่อนหล่อนบันทึกไว้ในแบล็คลิสต์ แล้วไม่ลังเลที่จะกดโทรออกไป โทรศัพท์ดังอยู่สามครั้งก่อนที่จะได้ยินเสียงของเสิ่นเหยียนชิ่งรับสาย
“ฮัลโหล อีเวย นึกยังไงยอมโทรมาหาอาได้แล้ว”
เสียงปลายสายของเสิ่นเหนียนชิ่งเต็มไปด้วยความยินดี ประหนึ่งว่าตนเองรู้อยู่แล้วว่าจะต้องได้รับโทรศัพท์สายนี้ เสิ่นอีเวยได้ยินเสียงเขาหัวเราะอย่างยินดีก็รู้สึกขยะแขยง
เสียงของหล่อนแข็งและเย็นชา เรียกว่าไม่อยากจะเสียเวลาพูดคุยกับเขาเสียเลย
“อารู้ดีอยู่แก่ใจไม่ต้องมาแกล้งถาม เมื่อหลายวันก่อนอาไปก่อเรื่องไว้ที่บริษัทเซิ่งซื่อใช่มั้ย”
เสิ่นเหยียนชิ่งตอบอย่างง่ายๆลวกๆว่า :”อาไม่อยากฟังหลานพูดแบบนี้เลยนะ อาก็แค่ต้องการจะพบหลานก็เลยไปนั่งรอที่บริษัทเซิ่งซื่อแค่นั้นจะเรียกว่าก่อเรื่องได้ยังไง”
เสิ่นอีเวยพูดด้วยการกดเสียงต่ำ: “ฉันขอเตือนเลยนะ อาจจะโทรมาฉันหรือจะมาหาฉันเป็นการส่วนตัวก็ได้ แต่จะไปที่บริษัทเซิ่งซื่อไม่ได้”
เสิ่นเหยียนชิ่งหัวเราะออกมา: “ก็มันเป็นหนทางเดียวแล้วถึงได้ไปหาหลานที่บริษัทเซิ่งซื่อ อาโทรหาก็แล้ว ไปหาก็แล้ว ใครจะไปรู้ว่าหลานจะไม่ไว้หน้าอาแบบนี้ อาก็เลยต้องไปที่ๆหลานอยู่เป็นประจำไง”
คำพูดของเสิ่นเหยียนชิ่งถึงแม้ว่าจะไม่มีคำพูดที่แสดงการข่มขู่แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่นั้นชัดเจน
เสิ่นอีเวยเริ่มเดือด : “อาบอกมาว่าตกลงอาต้องการเงินเท่าไหร่กันแน่”
อีกฝ่ายคิดพิจารณาอยู่สักครู่ก่อนตอบว่า: “อืม อย่างนี้แล้วกัน หลานให้อายืมก่อนล้านหยวน รอให้บริษัทอาเริ่มมีสินค้าหมุนเวียนเข้ามาแล้วอาจจะคืนให้”
เสิ่นอีเวยขมวดคิ้ว หล่อนไม่ใช่ไม่รู้จักบริษัทเขา อัตราการหมุนเวียนสินค้าภายในบริษัทมีไม่มากไม่น่าจะต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้น”
น้ำเสียงเสิ่นอีเวยเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว: “ถ้าต้องการจะยืมเงินจากฉัน อาก็ต้องพูดความจริงมา ไม่งั้นสักบาทฉันก็ไม่ให้”
“ดูๆไปแล้วหลานสาวอานี่ช่างฉลาดจริงๆ ได้อาจจะพูดความจริง จริงๆแล้วไม่ต้องมากขนาดนั้นก็ได้แต่อย่างน้อยต้องห้าแสนหยวน”
เสิ่นอีเวยกำลังคิดคำนวณเงินเก็บของตนเองขบกรามแน่นก่อนตอบตกลง: “ได้ ฉันให้อายืมห้าแสน แต่หลังจากนี้ห้ามมาวุ่นวายกับฉันอีกนะ”
เสิ่นอีเวยเป็นคนที่เกลียดความวุ่นวายมาก โดยเฉพาะหล่อนไม่อยากเป็นตัวต้นเหตุให้เกิดผลกระทบกับภาพลักษณ์ของบริษัทเซิ่งซื่อ และยิ่งไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นเรื่องน่าตลกขบขันของตัวเอง
ตามนิสัยเห็นแก่ตัวของเสิ่นเหยียนชิ่งแล้ว หากไม่ได้ตามความมุ่งหวังแล้วเขาก็ต้องคอยมาวุ่นวายกับหล่อนไม่เลิก
ครั้งนี้ ก็ถือว่าใช้เงินซื้อความสงบก็แล้วกัน
ปลายสายเสิ่นเหยียนชิ่งก็ตอบรับว่า: “วางใจได้ เมื่อเงินเข้าบัญชีอาเมื่อไหร่อาก็จะเลิกมาวุ่นวายกับชีวิตหลาน และอาก็จะคืนเงินให้หลานแน่นอน ไม่ต้องกังวล”
ได้ยินเสียงปลายสายรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ เสิ่นอีเวยกลับไม่ค่อยอยากจะเชื่อใจสักเท่าไหร่ เงินห้าแสนนี้หล่อนก็ไม่คิดว่าจะได้คืนกลับมา
เพียงแค่หวังว่าไม่ต้องพบเจอกับคนอย่างเสิ่นเหยียนชิ่งอีกต่อไป