สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 148
บทที่ 148 นี่แค่การเตือนเล็กๆน้อยๆ
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้เข้าใจความหมายเสิ่นอีเวยเลยแม้แต่น้อย จึงรีบเหยียบคันเร่งเต็มที่อีก
เสิ่นอีเวยผวาตกใจหันไปดู สีหน้าของเขาเย็นชาจนน่ากลัว สองข้างทางเป็นสีเขียวของต้นไม้ดอกไม้ วิวนอกหน้าต่างรถผ่านไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว หัวใจหล่อนแทบจะพุ่งมาที่คอหอยอยู่แล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนสัตว์ที่กำลังคลุ้มคลั่ง นัยน์ตาเหมือนเปลวเพลิงลุกโชน จ้องเขม็งอยู่ที่เส้นทางเบื้องหน้า บนถนนนานๆทีก็จะมีรถแล่นผ่านรถของพวกเขาไป เสิ่นอีเวยรับรู้ได้ถึงความเร็วของรถ รถพุ่งทะยานเหินไปบนถนน หล่อนจับที่จับประตูด้านขวาไว้แน่น
“เซิ่งเจ๋อเฉิงคุณบ้าไปแล้วเหรอ”
เสียงตะโกนของเสิ่นอีเวยดังเข้าไปในโสตประสาทของเขา แต่เขาก็ไม่คิดที่จะหยุด มองอีกด้านหนึ่งเซิ่งเจ๋อเฉิงตอนนี้จิตใจกำลังแน่วแน่อยู่กับการขับรถมือหนึ่งจับพวงมาลัยอีกมือลูบที่ใต้คางตัวเอง
ทันใดนั้นเองเสิ่นอีเวยก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า หล่อนลืมไปว่าผู้ชายตรงหน้าหล่อนนี้ช่วงสองสามปีมานี้จิตใจจดจ่อทุ่มเทให้กับบริษัทเซิ่งซื่อ แต่จริงๆแล้วเขาก็มีงานอดิเรกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการแข่งรถ ในความคิดเซิ่งเจ๋อเฉิงตอนนี้มันอาจจะเป็นแค่เกม
แต่สำหรับคนที่ปกติที่ขี้ขลาดตาขาวอย่างหล่อน ที่ต้องมานั่งมองรถที่ขับผ่านมาแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แค่จะหายใจยังรู้สึกลำบาก
ล้อยางพาราบดเสียดสีกับพื้นถนน เกิดเสียงดังแหลมบาดหู วินาทีต่อมารถก็ค่อยๆจอดอย่างสนิท เพราะเบรกอย่างกะทันหัน ศีรษะของเสิ่นอีเวยถูกกระชากอย่างแรงจนวิงเวียนไปหมด หล่อนปล่อยมือจากที่จับ และพบว่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อ และรอยนิ้วมือแดงๆเป็นจ้ำหลายแห่ง
หล่อนพยายามเงยหน้าขึ้นมา ใจยังคงหวาดผวาตื่นกลัว หล่อนพบว่าเซิ้งเจ๋อเฉิงกำลังมองมาที่หล่อนด้วยสายตาเหมือนจะหยอกเย้า
“ทำไม กลัวเหรอ” คิ้วเขาขมวดขึ้นเล็กน้อย
เสิ่นอีเวยสัมผัสได้ถึงความท้าทายในน้ำเสียงนั้น หล่อนไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็นจึงแกล้งทำเป็นยิ้มร่า:”ไม่มีทาง ฉันจะกลัวได้ยังไง ผู้ชายอกสามศอกอย่างคุณทำอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้ฉันจะถือซะว่าคุณเล่นสนุกฆ่าเวลาแล้วกัน”
ดวงตาดำขลับของเซิ่งเจ๋อเฉิงหรี่เล็กลง ก่อนจะตอบอย่างทะเล้นว่า: “จริงเหรอ ไม่กลัวถ้าอย่างนั้นต้องจัดอีกสักรอบ”
เสิ่นอีเวยตื่นตกใจ รีบฉวยจังหวะที่เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ทันตั้งตัวรีบปลดเข็มขัดนิรภัยลงจากรถทันที คำพูดเมื่อสักครู่ของหล่อนล้วนเป็นเพียงลมปากเท่านั้น
กลัวสิ ทำไมหล่อนจะไม่กลัว ไม่ว่าเรื่องแบบไหนเซิ่งเจ๋อเฉิงก็กล้าทำกับหล่อนทั้งนั้น
หล่อนไม่มีวันลืม ครั้งนั้นที่โรงแรมเขากักกันตัวหล่อนไว้ในอ่างอาบน้ำ เรี่ยวแรงมหาศาลของมือใหญ่ทรงพลังที่คอของหล่อนกับความรู้สึกขาดอากาศหายใจ ตอนนี้พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาหล่อนก็รู้สึกเหมือนมีมือคู่นึงกำลังบีบคอหล่อนแน่น
ทั้งคู่คนหนึ่งอยู่ข้างหน้าอีกคนอยู่ด้านหลังเดินเข้าไปในห้องโถงของบริษัทออกแบบชุดเจ้าสาวหัวยุ่น
ภายในบริษัทล้วนทราบดีว่าบริษัทถูกเทคโอเวอร์แล้ว ดังนั้นการปรากฏตัวของเซิ่งเจ๋อเฉิงจึงไม่ได้ทำให้พวกเขาประหลาดใจแต่อย่างใด ทุกคนที่พวกเขาเดินผ่านต่างแสดงความเคารพนอบน้อมต่อเขา
พนักงานเก่าของหัวยุ่นยืนเรียงกันเป็นสองแถว เมื่อก่อนเสิ่นอีเวยเคยได้ยินแม่พูดว่าสภาพสังคมภายในบริษัทนี้ดีมาก ทุกคนต่างทำงานตามตำแหน่งหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ แต่มาวันนี้บริษัทกลับถูกเทคโอเวอร์ไปเสียแล้ว ทุกคนต่างต้องแยกย้ายกันไป
เสิ่นอีเวยมองบรรดาผู้คนตรงหน้าเหล่านี้ ทำให้หล่อนนึกถึงคนที่มีความสามารถและประสบการณ์สูงที่สุด ซึ่งเคยทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขมากับแม่ของหล่อน…กู้ชิงซู ความเจ็บปวดทรมานในใจหล่อนค่อยๆหนักหน่วงขึ้น
หล่อนขบกรามแน่น หันไปทางเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วถามเบาๆว่า :“คุณจะเข้ามาเทคโอเวอร์ก็ไม่เป็นไร แต่คุณจะไม่ให้โอกาสพวกเขาได้อยู่ที่นี่ต่อเลยเหรอ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงตาขวางมองเสิ่นอีเวย น้ำเสียงเย็น:”นี่เธอคิดจริงๆเหรอว่าฉันจะไม่ยอมรับพวกเขา ผมว่าตอนนี้คุณแม่ของคุณไม่ได้เป็นเพียงแค่นักออกชุดแต่งงานที่เยี่ยมยอดเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำที่น่าเคารพยกย่องอีกด้วย ท่านมีลูกน้องที่ซื่อสัตย์ภักดีมาถึงขนาดนี้แล้วพวกเขาก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ”
เสิ่นอีเวยแปลกใจเล็กน้อย ที่แท้ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ลดราวาศอกให้กัน มิน่าล่ะครั้งนี้เขาถึงได้เข้ามาเทคโอเวอร์หัวยุ่นได้ง่ายดายเสียเหลือเกิน ไม่มีการโต้แย้งจากใครใดๆเลย
เซิ่งเจ๋อเฉิงถอนสายตาจากเสิ่นอีเวยแล้วเดินตรงไปหาหลู่เทียนฮว๋า ผู้บริหารของหัวยุ่น หนุ่มใหญ่วัยใกล้จะห้าสิบและเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของกู้ชิงซู ครึ่งปีก่อนที่กู้ชิงซูจะเกิดอุบัตเหตุไม่คาดฝันขึ้น เธอได้มอบอำนาจบริหารหัวยุ่นให้กับเขา
หลู่เทียนฮว๋าค่อยๆก้มศีรษะให้เซิ่งเจ๋อเฉิงเล็กน้อย อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงมีชั้นเชิงว่า: “ไม่ทราบว่า ท่านประธานหลู่เตรียมร่างหนังสือถ่ายโอนอำนาจเสร็จแล้วหรือยังครับ”
หลู่เทียนฮว๋าพยักหน้า ยื่นมือขวาผายออกทำท่าเชื้อเชิญเขา แล้วนำเขาเข้าไปยังห้องทำงานห้องหนึ่ง
เสิ่นอีเวยรออยู่ด้านนอก ความทรงจำเกี่ยวกับบริษัทแห่งนี้กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในหัวสมองประหนึ่งคลื่นน้ำที่กำลังถาโถม
ตอนแรกกู้ชิงซูจะมอบอำนาจบริหารบริษัทนี้ให้กับเสิ่นอีเวย แต่ว่าตอนนั้นนั้นหล่อนยังเด็กมาก ในใจคิดแต่จะออกแบบชุดเจ้าสาวแบบอิสระของตัวเองจึงปฏิเสธความต้องการของแม่
พอมาตอนนี้หล่อนกลับรู้สึกเสียใจมาก เพราะถ้าหัวยุ่นอยู่ในมือของหล่อน อาจจะไม่ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงเทคโอเวอร์ไปก็เป็นได้
ในขณะที่หล่อนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงกับหลู่เทียนฮว๋าก็เดินออกมา หล่อนมองใบหน้าเรียบเฉยของเซิ่งเจ๋อเฉิง: “ทำไมต้องให้ฉันมากับคุณด้วย”
เซิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะเยาะออกมา เดินเข้าใกล้เวิ่นอีเวยมาอีกนิด ก่อนพูดที่ข้างหูหล่อนว่า”ในที่สุดคุณก็รู้ตัวสักทีนะ ถ้างั้นผมจะพูดความจริงตรงๆเลยแล้วกันนะ ผมแค่อยากจะให้คุณเห็นทุกขั้นตอนที่บริษัทหัว
ยุ่นตกอยู่ในมือผม เสิ่นอีเวยผมอยากให้คุณรู้ อำนาจการเลือกและตัดสินใจเกือบทุกอย่างระหว่างเราสองคนมันอยู่ในมือผม ถ้าคุณไม่อยากให้มันเลวร้ายไปกว่านี้ คุณก็ควรทำตัวดีๆแล้วฟังผม”
เสียงของเขาเหมือนเสียงปีศาจที่ดังก้องวนเวียนอยู่ในหูหล่อน ความรู้สึกไร้สิ้นเรี่ยวแรงก่อตัวขึ้นในใจของหล่อน ที่แท้เป็นเพราะหล่อนนี่เอง จุดจบของทุกอย่างล้วนเป็นเพราะหล่อน
เสิ่นอีเวยมองไปทางเซิ่งเจ๋อเฉิงด้วยแววตาเย็นชาไม่เป็นมิตร อีกฝ่ายยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ ไม่สะทกสะท้านใดๆ
“ถ้าคุณอยากจะแก้แค้นฉันขนาดนั้น ก็มาลงที่ฉันคนเดียวนี่ ไม่ต้องลากคนอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย” เสิ่นอีเวยเสียงกร้าวเพราะไฟโกรธในใจ
เซิ่งเจ๋อเฉิงนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ จนเสิ่นอีเวยคิดว่าเขาคงจะไม่พูดอะไรแล้วจึงเตรียมหมุนตัวเดินออกมา แต่เขาก็ยอมปริปากพูดออกมา
“เสิ่นอีเวย คุณทรยศหักหลังผม คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณไปง่ายๆเหรอ หรืออาจจะเป็นพวกคุณ”
ประโยคนี้เสียงพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่สูงไม่ต่ำ เสิ่นอีเวยที่เดินไปข้างหน้าพอดีจึงได้ยิน เสียงของเขาเย็นเยือกเหมือนลมที่พัดเอาหิมะมาในอากาศ หนาวเย็นไปถึงกระดูก ประหนึ่งว่าพัดมาจากในที่ห่างไกล แต่กลับใกล้เพียงแค่ใบหูหล่อน
ขาของเสิ่นอีเวยชะงักอยู่ที่เดิม หันมองกลับมาก็พบสายตาดั่งน้ำแข็งที่ไม่ได้ละลายเป็นหมื่นปีของเซิ่งเจ๋อเฉิง ทำให้หล่อนรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า