สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 154
บทที่ 154 เป็นตัวแทนในการรักษาความลับให้ฉัน
สวีอันฉิงก็หัวเราะอย่างรู้สึกผิดว่า “ชั้นพูดถึงขนาดนี้แล้ว ผู้ช่วยฉินก็ไม่จำเป็นจะต้องทำตัวโง่เขลากับชั้นแล้วละมั้ง ถึงแม้เธอจะอายุน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนที่บริสุทธิ์สักหน่อยนี่ ปัญญาและประสบการณ์ของเธอ มันปรากฏออกมาจากจิตใจที่อยากได้อำนาจและผลประโยชน์ของเธอ ทำไมจะต้องไปทำหน้าที่ที่ตัวเองไม่ควรทำเล่า ? ”
ฉินจื่อเฟิงเห็นว่าสวีอันฉิงได้ชำแหละตนเองอย่างหมดเปลือก เลยไม่ได้มีการโต้ตอบอะไรทั้งสิ้นเลยไม่ได้ติดใจโมโหอะไร “แล้วหัวหน้าสวีจะให้ชั้ยทำอะไร”
สวีอันฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “หากว่าคำพูดเมื่อสักครู่นี้ถูกปล่อยออกไป เกรงว่าการใช้ชีวิตในเมืองนี้คงจะไม่ราบรื่นนัก ? พอถึงตอนนั้นก็จะไม่มีบริษัทใดกล้าที่จะรับทำงาน ดังนั้น……”
สีหน้าของสวีอันฉิงก็อ่อนลงไป แต่ว่าสายตาที่โหดเหี้ยมกลับไม่ได้อ่อนลงไปสักนิด “หากว่าชั้นได้ยินว่าเธอจะเอาคำพูดพวกนี้ไปเผยแพร่แล้วล่ะก็ ชั้นก็จะทำให้ชื่อเสียงของเธอในบริษัทแห่งนี้สูญสิ้น ทำให้สิ้นเนื้อประดาตัว เพียงแต่เผยแพร่ออกไป แม้แต่งานสักงานก็จะหาไม่ได้อีกเลย”
น้ำเสียงของเธอที่เต็มไปด้วยความสะใจ เธอหัวเราะใส่ฉินจื่อเฟิง ซึ่งเหมือนกับได้อยู่บนความสุขสบายให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น
“อ้อใช่แล้ว ลืมบอกเธอไป ชั้นเป็นคนที่ทำอะไรแล้วทำถึงที่สุด ในเมื่อเธอมีเรื่องราวเช่นนี้ ในวันข้างหน้าใช้ก็จะใช้วิธีเหล่านี้แหละ พูดง่าย ๆ คือภายหลังเธอก็จะต้องทำงานแทนชั้น ”
ฉินจื่อเฟิงในทันใดนั้นก็ได้มีรอยยิ้มออกมา เธอได้เงียบไปสักครู่แล้วพูดว่า “รับทราบ ชั้นเข้าใจในความหมายของหัวหน้าสวีดี งานในคืนนี้ชั้นจะเก็บรักษาความลับไว้อย่างดี สำหรับเรื่องราวในวันข้างหน้า ก็สามารถเรียกใช้ได้อย่างเต็มที่ ”
พอพูดถึงตรงนี้ สวีอันฉิงก็พยักหน้าด้วยความปลื้มใจ
พอฉินจื่อเฟิงเดินไปไกลแล้ว สวีอันฉิงก็ได้หัวเราะออกเสียง “เหอะ ๆ อะไรที่เรียกว่าความดีบริสุทธิ์ พออยู่ภายใต้ผลประโยชน์ก็ปรากฏความโสมมของตนเอง เสิ่นอีเวย….เธอรอดูซะนะ”
พอฉินจื่อเฟิงกลับไปยังที่ทำงานของตนเอง พละกำลังของตนเองทั้งหมดเหมือนถูกทำความสะอาดไปเสียหมดแล้ว เธอเดิมที่คิดว่าตอนนี้เข้าสู่บริษัทเซิ่งแล้ว ทำงานอย่างอ่อนน้อมเป็นคนอ่อนโยนถ่อมตนจึงจะสามารถที่จะหลีกหนีให้ห่างถึงปัญหาในอดีต
แต่ไม่คาดคิดที่ว่าคือ …. สวีอันฉิงคนนี้กลับตรวจสอบตัวเอง
สวีอันฉิงกับเสิ่นอีเวยที่มีความแค้นเคืองต่อกันนั้นเป็นเรื่องของเขา เพราะอะไรตอนนี้ถึงเปิดเรื่องที่ตัวเองไม่สามารถป้องกันได้แล้วมันลุกลามมาถึงตัวเองได้นะ ?
พ่อแม่ของฉินจื่อเฟิงได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตขณะที่เธอและน้องชายยังเด็ก หลังจากนั้นมาเธออาศัยผู้มีเมตตาอุปการะส่งเสียจนเธอเรียนจบการศึกษา แม้กระทั่งไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ ทุกคนต่างอิจฉาถึงชะตาชีวิตเธอ ซึ่งสามารถได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่ว่าในใจเธอรู้ดี ชะตาชีวิตไม่ยุติธรรมกับเธอ
หนึ่งปีก่อน ตอนที่น้องชายอายุสิบห้าปีฉินจื่อเทียนถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกระดูก เร่งรีบใช้เงิน ถึงแม้ตอนนั้นเงินเดือนของเธอจะมาก แต่ว่าค่ารักษาพยาบาลนั่นสูงลิบลิ่วจึงไม่มีทางที่จะทำต่อไปได้
จึงทำการทุจริตเงินของส่วนกลาง ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กเลยทีเดียว แต่หลังจากบริษัทได้ทำการทบทวนแล้ว เห็นใจที่เธอยังอายุน้อย ก็ไม่อยากจะทำร้ายชื่อเสียงของเธอ จึงทำการไล่ออกอย่างลับ ๆ
เรื่องในอดีตก็ได้กลับมาอีกครั้ง เหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง เธอรู้สึกหวาดระแวง ซึ่งไม่คาดคิดว่าตัวเองนั้นจะอยู่ในกำมือของสวีอันฉิง
เสิ่นอีเวยนั้นหากพูดไปแล้วก็ดีกับเธอมาก สอนเธอมากมาย ส่วนบุคคลก็ดีอย่างมาก แต่ว่า…..เธอไม่มีวิธีอื่น ชะตาชีวิตของตนเองก็อยู่ในกำมือของสวีอันฉิงที่จะถูกบีบเมื่อไหร่ก็ได้ เธอไม่อยากให้อนาคตของเธอนั้นดับสูญ
หัวสมองเธอเหมือนจะแตก จึงได้หลับไปบนโต๊ะทำงาน แต่กลับได้ยินเสียงเปิดประตู
“ชั้นกำลังจะไปแจ้งให้เสิ่นอีเวยทราบเรื่องการลงนามความร่วมมือวันนี้ ผู้ช่วยฉิน เราไปด้วยกันเถอะ “
ฉินจื่อเฟิงมองเธอด้วยไร้อารมณ์ แต่กลับมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ เหมือนกับไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
ฉินจื่อเฟิงมองหน้าแล้วพูดว่า “ทำไมชั้นต้องไป ? ”
สวีอันฉิงเดินเข้ามาอีกหนึ่งก้าว แล้วมือขวาไปค้ำบนโต๊ะ ฉินจื่อเฟิงรู้สึกเพียงแต่ว่าตัวเองนั้นถูกเงาบดบังไว้
เงยหน้าขึ้น มองไปยังหน้าของสวีอันฉิง จะเก่งกาจสักเท่าใดเธอก็ยังมีอายุ 20 กว่าแค่นั้นเอง ในตอนนี้จึงมองอย่างเฉย ๆ
“เมื่อกี้เธอตอบชั้นอย่างอะไรก็ได้ ตอนนี้ชั้นก็ควรที่จะมีการทดสอบการตัดสินใจของเธอสิ ? ไม่งั้นชั้นจะเชื่อเธอได้อย่างไร ? ”
ฉินจื่อเฟิงก้มหัวลงไปอย่างนานแล้วพูดว่า “ได้สิ ไปกันเถอะ”
ก็ได้หยิบเอกสารที่เสิ่นอีเวยจะต้องเซ็นไปด้วย สวีอันฉิงไปเดินอยู่ด้านหน้า ทั้งสองคนได้เดินไปยังห้องทำงานของเสิ่นอีเวย