สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 155
บทที่ 155 แผนการประทุษร้ายในงานเลี้ยงความร่วมมือ
เสิ่นอีเวยโมโหอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าท่าทีของสวีอันฉิงที่มีความยโสอวดดี อีกเหตุผลเพราะว่าเธอได้คิดถึงเซิ่งเจ๋อเฉิง
พอสวีอันฉิงเดินกลับไปเสิ่นอีเวยก็เลยเดินไปยังห้องทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างไม่ลังเล “สวีอันฉิงบอกกับคุณใช่หรือไม่ว่าให้ชั้นไปงานเลี้ยงความร่วมมือในค่ำคืนนี้ ? ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่นั่งอยู่บนโซฟาได้ยินคำพูดของเธอก็เลยทำตาโตขึ้นมาโดยมองไปยังเสิ่นอีเวยที่ห่างจากเขาไม่ไกลด้วยความสุขุมลุ่มลึก
เสิ่นอีเวยตกใจไปครู่หนึ่ง ซึ่งเธอไม่คาดคิดว่าเขาจะพักผ่อนแต่ว่าเธอกลับทำให้เขาตื่นขึ้นมา ใบหน้าของเขาไม่มีความโกรธแต่อย่างใด
หรือว่า……ในใจของเสิ่นอีเวยกลับใช้วิธีที่ไม่ถูกต้อง หรืออาจเป็นเพราะว่าผู้ชายคนนี้รู้แล้วว่าลูกที่เสียไปเป็นของเขา ดังนั้นก็เลยสำนึกผิดเสียใจ แต่มีความคิดการกระทำต่อเธอก็เปลี่ยนไปแบบนี้หรือ ?
พิสูจน์ได้จากความจริง เซิ่งเจ๋อเฉิงกลับดีต่อเธออย่างผิดปกติ
เขาก็ได้หลับตาลงไป แต่หางตาก็ยังกระตุกอยู่ เหมือนกับจะให้ตัวเองตื่นมามีสติอีกครั้ง เขาได้เห็นเธอแล้วพูดว่า “อืมใช่ ทำไมหรือ ? “
ท่าทีของเสิ่นอีเวยกลับมีความแข็งกระด้าง “ในการลงนามความร่วมมือนี้ความจริงก็ไม่ใช่หน้าที่ที่ชั้นจะต้องรับผิดชอบ เพราะอะไรถึงให้ชั้นไป ? ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบ ๆ ว่า “หัวหน้าสวีพอดีมีธุระเลยขอลากิจ ในการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ผมจำได้ว่าเคยพูดกับคุณ ผมคิดว่าคุณไม่เข้าใจมากก็น้อย ดังนั้นเธอก็เลยได้เสนอชื่อคุณไป และตอนนี้ผมก็คิดว่ามันเหมาะสมกับคุณดี “
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมในใจของเสิ่นอีเวยกลับมีความรู้สึกไม่สบาย สายตาของเธอมีความเยือกเย็นอยู่ในนั้น “สวีอันฉิง เธอได้เสนอชั้นคุณก็เลยตอบรับไป ? ความสัมพันธ์ของเธอกับคุณทำไมมันกระชับกันขนาดนี้ ? “
เสิ่นอีเวยถูกเรื่องนี้ทำให้ไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองได้ ดังนั้นเลยโมโหสุดขีด พอพูดเสร็จไปแล้วแล้วนึกขึ้นมาอีกทีก็เหมือนว่าเธอกำลังหึงหวงเขา
แต่คำพูดพวกนี้เมื่อพูดกับเขาแล้วก็เหมือนจะใช้ได้ผล สีหน้าของเขาก็เริ่มมีความนุ่มนวลมากกว่าเมื่อสักครู่นี้ ผู้ชายคนนั้นก็ยิ้มแบบเบา ๆ แล้วก็ได้เดินไปตรงหน้าของเธอ ทำให้ใจของเธอนั้นกลับตื่นเต้น
หน้าของเขาก็เริ่มเข้าใกล้หน้าของเธอ คำพูดเรียบง่าย “ดังนั้นเธอเลยหึงผมหรือ? “
เสิ่นอีเวยตกใจไปแป๊ปหนึ่งแล้วพูดตอบทันทีว่า “น่าตลกนัก ทำไมชั้นจะต้องหึงหวงคุณ ? ”
แม้คำพูดจะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีได้ เสิ่นอีเวยก็เลยมีหน้าที่แดงก่ำ
สองคนก็ต่างเงียบ ๆใส่กัน เพราะว่าคำพูดเมื่อสักครู่นี้ทำให้บรรยากาศกลับเต็มไปความอบอุ่นแต่เหมือนจะมีสักครู่แล้วก็หายไปสักครู่วนไปเวียนมา เสิ่นอีเวยรู้สึกในใจวุ่นวายกับคำพูดที่เพิ่งพูดไป สายตาของผู้ชายคนนั้นทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ ในจิต แต่ว่ากลับทำให้เกิดความรู้สึกที่คาดคิดหรือแปลกหลาดออกมาในบรรยากาศ
ความรู้สึกของพวกเขาสองคนเริ่มจากไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เสิ่นอีเวยแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยรู้สึกความหวานแหววคืออะไร เธอรู้แต่เพียงความรำคาญและเขินอาย
ระยะของทั้งสองนั้นใกล้กันมาก เสิ่นอีเวยไม่ได้พูดอะไรก็ถอยไปหนึ่งก้าว และสายตาที่จริงจังมองไปยังเขา “ความจริงแล้วคุณก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้คำพูดที่เหมือนในละครมากนัก แต่ก็ไม่ต้องไปคิดว่าลูกคนนี้เป็นของเธอแล้วรู้สึกสำนึกผิดเสียใจ สำหรับความสัมพันธ์ของเราสองคน……ชั้นก็เคยแสดงออกไปถึงแล้ว แบบนี้แล้วกันหวังว่าคุณจะสามารถเข้าใจได้”
เสิ่นอีเวยเมื่อพูดแบบนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่าเธอเริ่มจะหลุดออกจากจุดโมโหของเธอแล้ว แตว่าแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เลยค่อย ๆ ก้มหัวลงไป
เธอไม่ได้เห็นใบหน้าของเขาเพียงแต่ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาแค่นั้นเอง เสียงหัวเราะนั้นอยู่บนหัวของเธอ ใจของเสิ่นอีเวยก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเข้าอีก
“แต่คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องเอาคำพูดพวกนี้ออกมาทั้งหมดก็ได้นี่ พวกเราก็เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว มันไม่มีอะไรจะต้องมีปิดบังหรอก ผมอยากทำอะไรก็จะทำอะไร คุณไม่มีสิทธิ์ในการก้าวก่าย”
เสิ่นอีเวยตาโตด้วยความตกใจ ซึ่งความหน้าด้านของผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกถึงความตกตะลึง
พอกำลังจะพูดไป เขาก็กลับแย่งมาพูดว่า “แน่นอนล่ะ ถ้าหากคืนนี้คุณไม่อยากไปในงานเลี้ยงลงนามความร่วมมือนี้จริง ๆ ก็ไม่ไปก็ได้ พอถึงตอนนั้นก็ให้คนอื่นไปแทนได้”
เสิ่นอีเวยรู้สึกไปชั่วครู่หนึ่งว่าตัวเองฟังผิดหรือไม่ ทำไมผู้ชายคนนี้เหมือนจะบังคับตนเอง ?
ในใจเดิมทีก็รู้สึกดี แต่ว่าเธอกลับนิ่งสงบไปเธอรู้ดีว่าตัวเองนั้นไม่ได้คิดไปถึงเรื่องเซิ่งเจ๋อเฉิงดังนั้นก็เลยตอบปฏิเสธไป
“ไม่รบกวนคุณแล้ว ชั้นไปเอง