สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 162
บทที่ 162 ตอนนี้ผมรู้สึกเสียใจมากจริงๆ
เสิ่นอีเวยเกิดอาการปฏิเสธด้วยสัญชาตญาณของเธอ ไม่ได้ถามว่า “พูดคุยตามประสาเพื่อน”ของพวกเขาทั้งสองนี้คือแบบไหน สักนิดก็ไม่อยากที่จะรู้พวกเขาพูดคุยอะไรกันบ้าง บางครั้งรู้มากไปก็ยิ่งทำผิดมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสามคนยังคงซับซ้อนแบบนี้
เสิ่นอีเวยมองเซียวหันถิงแล้วถามว่า : “ตอนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงดึงตัวฉันไปแล้วนั้น เขาได้พูดอะไรเกี่ยวกับฉันหรือเปล่า”
ใจของเสิ่นอีเวยตื่นตระหนกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ที่แท้หล่อนถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงแย่งตัวมาจริงๆ แต่ที่น่าแปลกก็คือ ทำไมเขาถึงได้มาปรากฏตัวที่หน้าโรงแรมอวิ๋นถิง วันนั้นก็ไม่ได้ยินว่าเขาจะไปทำธุระอะไรที่นั่น
เซียวหันถิงได้ยินเสิ่นอีเวยพูดย่างนั้นก็รู้สึกแปลกใจ ขมวดคิ้วขึ้นมา : “ทำไมคุณไม่ถามเค้าด้วยตัวเองล่ะ”
เมื่อเซียวหันถิงถามอย่างนั้น ทำให้หล่อนได้สติขึ้นมา เมื่อสักครู่ที่หล่อนถามเซียวหันถิงหัวใจหล่อนก็เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ หล่อนไม่สามารถควบคุมสติตัวเองให้สงบได้เมื่อต้องพบเจอกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซิ่งเจ๋อเฉิง
เมื่อเจอกับคำถามของเซียวหันถิง หล่อนรู้ดีว่าเขาไม่ได้คิดอะไรแอบแฝง แต่ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง ในใจหล่อนก็ยังคงมีความขมขื่น หล่อนหันหน้าไปทางหน้าต่างอย่างฝืนๆ ข้างนอกหน้าต่างคือแสงไฟยามค่ำคืนของเมืองที่คักคัก
เซียวหันถิงเห็นท่าทีของหล่อนจึงไม่ซักถามอะไรหล่อนอีก หน้าตาอันขมขื่นเมื่อสักครู่ของหล่อนหายวับไปแล้ว หล่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที : “ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เรามาคุยเรื่องอื่นกันเถอะค่ะ”
วินาทีนั้นเองที่เซียวหันถิงเริ่มจิตตก เพราะเขาดูออกว่าเสิ่นอีเวยมีท่าทางตื่นตัวสนใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงเซิ่งเจ๋อเฉิงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาหล่อนมักจะเสแสร้งว่าไม่สนใจเซิ่งเจ๋อเฉิงเลยแม้แต่น้อย
นี่มันหมายถึงอะไร มันหมายความว่าผู้ชายคนนั้นยังคงมีอิทธิพลต่อจิตใจของหล่อนอยู่มาก มาถึงขนาดนี้แล้วหล่อนก็ยังคงไม่ยอมตัดใจ
เหมือนมีอะไรมาดลจิตดลใจเขา เซียวหันถิง ด้วยเหตุนี้ดวงตาเขาฉายแววไม่ซื่อออกมา เขาคิดจะให้บทเรียนกับหญิงสาวตรงหน้า
“คุณเสิ่นจะเปลี่ยนบทสนทนาก็เปลี่ยนกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอครับ เมื่อกี้ตอนที่ผมบอกว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงดึงคุณไปจากผม วินาทีนั้นคุณเหมือนจะถอนหายใจออกมา ทำไมเหรอ คุณดีใจมากที่ถูกเขาเอาตัวไปงั้นเหรอครับ”
เสิ่นอีเวยพอรู้ตัวก็อึ้งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าอยู่ๆเซียวหันถิงจะถามหล่อนแบบนี้
“ประธานเซียว.. คุณหมายความว่าอะไรคะ”
เซียวหันถิงวางแก้วน้ำชาในมืลงบนโต๊ะ เกิดเสียงที่ไม่เบาและก็ไม่ดังขึ้น
เมื่อคืนผมเป็นคนพาคุณไปก่อน ต่อมาก็มาบังเอิญเจอเข้ากับเซิ่งเจ๋อเฉิง ตอนนั้นผมคิดถึงชื่อเสียงของคุณก่อนจึงได้มอบคุณให้กับเขา เพราะยังไงก็ตามเขาเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ แต่ว่าตอนนี้..”
อยู่ๆเซียวหันถิงก็หยุดพูด สายตาคู่นั้นจับจ้องไปที่เสิ่นอีเวยไม่วางตา เสิ่นอีเวยเองก็จิตใจจดจ่อมองที่เขาเช่นกัน : “ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ผมเสียใจมากจริงที่ส่งคุณให้เขาไป”
ประโยคที่สองเซียวหันถิงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น เสิ่นอีเวยรู้สึกได้ว่า
ตัวเองตกใจ แน่ใบหน้าหล่อนกลับไม่แสดงอาการใดๆออกมาเลย
หล่อนมองผู้ชายตรงหน้าที่มีความขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อยอย่างนิ่งๆ เพราะกำลังคิดว่าจะตอบเขาอย่างไรดี แต่เซียวหันถิงกลับชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า
“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมขอเสียมารยาทถามคุณข้อหนึ่งว่า คุณลืมเรื่องที่เราเคยบอกว่าจะทำไปแล้วหรือยัง”
เสิ่นอีเวยรู้ดีว่าเขาหมายถึงเรื่องที่พวกเขากำลังสืบหาสาเหตุการเสียชีวิตของพ่อกับแม่หล่อน หล่อนพยายามควบคุมไม่ให้ใจสั่น เหลือบมองไปยังเขา : “ฉันไม่ลืมแน่นอน”
เซียวหันถิงเมื่อได้ยินคำตอบของหล่อนก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ : “คุณไม่ลืมก็ดี”
ทันใดนั้นเองเซียวหันถิงก็โน้มตัวมาด้านหน้า เสิ่นอีเวยฟังน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตั้งใจแน่วแน่ของเขาออก : “เรื่องนั้นพวกเราถือว่าคืบหน้าไปอีกก้าวแล้ว ดังนั้นผมไม่อยากให้คุณถูกคนบางคนหรือเรื่องบางเรื่องดึงดูดความสนใจไป ผมยังยืนคำพูดครั้งก่อน บอกผมมาตามตรง เซิ่งเจ๋อเฉิงอาจจะรู้อะไรบางอย่าง คุณสามารถไปล้วงเอาข้อมูลมาจากเขาได้”
ไม่ใช่ว่าเสิ่นอีเวยไม่เข้าใจว่าต้องเริ่มลงมือจากเซิ่งเจ๋อเฉิงก่อนเป็นคนแรก แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าหล่อนจะเริ่มลงมืออย่างไร มารยาหญิงเหรอ เขาไม่มีทางหลงกลหล่อนแน่
พอมาเจอกับคำเตือนของเซียวหันนถิง อย่างน้อยหล่อนก็รู้สึกขอบคุณเขาอยู่บ้าง เพราะตัวหล่อนเองก็ไม่รู้ว่าตอนที่เขาบอกว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนพาหล่อนไปนั้นในใจหล่อนรู้สึกลิงโลดแค่ไหน ที่คิดว่าเขาเองก็เป็นห่วงหล่อนอยู่เหมือนกัน
ในเส้นทางชีวิตที่แสนยาวนานของคนเรานั้น คนเราบางครั้งก็มักจะเข้าใจอะไรผิดจากความเป็นจริงไปบ้าง เมื่อมาถึงจุดผกผัน พอหันกลับไปมองจึงพบว่าตัวเองนั้นน่าสมเพชแค่ไหน
เสิ่นอีเวยคิดมาถึงตรงนี้ก็หัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ในใจ
เรื่องสืบหาสาเหตุการเสียชีวิตของพ่อกับแม่หล่อนนั้น เซียวหันถิงเองก็ลงทุนลงแรงอยู่ไม่น้อย เป็นตัวหล่อนเองเสียอีกที่มาถึงตอนนี้แล้วก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง
แต่หลังจากที่เสิ่นเหยียนชิ่งปรากฏตัวครั้งก่อน บวกกับได้รู้ว่าเขาอยู่เบื้องหลังคนที่วางยาในงานเลี้ยงเมื่อสี่ปีก่อน ทำให้หล่อนรู้ว่าการที่เขาพยายามเตือนตัวเองเรื่องการตายของพ่อแม่หล่อนนั้นมันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน
ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ทำให้หล่อนได้รู้ว่าเรื่องอะไรที่หล่อนควรจะต้องรู้ และเข้าใจว่าเรื่องบางเรื่องก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้
หล่อนมองออกไปนอกหน้าต่าง ฉากที่มืดมิดในยามค่ำคืนคือดวงจันทร์ที่สาดแสงกับดวงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ
พระจันทร์ขึ้นแล้ว แต่ระยะทางยังอีกแสนไกล ดังนั้นหล่อนจะต้องตื่นตัวพร้อมที่จะออกเดินทาง
เสิ่นอีเวยหันกลับมา ดวงตาสว่างเจิดจรัสยิ่งกว่าแสงจันทร์ :”ขอบคุณประธานเซียวมากที่เตือนฉันในคืนนี้ ฉันจะไม่ว่อกแว่กพะว้าพะวังอีกค่ะ”
เช้าวันต่อมา เสิ่นอีเวยเตรียมจะออกไปทำงานตามปกติ
แต่ตอนที่หล่อนกำลังเดินออกจากประตูก็ต้องพบกับเหตุการณ์เดียวกันกับครั้งก่อนที่หล่อนจะไปหาสวี่หรู หล่อนถูกบอดี้การ์ดคนหนึ่งขวางเอาไว้
เสิ่นอีเวยมองแขนของบอดี้การ์ดคนนั้นที่ยื่นมาขวางหน้าหล่อน แล้วถามอย่างเรียบเฉยว่า: “นี่มันหมายความว่าอะไร
บอดี้การ์ดยังคงมีสีหน้าเช่นเดิม ใบหน้าไร้ซึ่งความกลัวเกรง แค่ก้มศีรษะด้วยความเคารพแล้วตอบว่า”มันเป็นคำสั่งของท่านประธานเซิ่งครับคุณเสิ่น”
เซิ่งเจ๋อเฉิง นี่นายอีกแล้วเหรอ
เสิ่นอีเวยในใจโกรธจนขบกรามแน่น ครั้งก่อนเขายังพอมีเหตุผลอยู่บ้างที่กักขังหล่อนไว้ในบ้าน ซึ่งหล่อนก็พอทนรับได้แต่ครั้งนี้ หล่อนนึกไม่ออกจริงๆว่าหล่อนไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ
หากจะพูดถึงเรื่องครั้งนี้ที่หล่อนถูกวางยาในการพูดคุยเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจ ก็ไม่ใช่ความผิดของหล่อน เขาควรจะไปถามสวี่อันฉิง บวกกับเรื่องที่หล่อนถูกเซียวหันถิงพาตัวไป เรื่องนี้สำหรับหล่อนแล้ว แทบไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
หล่อนคิดไม่ออกเลยว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงมีเหตุผลอะไรถึงได้เอาความผิดมาลงที่หล่อน
คิดอย่างนี้แล้วหล่อนก็รู้สึกโมโหขึ้นมา ผู้ชายอกสามศอก แค่ความคิดเห็นไม่ตรงกันก็มาจำกัดอิสรภาพของตนเอง ครั้งนี้หล่อนจะไม่ยอมเขาแน่นอน
สมองเสิ่นอีเวยประมวลผลอย่างรวดเร็ว กรอกตาใส่บอดี้การ์ดร่างกำยำคนนั้นก่อนจะพูดเสียงเรียบว่า:”ได้ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ฉันไม่ออกไปก็ได้”
บอดี้การ์ดพยักหน้ารับ เตรียมตัวจะถอยกลับ
ตอนนั้นเอง เสิ่นอีเวยที่สะพายกระเป๋าหันไปด้านข้างเตรียมจะก้าวขากลับเข้าไปด้านใน อยู่ๆก็หันกลับมาก่อนจะพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ลอดหนีผ่านบอดี้การ์ดคนนั้นไปได้