สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 165
บทที่ 165 ฉันยังไม่ได้อนุญาตให้เธอลาออก
หล่อนพยายามก้าวขาที่หนักอึ้งไร้เรี่ยวแรงกลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง
“โอ๊ะ รองประธานเสิ่นเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
เสียงดังแหลมของหญิงสาวดังขึ้นที่ข้างหู เสิ่นอีเวยแทบไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมามองก็รู้ว่าคือใคร
ที่จริงทางเดินระเบียงนั้นกว้างมาก แต่สวี่อันฉิงกลับมาขวางอยู่ที่หน้าหล่อน เสิ่นอีเวยยากที่จะควบคุมความโกรธเกลียดภายในใจ หล่อนไม่กระพริบตาเลย:”หลบไป”
สวี่อันฉิงหัวเราะเยาะในใจ ไม่คิดจะเห็นใจเสิ่นอีเวย หล่อนแกล้งมองไปทางประตูห้องทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วพูดอย่างเยาะเย้ยสะใจว่า:” ทำไมเหรอ ทะเลาะกับประธานเซิ่งเหรอ สามีภรรยากันก็แบบนี้แหละ ทะเลาะกันเดี๋ยวก็ดีกัน ไม่มีอะไรหรอก เราสองคนก็รู้จักกันมานานแล้ว มีเรื่องอะไรก็บอกฉันให้ฉันช่วยได้นะ”
สวี่อันฉิงเยาะเย้ยถากถาง เสิ่นอีเวยทนไม่ไหวเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาเย็นเยือกหาที่เปรียบไม่ได้
“ช่วยฉันเหรอ ฉันว่าเธออยากจะหัวเราะเยาะฉันมากกว่า”
สวี่อันฉิงยิ้มร่า แล้วแกล้งทำหน้าใสซื่อ:”ฉันพูดแบบนั้นตอนไหนกัน”
เสิ่นอีเวยมองสวี่อันฉิงด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนพูดว่า:”อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอทำอะไรในงานคืนนั้น ฉันจะบอกเธอไว้เลยนะสวี่อันฉิง ยังไงฉันก็จะสืบให้รู้แน่ชัด ฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง เธอจะต้องชดใช้อย่างสาสม”
จริงๆแล้วเสียงของเสิ่นอีเวยไม่ได้ดังเท่าไหร่นัก แค่พอจะให้สวี่อันฉิงได้ยิน แต่น่าเสียดายที่คำพูดเหล่านี้ไม่สร้างความหวาดกลัวให้อสรพิษอย่างหล่อนเลยแม้แต่น้อย
สวี่อันฉิงกอดแขนไว้ครึ่งหนึ่ง ทำท่าทางเหมือนคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าหล่อนต้องพูดแบบนี้: “ถ้าเธอพูดขนาดนี้แล้ว ฉันก็คงต้องอดทนรอดู ฉันก็อยากจะรู้ว่าคนอย่างเธอจะสามารถทำอะไรฉันได้”
เสิ่นอีเวยไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่สวี่อันฉิงพูด ยื่นมือออกไปผลักสวี่อันฉิงออกไปแล้วเดินไปทางด้านข้างหล่อน
เมื่อเสิ่นอีเวยกลับมาที่ห้องทำงานหล่อนยืนนิ่งๆอยู่ตรงหน้าต่างพักหนึ่ง มองดูความเจริญรุ่งเรืองของเมืองนี้ ในใจสับสนวุ่นวาย เวลานี้หล่อนควรจะเริ่มจากตรงไหนดี
ในคืนวันงานเลี้ยงนั้น สิ่งที่หล่อนเจอทั้งหมด วิเคราะห์แล้วล้วนมีความเกี่ยวข้องกับสวี่อันฉิงแน่นอน หล่อนจะต้องสืบหาความจริงให้ได้
บริษัทนั้นชื่ออะไรมีที่มาที่ไปอย่างไรหล่อนจะต้องไปสืบหาข้อมูลมาจากฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน หล่อนจะต้องให้สวี่อันฉิงลิ้มรสความขมขื่นบ้าง
มาถึงขนาดนี้แล้ว เสิ่นอีเวยไม่มีความลังเลใดๆ เดินตรงไปที่โต๊ะทำงาน เพื่อหาข้อมูลของงานเลี้ยงคืนวันนั้น บวกกับเรื่องที่เธอกำลังตามสืบหาสาเหตุการเสียชีวิตของพ่อกับแม่เธอด้วย หล่อนเคยออกแรงหานักสืบเอกชนมาแล้ว
ขอแค่หล่อนติดต่อไปอีกครั้ง และมีค่าตอบแทนที่มากพอ เรื่องที่หล่อนอยากรู้พวกเขาก็พร้อมบุกน้ำลุยไฟไปสืบหา
หล่อนยื่นมือออกไปเพื่อที่จะหยิบของ พอดีกับสายตาเหลือบไปเห็นจดหมายฉบับหนึ่งซ่อนไว้ใต้แฟ้มใส่เอกสาร หล่อนชะงักไปเล็กน้อย ใบหน้าสงสัยใคร่รู้ จึงหยิบมันออกมา
ซองสีน้ำตาลด้านบนเขียนตัวอักษรตัวใหญ่ไว้ว่า :จดหมายลาออก
เสิ่นอีเวยตกใจ สิ่งนี้ทำไมมันถึงมาอยู่ที่โต๊ะทำงานหล่อนได้
หล่อนเปิดออกอย่างสงสัย สิ่งที่หล่อนมองเห็นเป็นสิ่งแรกก็คือชื่อที่ลงไว้ตรงมุมขวาล่าง
“ฉินจื่อเฟิง”
สมองของหล่อนตื้อไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หล่อนรีบลุกขึ้นเดินออกไปที่ประตู ผลักประตูเปิด ยื่นศีรษะออกไปดู ปรากฏว่าโต๊ะทำงานของฉินจื่อเฟิงว่างเปล่าจริงๆ
หล่อนยื่นมือออกไปเคาะบนโต๊ะทำงานของพนักงานที่อยู่ใกล้ที่สุด พนักงานที่กำลังทำงานอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมา พอเห็นเสิ่นอีเวยเขาก็เรียกหล่อนว่า:”ท่านประธานเสิ่น”
เสิ่นอีเวยชี้นิ้วไปที่โต๊ะของฉินจื่อเฟิง :”ฉินจื่อเฟิงไม่ได้มาทำงานนานแค่ไหนแล้ว”
พนักงานคนนั้นหันไปมองแล้วตอบว่า:”หล่อนไม่ได้มาตั้งแต่เมื่อวาน”
เสิ่นอีเวยพยักหน้ารับอย่างแปลกใจ แล้วรีบกลับไปที่ห้องทำงานของตน
เสิ่นอีเวยตั้งใจอ่านจดหมายลาออกฉบับนั้น
วินาทีนั้นเอง ในที่สุดเสิ่นอีเวยก็ได้รู้ว่าความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นช่วงสองสามวันมานี้มาจากไหน ไม่ผิด มาจากฉินจื่อเฟิงนี่เอง
ผู้หญิงคนนี้แม้ว่าจะอายุยังน้อย แต่เรื่องทำงานนั้นไม่เคยสะเพร่าเลย ตั้งแต่มาเป็นผู้ช่วยของหล่อน หล่อนรู้สึกพอใจในตัวผู้ช่วยคนนี้มาก จนคิดว่าจะปรับขึ้นเงินเดือนให้เมื่อไหร่ดี
แต่ว่าช่วงสองสามวันมานี้ เวลาอยู่ในบริษัทฉินจื่อเฟิงมักจะหลบเลี่ยงไม่ให้เจอหน้าหล่อน เวลาที่ฉินจื่อเฟิงเอาเอกสารมาให้หล่อนเซ็นชื่อมักจะพูดคุยกับหล่อนถึงปัญหาในที่ทำงานเป็นประจำ บางครั้งก็เหมือนน้องสาวที่เจอเรื่องไม่สบายใจก็จะมาระบายปรึกษากับหล่อน
แต่ช่วงนี้ฉินจื่อเฟิงเอาเอกสารมาให้หล่อนแล้วก็จากไปไม่มีท่าทีจะหยุดพูดคุยอะไร
เสิ่นอีเวยก็สังเกตเห็นว่าฉินจื่อเฟิงมีท่าทีแปลกๆ แต่หล่อนก็คิดว่าทุกคนล้วนมีเรื่องส่วนตัวจึงไม่ได้ถามอะไรหล่อน บวกกับช่วงนี้เกิดเรื่องวุ่นวายในชีวิตหล่อนมากมายเหลือเกิน ดังนั้นจึงไม่ทันเห็นว่าฉินจื่อเฟิงไม่ได้มาทำงานร่วม24ชั่วโมงแล้ว
ฉินจื่อเฟิงทำงานอยู่กับหล่อนดีๆ ทำไมอยู่ๆถึงเกิดลาออก หล่อนเองก็ยังนึกเหตุผลไม่ออก
สายตาหล่อนจับจ้องอยู่บนจดหมายลาออกฉบับนั้น หล่อนกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะหาเบาะแสจากข้อความที่เป็นทางการในจดหมายแต่ก็ไม่มีอะไร แต่ทันใดนั้นเองหล่อนก็เห็นข้อความท้ายสุดของจดหมาย
ท่านประธานเสิ่น ฉันรู้ว่าดีว่าฉันหักหลังความเชื่อมั่นที่คุณมีต่อฉัน แต่ขอให้คุณเชื่อฉัน เรื่องนี้ไม่ธรรมดา หากคุณสะดวก ฉันอยากจะพบคนสักครั้ง เพื่อที่จะบอกเรื่องทั้งหมดให้คุณฟัง
เมื่อหล่อนเห็นข้อความนี้ของฉินจื่อเฟิง หล่อนก็รู้สึกกังวลขึ้นมา หล่อนรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฉินจื่อเฟิงทันที ครั้งแรกไม่มีคนรับสาย
หล่อนโทรไปอีกครั้ง เสียงของฉินจื่อเฟิงดังขึ้นปลายสาย: “ประธานเสิ่น”
“ฉันเห็นจดหมายลาออกของเธอแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่”
น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เฝ้ารอคำตอบของเฉินจื่อเฟิงอย่างใจจดใจจ่อ
ฉินจื่อเฟิงนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ จนสุดท้ายปริปากพูด: ” คุณเสิ่นฉันผิดต่อคุณ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด ฉันไม่ควรผลีผลามทำอย่างนั้นเลย
เสิ่นอีเวยรีบร้อนน้ำเสียงจึงแข็งกร้าวดุดันขึ้นมา :”ไม่ต้องอ้อมค้อมชักแม่น้ำทั้งห้าหรอก เธอเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของฉัน เธอคิดว่ายื่นใบลาออกเป็นการแลกเปลี่ยนแล้วเรื่องมันจะจบอย่างสวยงามเหรอ ถ้าฉันไม่อนุญาตเธอก็ออกจากบริษัทไม่ได้ บอกสถานที่มา ฉันจะรีบไปหาเธอที่นั่น”
ฉินจื่อเฟิงที่อยู่ปลายสายตกใจท่าทีตื่นตระหนกของหล่อน หล่อนไม่เคยเห็นเจ้านายตัวเองก้าวร้าวขนาดนี้มาก่อน
ฉินจื่อเฟิงคิดทบทวนอยู่ครู่นึงก่อนจะบอกชื่อร้านกาแฟร้านหนึ่งออกมา เสิ่นอีเวยคิดคำนวณเวลาอยู่ในใจก่อนจะตอบอีกฝ่ายว่า: “อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะไปถึง”
พูดจบก็ไม่ทนรอให้ฉินจื่อเฟิงตอบอะไรกลับ หล่อนก็รีบวางสายทันที
เสิ่นอีเวยเตรียมตัวออกไปหาฉินจื่อเฟิงทันที ทำให้หล่อนหวนนึกถึงตอนที่หล่อนโกหกเซิ่งเจ๋อเฉิงเพื่อลางานไปดูนิทรรศการกับฉินโม่ครั้งก่อน ครั้งนี้หล่อนไม่อยากทำผิดซ้ำสองอีก จึงตั้งใจจะบอกความจริงกับเซิ่งเจ๋อเฉิง
คุณไม่ชอบให้ฉันโกหกไม่ใช่เหรอ? ได้!
เสิ่นอีเวยเก็บของเสร็จ หยิบกุญแจรถ เมื่อเดินมาถึงห้องทำงานเซิ่งเจ๋อเฉิง หล่อนก็เปิดผลักประตูเข้าไปทันที เซิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ เงยหน้าขึ้นมา: “ฉินจื่อเฟิงเกิดเรื่องนิดหน่อย ตอนนี้ฉันจะออกไปหาหล่อน เลยมาบอกคุณก่อน”
“ปัง!”
เสิ่นอีเวยไม่รอให้เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดอะไรหล่อนก็ปิดประตูทันที
สถานการณ์คับขันแบบนี้ หล่อนไม่สนใจว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะอนุญาตหรือไม่