สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 184
บทที่ 184 อยากร่วมลงทุนทางธุรกิจกันก็ให้หล่อนมาขอโทษผมซะ
วินาทีต่อมา เซิ่งเจ๋อเฉิงเปิดปากพูดอย่างเย็นชา “เสิ่นอีเวยเป็นภรรยาของผม”
ในแววตาของเจิ้งอวี๋นชวนฉายแววชัดถึงความประหลาดใจ แต่เก็บซ่อนไปอย่างรวดเร็ว เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “ที่แท้พวกคุณก็เป็นสามีภรรยากันนี่เอง เป็นผมเองที่ผลุนผลันไปจริงๆสินะ แต่ก็นะ ผมเคยลองคิด ผู้หญิงที่ใจกล้าอย่างคุณเสิ่นเช่นนั้น ก็ต้องคบหาผู้ชายที่ยอดเยี่ยมและคู่ควรกันอย่างคุณเซิ่งอย่างนี้แหละ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่รู้ว่าเจิ้งอวี๋นชวนจริงๆแล้วในน้ำเต้านั้นมียาอะไร แต่สีหน้าของเขายิ่งนานยิ่งดำลงเรื่อยๆ
แต่คนอย่างเจิ้งอวี๋นชวนนี้ตั้งแต่เล็กจนโตก็ถูกพ่อแม่ประคบประหงบในฝ่ามือ แต่ว่าเพราะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมครอบครัวที่ซับซ้อน ดังนั้นจึงเห็นการต่อสู้และการนองเลือดมามาก รู้จักคนเยอะขึ้น ความกล้าบ้าบิ่นก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
สายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงหากเป็นปกติ คนอื่นจะต้องกลัวอย่างแน่นอน แต่สำหรับเจิ้งอวี๋นชวนแล้วนั่นไม่เพียงพอจะทำให้เขากลัว บรรยากาศของคนทั้งสองตึงเครียดมากขึ้น และยังมีการคุมเชิงกันอยู่เล็กน้อย
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ตอบคำถามนี้ของเจิ้งอวี๋นชวน เพราะว่าเขาไม่คิดจะมาเสียเวลากับคำถามที่ไม่ได้มีความสำคัญใดๆกับผู้ชายคนนี้ สิ่งที่กวนใจเขา ยังมีเรื่องอื่นอีก
เซิ่งเจ๋อเฉิงเลิกคิ้วทีหนึ่ง กล่าวว่า “เมื่อครู่คุณเจิ้งบอกว่าคุณเสิ่นใจกล้า ดูเหมือนว่าพวกคุณสองคนรู้จักกันสินะ?”
ตอนที่เขาเพิ่งออกจากลิฟต์และเดินเข้าไปในโถงทางเดิน สายตาก็เห็นแขนของเสิ่นอีเวยกำลังถูกเจิ้งอวี๋นชวนจับไว้แน่น ณ ตอนนั้นระยะห่างระหว่างพวกเขาสองคนอยู่ใกล้กันมากๆ ในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็มีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดผู้หญิงคนนั้น แต่ว่าทำไม…ครึ่งปีหลังมานี้ ทุกครั้งตอนที่เขาเห็นหล่อนพูดคุยกับผู้ชายคนอื่น ในใจของเขากลับรู้สึกว่าภาพเหล่านั้นขัดลูกหูลูกตาอย่างมาก
แม้จะมีบางครั้ง…แรงกระตุ้นในใจทำให้เขาอึดอัดมาก
แต่ไหนแต่ไรมาเซิ่งเจ๋อเฉิงก็รู้ว่าตนเองก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจดีเท่าไรนัก แม้จะพูดได้ว่าใจเหล็กและเลือดเย็น ดังนั้นเขาจึงยกเว้นคำถามที่ โดยพื้นฐานตลอดสามสิบปีมานี้ไม่เคยแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมาก่อน เพราะจากที่เขาดู หากคิดอยากจะประสบความสำเร็จ ความยากลำบากทรมานที่เจ็บปวดนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง
แต่ว่าบางครั้ง เวลาเขามองไปที่ใบหน้าของเสิ่นอีเวย เป็นครั้งแรกที่นึกได้ว่า คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่อ่อนแอมากและหมดหนทางคนหนึ่ง หล่อนมีความภาคภูมิใจของตนเอง แต่ก็มีจุดอ่อนของตัวเอง
เวลาที่หล่อนอยู่ต่อหน้าคนอื่น ก็มีท่าทีสูงส่งมาโดยตลอด เหมือนกับหงส์ดำที่สูงศักดิ์ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา มักจะประนีประนอมและคิดเพื่อเขาขนาดนั้น
บางครั้งเซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนั้นบางทีก็อาจจะมีส่วนที่อ่อนแอของตนเองบ้าง แต่ว่าตลอดมาหล่อนไม่เคยยอมให้มันแสดงออกมาต่อหน้าเขาเลย และตัวเขาเองก็มักจะไม่เอาความปรารถนาของตนเองไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาของหล่อน แม้ว่าศักดิ์ศรีของหล่อนจะถูกปฏิบัติอย่างไร เขาลืมไปว่า หล่อนก็ต้องการการปกป้อง
เหตุผลเหล่านี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงในบางครั้งที่เขาเมาอยู่คนเดียว ตอนกลับบ้านและผลักประตูห้องนอนของเสิ่นอีเวยออก ยืนข้างเตียงมองใบหน้าของคนที่กำลังนอนหลับ ในเวลานั้นเขาถูกความคิดของตัวเองทำให้ผงะ อาการเมาก็สร่างขึ้นมา
เพียงแต่เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่เคยคิดว่า เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง ต่อหน้าของคนที่ถูกเรียกว่าเจิ้งอวี๋นชวนช่วงเวลานี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกว่าหัวใจมีไฟสุมอยู่
ดังนั้นเขาจึงเพิ่งถามเจิ้งอวี๋นชวนเกี่ยวกับความใจกล้าของเสิ่นอีเวยไปตอนนั้น แม้เขาจะพอตระหนักได้ ว่าน้ำเสียงของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เรียกได้ว่าเสียงแข็งเลยก็ว่าได้
แต่สำหรับเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้ว เขาไม่สนใจสิ่งเหล่านี้
แต่หลังเจิ้งอวี๋นชวนฟังที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเพิ่มถามไปเมื่อครู่ เขายิ้มทีหนึ่ง ในดวงตาแฝงแววหยอกล้อ ก่อนพูดอย่างช้าๆ ว่า: “คุณเซิ่งเข้าใจผิดแล้ว ผมกับคุณเสิ่น อา…ไม่…”
เจิ้งอวี๋นชวนหยุดไปครู่หนึ่ง
“ตอนนี้ควรจะเรียกว่าคุณนายเซิ่งแล้วสินะ ที่จริงก็ไม่นับว่ารู้จักกัน เพียงแต่เมื่อห้าปีก่อนเคยเล่นสนุกด้วยกันที่บาร์แห่งหนึ่งในอังกฤษ”
เสียงพูดเบาลง อุณหภูมิภายในห้องประชุมคล้ายกับลดฮวบจนถึงศูนย์ เซิ่งเจ๋อเฉิงสายตาเย็นชามองไปยังเจิ้งอวี๋นชวนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง เขาได้ยินอย่างชัดเจน ถึงประโยคของเจิ้งอวี๋นชวนเมื่อครู่ เขาจงใจเน้นเสียงที่ “เคยเล่นด้วยกัน” สามคำนี้
ร้านบาร์ในอังกฤษ เคยเล่นสนุกด้วยกัน
นึกย้อนกลับไปที่หน้าประตูห้องทำงานของเสิ่นอีเวย การกระทำของเจิ้งอวี๋นชวนที่จับแขนของหล่อนแน่น เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเส้นประสาททั้งหมดในร่างกายตึงเขม็ง
เขาโกรธมาก
ประโยคเมื่อครู่ของเจิ้งอวี๋นชวน ราวกับว่ามีคนจุดระเบิดในสมองของเซิ่งเจ๋อเฉิง
แต่ในทันที เซิ่งเจ๋อเฉิงทำให้ตัวเองใจเย็นลง ถึงแม้ว่าตัวเองจะอยากรู้ว่าเสิ่นอีเวยกับผู้ชายตรงหน้าคนนี้เคยมีเรื่องอะไรกัน และก็ไม่ควรเป็นตอนนี้ ยิ่งไม่ควรรับรู้ข้อมูลบางอย่างจากเจิ้งอวี๋นชวนที่นี่
เซิ่งเจ๋อเฉิงสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง เขายิ้มเย็นให้แล้วกล่าวอย่างสงบนิ่ง :“นายใหญ่เจิ้งคงไม่ได้ส่งลูกชายของตัวเองข้ามน้ำข้ามทะเลมาบริษัทเซิ่งซื่อ เพื่อที่จะให้คุณเจิ้งมาคุยกับผมด้วยเรื่องไร้ประโยชน์พวกนี้หรอกมั้ง?”
เจิ้งอวี๋นชวนฟังจบก็ยิ้มตอบ “ผมเชื่อใจ คุณเซิ่งเพียงพูดต่อหน้าผมแค่นี้ คุณคงไม่ได้รู้สึกจริงๆว่าเรื่องพวกนี้ที่ผมพูดไร้ประโยชน์หรอกมั้ง ทั้งหมดทั้งมวล…คุณเสิ่นเป็นภรรยาของคุณ แต่ไหนๆก็พูดถึงตรงนี้แล้ว ผมก็มีเรื่องหนึ่งที่อยากให้คุณเซิ่งรู้ไว้ก่อน เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการร่วมมือกันระหว่างผมและเซิ่งซื่อ ของพวกคุณนั่นแหละ ด้านอื่นๆผมไม่ต้องการอะไรอีก แต่มีหนึ่งเงื่อนไข”
เรื่องของธุรกิจ
น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ในการควบคุม ฟังไม่ออกถึงอารมณ์ในนั้น :“เชิญคุณเจิ้งอธิบาย”
เจิ้งอวี๋นชวนหรี่ตาลงช้าๆ เดินเข้าไปใกล้เซิ่งเจ๋อเฉิงก้าวหนึ่ง เขามองเซิ่งเจ๋อเฉิง มุมปากประดับรอยยิ้ม แต่อุณหภูมิในดวงตานั้นเยียบเย็น
เจิ้งอวี๋นชวนพูดทีละคำว่า : “ถ้าคุณเซิ่งอยากให้การร่วมมือกันครั้งนี้ประสบความสำเร็จ งั้นคุณเสิ่นก็ต้องมาขอโทษผมต่อหน้าสาธารณชน”
คำพูดนี้ค่อนข้างมีน้ำหนัก เซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนฉลาด หลังจากฟังแล้วก็เกิดเฉลียวใจในทันที: “ทำไมหล่อนต้องมาขอโทษคุณ”
เจิ้งอวี๋นชวนหัวเราะกลับ กล่าวอย่างชื่นมื่น: “หากว่าคุณเซิ่งอยากได้คำตอบว่าเมื่อก่อนผมและคุณเสิ่นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ สามารถไปถามที่คุณเสิ่นได้อย่างครบถ้วน ความหมายของผมนั้นชัดเจนมาก หล่อนมาขอโทษผม ผมจะลงชื่อในสัญญาความร่วมมือโดยไม่พูดอะไรสักคำเลย หล่อนไม่ขอโทษ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาพูดคุยกันอีก”
ประโยคนี้ถือเป็นการจบบทสนทนาในวันนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงมองเจิ้งอวี๋นชวนอย่างใจเย็น กล่าวว่า :“วันนี้ก็ถือว่าคุยกันจบแล้วเดินทางมาเหนื่อย เชิญคุณเจิ้งพักผ่อนตามสบาย”
หลังพูดประโยคนี้จบ ไม่รอให้เจิ้งอวี๋นชวนตอบ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็เดินตรงออกนอกห้องประชุมไป
พูดตามเหตุผลแล้ว เจิ้งอวี๋นชวนเป็นลูกชายคนเดียวของเจิ้งโป๋หง คนในวงการธุรกิจต่อให้เลวร้ายแค่ไหนก็ยังต้องไว้หน้าเจิ้งโป๋หง กับลูกชายของเขาก็ยังให้ความเคารพส่วนหนึ่ง แต่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงแต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนที่มีความหยิ่งทะนงมากที่สุดคนหนึ่ง
จะให้คนอย่างเขาก้มหัวให้คนอย่างเจิ้งอวี๋นชวนคนนนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
เซิ่งเจ๋อเฉิงเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเจิ้งอวี๋นชวน และไม่ใช่เพราะเขารีบร้อนอยากจะร่วมมือกับเซิ่งซื่อและเพราะตอนนี้ยังมีเรื่องหนึ่งที่สำคัญกว่าสัญญาการร่วมมือกัน
นั่นก็คือเสิ่นอีเวยกับเจิ้งอวี๋นชวนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่