สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 218
บทที่ 218 เจิ้งอวิ๋นชวนสับสนแล้ว
ผู้ชายสองคนนั้นทำให้บรรยากาศมีความน่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งแม้แต่คนที่ยืนอยู่ด้านข้างที่ไม่มีโอกาสได้พูดอย่างเสิ่นอีเวยนั้นก็ไม่หยุดที่จะกำชายเสื้อตนเองอย่างแน่น ในหัวสมองก็เต็มไปด้วยความสับสนและวุ่นวาย
ก็จริงอยู่ในสถานการณ์ที่ต่อสู้ไปมาอย่างนี้ หากเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แค่ไหนเรื่องราวจะร้ายแค่ไหนก็สามารถทำให้เรื่องกลายเป็นเรื่องที่แก้ไขได้
ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่าเซิ่งเจ๋อเฉิง เขามีความเหมือนกับเทพองค์หนึ่ง ที่ดำรงชีวิตอยู่ในชีวิตของเสิ่นอีเวยตลอดมา
เจิ้งอวิ๋นชวนพยายามที่จะยับยั้งอารมณ์ของตนเอง เพราะเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนถึง ในการแผนการของเขาก็เพียงแค่อยากจะให้เสิ่นอีเวยมาขอโทษ แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงกลับไม่ยอมเสียอย่างนั้น
เสิ่นอีเวยผู้หญิงคนที่จะพูดถึงเธออย่างไรดี
เมื่อห้าปีก่อน เจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้มีความคิดต่อเธอ โดยเฉพาะตอนที่เธอนั้นให้คนมาจับมัดเขา แล้วถ่ายรูปลงโลกออนไลน์ หลังจากนั้นมาก็จำชื่อเสิ่นอีเวยคนนี้ตลอดมา
คนที่ไม่รู้จักฐานะที่แท้จริงหรือไม่เจียมตัวอย่างผู้หญิงคนนี้ กล้าที่จะมาหาเรื่องเขา เลยทำให้เจิ้งอวิ๋นชวนมีความนึกสนุกขึ้นมา
พอนึกถึงตอนที่อยู่ในห้องเก็บบาร์ เสิ่นอีเวยเพราะเป็นโรคกลัวความมืดในที่แคบเลยตกใจจนไม่เหลือสภาพ เจิ้งอวิ๋นชวนในใจรู้สึกถึงความสำเร็จ ผู้หญิงที่ยโสเช่นนี้ เขาสามารถที่จะให้เธอยอมได้อย่างง่ายดาย
เจิ้งอวิ๋นชวนได้คิดไปถึงเรื่องที่ทำวันนี้ ทำให้เกิดการละเลยถึงความเป็นผู้ชาย เมื่อสักครู่นี้ตัวเองใช้วิธีที่น่าอับอายกับผู้หญิงที่อ่อนแอเช่นนี้
ลูกชายคนโตลูกเศรษฐีรุ่นที่สอง ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของทุกคนในบ้าน เลยทำให้เจิ้งอวิ๋นชวนไม่ได้รู้สึกถึงด้านนี้
เมื่อได้ยินเซื่องเจ๋อเฉิงได้พูดว่ายกเลิกสัญญา เจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้ถ่างตาตัวเองขึ้นมา แล้วพูดว่า “ยกเลิกสัญญา ? ประธานเซิ่งคุณมีความหมายว่าอะไร ? ”
“ตามความหมายของตัวอักษร” เซิ่งเจ๋อเฉิงตอบด้วยความรวดเร็ว ทำให้เสิ่นอีเวยไม่สามารถที่จะไม่ยอมอะไรได้เลย
เจิ้งอวิ๋นชวนตกใจไปอย่างหนัก และก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไปหลายวินาที
“ประธานเซิ่ง”
การเผชิญหน้าระหว่างสองคน เนื่องจากเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นฝ่ายได้เปรียบ เลยทำให้เจิ้งอวิ๋นชวนต้องครุ่นคิดไปสักระยะหนึ่ง
เสิ่นอีเวยมองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิง และได้ยินเจิ้งอวิ๋นชวนเรียกเธอ ใบหน้าก็ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนสีหน้าอะไรเหมือนกับจะพูดว่า “เธอรีบออกหน้าหน่อย ถ้าไม่ได้ถือว่าผมแพ้”
ท่าทางที่เป็นแบบนี้ ท่วงท่าที่เป็นแบบนี้ ดูแล้ววันนี้น่าจะชนะอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว เสิ่นอีเวยคิดในใจแบบนี้ เลยทำให้ใจเธอนั้นสงบลงมา
“พ่อพาผมมาประเทศจีนครั้งนี้ จุดประสงค์คือการเซ็นสัญญาลงนามกับคุณ ใครก็มองออกถึงความจริงใจใช่ไหม ? แต่เมื่อสักครู่คุณจะว่าอะไรนะ ? ยกเลิกการลงนามเซ็นสัญญาหรือ? ”
เจิ้งอวิ๋นชวนที่พูดออกไปเมื่อสักครู่นี้ มีความนัยย์ซ่อนอยู่ ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายหูเลยสักนิด
เสิ่นอีเวยในใจก็ได้ยิ้มอยากเย็นชาไปหนึ่งที เจิ้งอวิ๋นชวนคนนี้ การกระทำนั้นเหมือนหน้าหนึ่งอย่าง หลังก็อีกหนึ่งอย่างจริง ๆ เมื่อสักครู่นี้กำลังมีท่าทางที่จะบังคับเซิ่งเจ๋อเฉิง สีหน้าท่าทางยิ่งใหญ่เหลือเกิน แต่ผลปรากฏถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงจัดการซะอยู่หมัด เลยทำให้การพูดกับเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าโลกนี้ยังจะมีคนที่หน้าหนาขนาดนี้อยู่อีกหรือ ปัญหาคือสิ่งที่ตัวเองสร้าง แต่กลับเอาพ่อของตัวเอง เจิ้งโป๋หง เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แต่ยังดี ที่เธอนั้นรู้ดีว่าเจิ้งอวิ๋นชวนไม่ใช่คนที่จะเร่งรีบในการปะทะขนาดนั้น
เจิ้งอวิ๋นชวนถามอย่างเชื่องช้า เซิ่งเจ๋อเฉิงตอบอย่างไม่สนใจอะไรว่า “ไม่ผิด ไม่คิดว่ามันบังเอิญหรือ? เมื่อสักครู่ได้ยินที่คุณเจิ้งพูดมาแล้ว เหมือนกับอยากจะยกเลิกการลงนามสัญญา ในเมื่ออำนาจในการคุยข้อตกลงมันอยู่ที่คุณ งั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณเจิ้งในประโยคนั้นแล้วล่ะ”
เสิ่นอีเวยฟังแล้วอยากจะหัวเราะขึ้นมา หากพูดตามสถานภาพแล้ว ตอนนี้เจิ้งอวิ๋นชวนต่างพูดมั่วสับสนไปหมด ทำให้รู้ว่าเขานั้นพูดเรื่องการยกเลิกการลงนามนั้นเป็นเพียงแต่อารมณ์ชั่ววูบ
ตอนแรกคิดว่าจะชนะอยู่แล้ว แต่กลับโดยเซิ่งเจ๋อเฉิงทำเสียไม่เป็นท่า
เจิ้งอวิ๋นชวนมองเซิ่งเจ๋อเฉิงและเสิ่นอีเวย แล้วเสียดสีด้วยการหัวเราะพูดว่า “ไม่คิดเลยว่า ข่าวข้างนอกบอกว่าสามีภรรยาของตระกูลเซิ่งซื่อนั้นไม่ค่อยดี และประธานเซิ่งยังไม่ชอบภรรยาตัวเอง แต่วันนี้มาดูแล้ว ไม่ใช่แบบนั้นเลย ไม่คิดว่าประธานเซิ่งจะเสี่ยงให้บริษัทตัวเองเสียหายเพื่อปกป้องภรรยาตน ไม่อยากจะเธอนั้นมาขอโทษผม”
เจิ้งอวิ๋นชวนพูดเสร็จ เสิ่นอีเวยก็ได้มองไปยังเซิ่งเจ๋อเฉิง ซึ่งสีหน้าเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรแม้แต่นิดเดียว
พอฟังเจิ้งอวิ๋นชวนแล้ว รู้สึกอย่างไรล่ะ ? เสิ่นอีเวยคิดแล้วคิดเล่าก็ได้บทสรุปว่า เป็นการตอบโต้หรืออาจจะเป็นการรังเกียจก็ย่อมได้
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้มองไปยังหน้าเธอ เขาได้เงียบไปสักครู่ แล้วมองไปยังเจิ้งอวิ๋นชวนแล้วพูดว่า “ไม่คาดคิดเลยว่า คุณเจิ้งอยู่ถึงต่างประเทศ โดยปกติไปแต่สถานเริงรมย์ ยังมีเวลามาสอดเรื่องชาวบ้านอีก ลำบากคุณเจิ้งแล้ว”
คำเสียดสีเมื่อสักครู่นี้ก็ไม่ได้มีความชัดเจนขนาดนั้น เสิ่นอีเวยได้ตรวจสอบสภาพภายนอกของเจิ้งอวิ๋นชวนแล้วก็เห็นว่าเขานั้นยิ้มแบบตื้นๆ แต่กลับเขาไม่สามารถเอาความยโสของเขากลับมาได้
เมื่อมองเห็นสภาพที่ไม่เหมือนกันของชายสองคน เสิ่นอีเวยก็ได้เพียงแต่ถอนหายใจอยู่ในใจ
เจิ้งอวิ๋นชวนกับภาพในหัวที่ไม่เหมือนเดิม นั่งอยู่กับตรงข้ามเซิ่งเจ๋อเฉิง เขาไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจเขา อายุน้อยมีปณิธาน ทำงานขึ้นมาโผงผางน่าเกรงขาม แม้แต่พ่อของเขาเจิ้งโป๋หงก็ยังชื่นชมในตัวเขา
แต่เจิ้งอวิ๋นชวนกลับไม่ยอมอยู่ภายในกำมือของเขาอย่างแน่นอน
เจิ้งอวิ๋นชวนก็ได้คิดประโยคคำพูดอยู่ในใจ “ประธานเซิ่งเป็นคนที่ทำธุรกิจมายาวนาน ใช้อารมณ์เด็กในการยกเลิกสัญญา ในใจคุณก็รู้ดีว่าจะต้องเสียหายหนักขนาดไหนกับการที่จะยกเลิกข้อตกลงนี้ ผมก็เพียงแค่ที่จะเตือนคุณเท่านั้นเอง”
เสิ่นอีเวยปากของเธอก็ประกบแน่นยิ่งขึ้น เมื่อสักครู่นี้เจิ้งอวิ๋นชวนบอกว่าจะยกเลิกข้อตกลง เขากลับไม่ได้มีความคิดอะไร ตอนนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ตอบกลับไป ยังมาพูดว่าอารมณ์เสียเหมือนเด็ก
ท่าทางของเจิ้งอวิ๋นชวนอยู่ทำให้เสิ่นอีเวยเกลียดไปใหญ่ ตอนแรกคิดว่าเป็นการทำให้บรรยากาศเลวร้ายเฉยๆ เธอจึงไม่ได้อยากพูดอะไร แต่ตอนนี้ได้ยินว่าเจิ้งอวิ๋นชวนกำลังจะทำลายเซิ่งเจ๋อเฉิง เธอรู้ตัวเองว่าอดทนไม่ไหวแล้ว แล้วก็จะไม่อดทนแล้ว
พอเซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังจะพูด เสิ่นอีเวยก็พูดขึ้นแทรกว่า “คุณเจิ้ง คำพูดของท่านนั้นมีความหมายจริง ๆ คุณบอกว่าประธานเซิ่งอารมณ์เสียเหมือนเด็ก ชั้นก็อยากจะถามว่า เมื่อสักครู่ที่คุณใช้การยกเลิกสัญญามาบังคับเขา ตอนนี้ควรจะเป็นอย่างไร ?