สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 238
บทที่ 238 ฉันเรียกเธอให้ขึ้นรถทำเป็นหูทวนลมหรอ
เสิ่นอีเวยก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ อากาศโดยรอบอุณหภูมิค่อยลดลงเรื่อยๆ
ตอนที่หล่อนกำลังก้าวเดินไปแล้วคิดไปว่าจากที่นี่ไปถึงบ้านจะใช้เวลาเดินนานเท่าไหร่นั้น ด้านหลังกลับมีเสียงรถยนต์ดังมาหล่อนแทบไม่ได้สนใจได้แต่เดินมุ่งหน้าต่อไป
ไม่นาน เสียงของเครื่องยนต์รถสีดำดังมาจากด้านข้างของตัวเองแถมยังพาลมหนาวมาด้วย เสิ่นอีเวยได้แต่หันกลับมามองทางด้านขวาของตัวเอง
เซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนขับรถเร็ว ยิ่งบริเวณด้านหน้าไม่ไกลนั้นเป็นช่วงโค้ง กว่าเสิ่นอีเวยจะได้สติก็มองไม่เห็นเงารถของเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้ว
เขาขับรถไปไกลแล้ว เสิ่นอีเวยเลยไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเขาดังมาเข้าหูอีก รอบตัวของเสิ่นอีเวยมีแต่เสียงคลื่นกระทบเข้าหน้าผา แล้วก็มีเสียงหวูดร้องของเรือข้ามฟากที่ดังมาจากแม่น้ำในระยะไกลเป็นระยะๆ
ถึงแม้ว่ามันดังมาจากที่แสนไกลแต่เหมือนมันห่างอยู่ไม่ไกล
นอกจากเสียงสองแล้วนั่นแล้ว รอบตัวเสิ่นอีเวยถึงกลับเงียบสนิท ตอนที่รถของเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ด้านหลังเธอ เธอยังรู้สึกว่าแสงสลัวพระจันทร์ในค่ำคืนนี้ช่างเหมือนภาพศิลปะแบบนั้น
แต่ว่าตอนนี้ล่ะ?
แสงสลัวของพระจันทร์ที่ส่องลงมาด้านล่างนั้นมันทำให้ก้าวเดินแต่ละก้าวอย่างช้าๆของเสิ่นอีเวยนั่นยิ่งแปลกพิกลไปมาก เมื่อในใจกลับคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแทบไม่อยากอยู่ที่ต่อไปอีกแล้ว
ใจเสิ่นอีเวยเริ่มสั่นกลัวได้แต่จ้ำเท้าเดินไปข้าวหน้า
ถึงแม้ว่าใบหน้าไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา แต่ในใจของหล่อนเอาแต่ด่าทอเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ตลอด
ไอ้ผู้ชายทุเรศ! เอาหล่อนมาทิ้งไว้ในที่มืดจนมองนิ้วมือไม่เห็นแบบนี้! คุณยังเป็นผู้ชายจริงๆใช่ไหม!
เสิ่นอีเวยเอาแต่ด่าทอเขาอยู่ในใจหลายนาทีจนสักพักถึงสงบสติอารมณ์ได้ ในใจถึงได้รู้สึกเสียใจขึ้นมา เรื่องนี้ หล่อนไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าบางเวลา ทุกคนสามารถโกหกคนอื่นได้ แต่ไม่สามารถที่จะต้องโกหกตัวเอง
เพราะว่าใจของตัวเองนั้นไม่สามารถโกหกได้สำเร็จ
ถ้ารู้ว่าตัวเองหวาดกลัวขนาดนี้แล้วละก็ เมื่อครู่คงไม่ควร “ดื้อรั้น” ลงจากรถ จะเถียงกับเขาต่อสักสองสามประโยคแล้วจะเป็นยังไง? อย่างมากก็ถูกผู้ชายขี้โมโหคนนั้นตอกกลับมาสักสองสามประโยค ไม่ต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าอดสูในตอนนี้หรอก…
เสิ่นอีเวยได้แต่คิดแบบนั้น ตอนนั้นกลับมีลมพัดตีเย็นจนเข้ากระดูกมาอีกระลอก หล่อนคิดว่าลมที่พัดมาโดนตาของตัวเองนั้นมันพัดจนจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว พอลืมตาได้ในดวงตากลับมาความชื้นเปื้อนดวงตาอยู่แทน
เสิ่นอีเวยแทบไม่รู้ว่าคืนนี้ตัวเองเป็นอะไรกันแน่ ในใจเหมือนคนน้อยเนื้อต่ำใจ จมูกเริ่มแสบขัดขึ้นมา
ณ เวลานั้นเอง เซิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังขับรถอย่างไม่เร่งรีบและไม่ช้ามาก อยู่ดีๆก็เหยียบเบรค เขาจำไม่ได้แล้วว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ใจเขาไม่เหมือนเรื่องในคืนนี้ที่มันวุ่นวายไปหมด
แต่ทั้งหมดนี่ มันเกิดขึ้นเพราะผู้หญิงคนเดียวที่ชื่อว่าเสิ่นอีเวย สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
เรื่องจริงแล้วตอนที่เขาเหยียบคันเร่งเร่งรถออกมาแล้วทิ้งหล่อนไว้คนเดียวนั้น ทั้งหมดมันมาจากอารมณ์ที่ไม่ทันคิดของเซิ่งเจ๋อเฉิงทั้งหมด แต่ตอนนี้กลับมาคิดอีกที ในใจของเขากลับมีความรู้สึกอยากย้อนกลับไป
หากเป็นนิสัยของตัวเองแต่ก่อน ไม่มีทางหรอกที่จะอ่อนแอยอมแพ้ให้เสิ่นอีเวยแบบนี้
แต่ในเวลานี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงแน่ใจแล้วว่าหัวใจของตัวเองค่อยๆเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ที่แท้เรื่องบางเรื่องตัวเองก็ไม่สามารถที่จะควบคุมมันไว้ได้
หรือคำว่าเสิ่นอีเวยคำนี้ บางทีอาจเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถแน่นอนสำหรับชีวิตของเขา
ทันใดนั้น อาการป่วยของเสิ่นอีเวยก็แวบเข้ามาในสมองของเขา เซิ่งเจ๋อเฉิงเงียบอยู่ในสักพัก เขาเริ่มหนักใจขึ้นมาเรื่อยๆ ผู้หญิงคนนั้นป่วยอยู่ ยิ่งสภาพอากาศด้านนอกหนาวเย็นขนาดนี้อีก เขายังทิ้งหล่อนไว้ด้านนอกอีก
คิดมาจนถึงขั้นนี้ได้แล้ว เหมือนพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เซิ่งเจ๋อเฉิงรีบจับพวงมะลายแล้วหันหัวรถเลี้ยวกลับอย่าไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว เขารีบเหยียบรถ รถก็รีบเร่งกลับไปทิศเดิมยังกับบินกลับไป
รถของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่เพิ่งขับผ่านเสิ่นอีเวยไปเมื่อครู่ถือว่าค่อยๆขับผ่านไป เพราะฉะนั้นระยะห่างของเขาและเสิ่นอีเวยถือว่าไม่ได้ไกลมากนัก พอมองไกลๆเขาก็เห็นผู้หญิงที่กำลังเดินช้าๆอยู่บนถนน
ดูเหมือนว่าจะหนาวจนทนไม่ไหวแล้ว เสิ่นอีเวยเอื้อมแขนทั้งสองข้างมาโอบกอดตัวเองเอาไว้ ผมของหล่อนก็ดูเหมือนยุ่งเหยิงอาจจะเป็นเพราะลมที่พัดมาก็ได้ บริเวณหน้าผากก็มีผมหลุดลุ่ยอยู่ด้านหน้า
ยามที่ลมพัด ไรผมก็ปลิวไสวแยกจากกัน เสิ่นอีเวยแทบไม่ได้เอื้อมมือไปจัดให้เข้าที่ ได้แต่ปล่อยให้มันพัดปลิวไสวไปตามแรงลม เซิ่งเจ๋อเฉิงจอดรถบริเวณด้านหน้าของเสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยถึงกับตกใจ แต่ที่หล่อนทำได้คือเงยหน้ามองเขา พอเห็นชัดเจนว่าเป็นเซิ่งเจ๋อเฉิงใบหน้าก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา
แต่สิ่งที่เซิ่งเจ๋อเฉิงคาดไม่ถึงก็คือ เผลอแปบเดียวเสิ่นอีเวยก็เดินผ่านหน้าเขาไปยังถนนด้านหน้า หล่อนแทบไม่มองเขาสักนิด
“…..”
ในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนโดนหมัดต่อยเข้าอย่างจัง แต่ไม่ได้เจ็บอะไรมากนัก แค่รู้สึกเจ็บจี๊ด มันเป็นความรู้สึกเจ็บที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
เซิ่งเจ๋อเฉิงมองออกว่า เมื่อครู่เสิ่นอีเวยไม่ใช่ว่ามองไม่เห็นเขา แต่สิ่งที่เขาคิด ตอนที่หล่อนมองเห็นเขาในเวลานั้นในสายตาหล่อนก็เหมือนไม่มองดีกว่ามอง มันช่างเย็นชา ไม่รู้จักกัน แถมยังมีความรู้สึกห่างเหินขึ้นมาอีก
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยเลยที่ใครกล้าที่จะทำแบบนี้กับตัวเขา แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ กลับมาทำให้เขาต้องสู้กับความอดทนของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าจนถึงขีดสุด
มีบางครั้ง เซิ่งเจ๋อเฉิงยังคิดว่าเสิ่นอีเวยบ้าถึงทำได้ขนาดนี้ แต่ว่าช่วงเวลาที่ผ่านเรื่องราวและอารมณ์ของหัวใจที่ผ่านมา เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงได้รู้ว่าตัวเองบ้าไปแล้ว
บ้าที่สุดฉุดไม่อยู่เลย
ในใจก็คิดว่าตัวเองจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว แต่มือของเซิ่งเจ๋อเฉิงกับลดกระจกลงเหมือนไม่ตั้งใจ
ตอนที่กระจกรถลดต่ำลงในเวลานั้น อยู่ดีๆก็มีลมพัดแรงทะลุเข้ามา เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกว่าความอบอุ่นใบหน้าของตัวเองกลับมีความหนาวเข้ามาแทนทีทันที
ด้านนอกอากาศหนาวเย็น ทว่าตอนนี้เขากลับไปสนใจเรื่องอะไรมากอีกต่อไป
ยิ่งมองด้านหลังของคนที่ยังดื้อดันปากแข็งเดินต่อนั่น เขาได้แต่กัดปากจนเปิดปากพูด : “ขึ้นรถ”
เอาเข้าจริงเสียงของเขาไม่ได้ดังมากมายอะไร แต่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงก็กล้ามั่นใจเลยว่า ระยะห่างแค่นี้ผู้หญิงคนนั้นต้องได้ยินเสียงเขาแน่ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงตกใจก็คือ เสิ่นอีเวยยังไม่ยอมหยุดเดินไปข้างหน้า หล่อนยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ
ตัวเองถูกทำมองข้ามไปแล้ว ในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงสรุปได้แบบนั้น
เป็นถึงท่านประธานของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเซิ่งซื่อ เขาทนไม่ได้กับสถานการณ์นี้ได้แน่
“ฉันเรียกเธอให้ขึ้นรถ!”
คราวนี้ เขาใช้เสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมมากนัก อากาศที่ว่าหนาวแล้วกลับถูกเสียงที่เย็นเฉียบของเขาทำให้มันแตกกระจาย
ท่านประธานเริ่มโกรธขึ้นมาแล้วมันอาจที่จะมาล้อเล่นได้อีก แต่ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในเวลานั้นกับไม่มีผลกระทบอะไรกับเสิ่นอีเวยเลยสักนิด
ยิ่งเซิ่งเจ๋อเฉิงใช้อารมณ์แบบนี้กับหล่อน หล่อนรีบเร่งความเร็วในการเดินขึ้นไปให้ไวกว่าเดิมอีกจนเหมือนว่าเป็นการวิ่งเหยาะๆเข้าไปทุกที
จริงๆแล้วเสิ่นอีเวยก็รู้สึกว่าตัวเองก็ทำตัวแปลกประหลาดอยู่เหมือนกัน เมื่อครู่ยังรู้สึกเสียใจอยู่เลยที่ตัดสินใจลงรถขามา แต่ตอนนี้เขามาปรากฎกายอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว ความโกรธที่อยู่ในใจไหงมันกลับมามากขึ้นกว่าเดิมล่ะ?
เสิ่นอีเวยคิดไม่ออกจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ หล่อนไม่คิดที่จะหักหลังตัวเองในเรื่องที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว ฉะนั้นหล่อนจึงเดินไปยังด้านหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจซะเหลือเกิน