สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 253
บทที่ 253 อยากจะถามเซิ่งเจ๋อเฉิงให้ชัดเจน
ในใจเสิ่นอีเวยมีความกลัวเกิดขึ้น เธอเลยจ้องมองไปยังเซียวหันถิง
แต่ที่ทำให้เสิ่นอีเวยคิดไม่ถึงคือ เซียวหันถิงยิ้มแบบไม่มีเสียง แล้วมองไปยังหน้าเธอแล้วพูดว่า “ความจริงคุณตอบผมก็ไม่ต้องมีความกดดันอะไรเลย ความรักชายหญิงโดยจริงแล้วก็ต้องทำตามความสมัครใจของสองฝ่าย ผมถือว่าเป็นสุภาพชนคนหนึ่ง แน่นอนว่าจะไม่ใช้วิธีสกปรกอย่างแน่นอน คุณวางใจได้”
คนที่อยู่สูงส่งขนาดนี้ ในทันใดใช้คำพูดเหล่านี้ เลยทำให้เสิ่นอีเวยอย่างน้อยก็ต้องตกใจบ้างแล้วล่ะ
และอีกทั้งคนคนหนึ่งที่กำลังพูดความจริงออกมานั้น จะสามารถทำให้ผู้รับมีความรู้สึกถึงได้ ดังนั้นเสิ่นอีเวยก็สามารถรับรู้ได้ว่าเซียวหันถิงนั้นพูดออกมาจากใจ
เซียวหันถิงเหมือนจะคิดอะไรได้ก็เลยพูดเสริมไปว่า “นอกจากนั้น ผมอยากจะสานความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อน ผมหวังว่าหากจะให้ผมช่วยอะไร ก็ขอให้บอกมาเถิด ผมจะทำสุดกำลัง อย่างไม่ปฏิเสธ”
เซียวหันถิงพูดเมื่อสักครู่นี้ล้วนเป็นความจริงใจ เสิ่นอีเวยเลยมีความตื้นตันใจ เลยยิ้มแล้วพูดไปว่า “ดี สัจจะนี้ถือว่าเป็นคำมั่น ฉันขอขอบคุณประธานเซียวด้วยค่ะ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันยังมีเรื่องที่จะต้องไปสะสาง ประธานเซียว ฉันขอตัวนะคะ” เสิ่นอีเวยถือกระเป๋าแล้วก็ยืนขึ้นมา
เซียวหันถิงลุกขึ้นแล้วเดินตามหลัง ตอบกลับว่า “โอเคครับ หวังว่าลำดับต่อไปที่สำเร็จทุกอย่าง”
เสิ่นอีเวยพยักหน้าแล้วกำลังจะเดินออกไป เซียวหันถิงเหมือนคิดอะไรใดก็พูดขึ้นมาว่า “คุณหญิงเสิ่น”
เสิ่นอีเวยหยุดเดินแล้วหันกลับมาว่า “ประธานเซียวยังมีเรื่องอะไรอีกไหมคะ ? “
“โรคของคุณ เป็นอย่างไรบ้าง” เซียวหันถิงค่อย ๆ พูดดออกมาก
เสิ่นอีเวยรู้สึกเหมือนเจ็บ ๆ ปวด ๆ เพราะเมื่อสักครู่นี้ได้เกิดความเครียด แต่ก็ได้ยิ้มตอบกลับไปว่า “ตอนนี้ฉันกำลังจะเข้ารับการรักษาแล้วค่ะ”
พอพูดเสร็จ เสิ่นอีเวยก็จะเดินออกจากร้านน้ำชา
วันนี้เป็นวันที่อากาศดี ถึงแม้จะมีลมบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหนาวอะไร ขณะที่เธอเดินอยู่กลางถนนอยู่นั้น ก็ได้เกิดแผนการอะไรขึ้นมา
เสิ่นเหยียนชิ่งได้เล่าถึงความเป็นมาของเรื่องราวที่พ่อแม่เธอนั้นได้ประสบ สิ่งที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้คือ ในใจเธอนั้นเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง แต่ในเมื่อเรื่องแบบนี้ทำการสำรวจมาตั้งแต่ ในที่สุดท้ายก็ได้คำตอบ ก็จะให้มันหยุดอยู่แค่นี้ต่อหน้าเธอแบบนี้คงไม่ได้
แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ จะต้องรักษาความเสถียรภาพ แน่นอนว่าจะห้ามทำอะไรที่รวดเร็วเกินไป
ดังนั้นก่อนที่จะทำอะไร จะต้องมีหลักฐานและน้ำหนักพอจากคำพูดของเสิ่นเหยียนชิ่ง
แต่เรื่องแบบนี้จะไปถามใครล่ะ ? เซิ่งเจิ้นอวิ๋น ? ไม่ ไม่ได้ ตอนนี้เธอไม่อาจจะไปหาเขาและถามเขาในเวลาที่รวดเร็วขนาดนี้
เรื่องนี้ก็ผ่านมาสี่ปีแล้ว หากอยู่ดีดีไปถามเรื่องแบบนี้กับเซิ่งเจิ้นอวิ๋นแบบไม่มีอะไรเตรียมการ ไม่เพียงแต่ทำอะไรไม่ได้ ยังเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
ในขณะที่เสิ่นเหยียนชิ่งได้นำเรื่องราวทั้งหมดบอกกล่าวให้แก่เธอ ในหัวสมองของเสิ่นอีเวยก็มีชื่อหนึ่งออกมาจากหัวสมองของเธอ ซึ่งในตอนนี้ก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่ต้องสงสัย นั่นคือ เซิ่งเจ๋อเฉิง
เพราะว่าก่อนหน้านี้หนึ่งวินาที เธอนั้นได้คิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาทันที เมื่อก่อนนานมาแล้วมีค่ำคืนหนึ่ง ตอนที่เธอฝันร้ายแล้วลงมาดื่มน้ำหนึ่งแก้ว ก็ได้เหลือบไปเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังพูดโทรศัพท์กับบางคน
ในสายโทรศัพท์นั้น เธอได้ฟังเสียงและคำพูดจาก ซึ่งได้จดจำไว้อยู่ในใจจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ลืม
หากคุณรู้สึกผิดก็ไปมอบตัวเอง ไปสารภาพเรื่องราวที่คุณนั้นทำไว้ ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ผมมาชดใช้เธอแทนคุณ
เหมือนกับที่จะคิดมากคิดไปไกล เสิ่นอีเวยในใจทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา ใช่แล้ว ไม่ผิดเลย เป็นประโยคนี้แหละ
เมื่อสักครู่นี้กำลังคิดคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิง และได้ขบคิดกับเรื่องสี่ปีก่อนที่เสิ่นเหยียนชิ่งได้พูดกับตัวเองแล้ว หรือว่า….
คืนนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นได้พูดกับใคร ? เซิ่งเจ๋ออวิ๋น ?
เสิ่นอีเวยได้คิดเรื่องสกปรกในหัวขึ้นมา หากเธอนั้นเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ ในคืนนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงได้พูดเรื่องราวเมื่อสี่ปีก่อนแน่นอน
ทันใดนั้น เสิ่นอีเวยมือเท้าเย็นไปหมด เสียความอบอุ่นของร่างกาย หาก….หากเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะก็ ทำไมเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่พูดกับเธอ ?
เซิ่งเจ๋อเฉิง เซิ่งเจ๋อเฉิง…..ทำไมคุณถึง…?
เธอนั้นได้ถือกระเป๋าอย่างสั่นในมือ แล้วเอากุญแจรถออกมา แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ
“ปั้ง” เสียงประตู
เสิ่นอีเวยมือตรงพวงมาลัย จับอย่างแน่นอน แล้วค่อย ๆ ปรับอารมณ์ของตัวเอง ในใจอยากจะสงบลง แต่ก็ไม่อาจจะสงบได้ เนื่องจากเธอคิดว่าเธอนั้นคาดการณ์ไว้ถูกต้องแล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้ทุกอย่าง แต่ไม่กล้าที่จะสารภาพกับเธอ
เขาคิดว่าเธอนั้นเป็นคนโง่หรือ!
เสิ่นอีเวยได้เหยียบไปที่คันเร่งอย่างสุดกำลัง ด้วยสายตาที่เยือกเย็น
รถที่กำลังแล่นไปถึงนั้นก็คือที่ทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิง บริษัทเซิ่งซื่อ