สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 259
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 259 ทำไมถึงต้องถามถึงเรื่องนี้
พี่ชายแท้ ๆ ของเขา เซิ่งเฉิงเฟิง เป็นตำรวจที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง เพราะเมื่อห้าปีก่อนที่กำลังจับนักโทษโดนกระสุนยิงจนเสียชีวิต
ดังนั้เขาเลยไม่อาจผิดต่อมโนธรรมของเขา เลยไม่อาจจะปกป้องคนอย่างเจิ้งอวิ๋นชวนไ
เพราะว่าคิดถึงเรื่องอดีต เลยทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงมีอารมณ์ความรู้ที่เปลี่ยนไป สายตาของเขาก็เริ่มมีการกระตุก และไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เสิ่นอีเวยก็ได้แค่ยืนอึ้งอยู่ ณ นอกประตู
เจิ้งโป๋หงดูอาการของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องจริงแน่นอน
วินาทีต่อมา เจิ้งโป๋หงก็ได้พูดออกมาว่า “ขอบคุณที่คุณชายเซิ่งบอกด้วยความจริงใจ ลาก่อน”
พอพูดเสร็จก็กำลังเดินออกจากห้อง ซึ่งเสิ่นอีเวยที่อยู่นอกห้องก็กำลังอึ้งอยู่เลยไม่ได้ขยับตัวไปไหน จนถึงตอนที่มีคนเปิดประตูออกมาก็เลยถึงจะกลับมารู้สึกตัว
“คุณหญิงเสิ่น คุณอยู่ที่นี่ได้ไง ? ” เจิ้งโป๋หงพูด
เสิ่นอีเวยก็อึ้งไปอีกครู่หนึ่ง แล้วคิดว่าจะตอบอย่างไร
เสิ่นอีเวยกำลังสับสนกับอะไรหลาย ๆอย่าง และยังคิดอยู่กับสิ่งที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูด เลยไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
เสิ่นอีเวยมีสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติ เพราะว่าเรื่องราวที่ผ่านมาถูกเจิ้งอวิ๋นชวนแกล้งซะเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจิ้งโป๋หงดังนั้นเธอก็ยังที่จะเคารพเขาอย่างจริงใจ
เธอยิ้มแล้วตอบว่า “ดิฉันมาหาเซิ่งเจ๋อเฉิงเพื่อถามบางเรื่องค่ะ”
เจิ้งโป๋หงไม่ได้ออกสีหน้าอะไร แล้วก็ได้พยักหน้า แล้วขณะที่กำลังจะเดินออกไปก็ได้พูดว่า “คุณหญิงเสิ่น”
เธอได้ตกใจแล้วหันกลับมาว่า “ประธานเจิ้ง ยังมีอะไรอีกไหมคะ ?”
“สำหรับเรื่องของลูกชายผม ต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะครับ หวังว่าคุณจะให้อภัย”
เจิ้งโป๋หงพูดออกมาก็รู้สึกทำให้เธอนั้นตกใจ ดังนั้นเธอก็ได้พยักหน้า แล้วเจิ้งโป๋หงก็ได้หันกลับไปเดินออกจากที่นี่
เสิ่นอีเวยเห็นเจิ้งโป๋หงเดินไป แล้วในใจก็คิด หากเจิ้งอวิ๋นชวนเหมือนพ่อของเขา รู้จักที่ต่ำที่สูง ก็คงไม่เป็นเช่นนี้หรอก
เสิ่นอีเวยได้ถอนหายใจ แล้วก็กลับมายังเรื่องของตัวเองต่อ
สำหรับเรื่องในค่ำคืนนั้นที่เกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอ ไม่รู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะพูดอะไรออกมา เสิ่นอีเวยในใจก็ไม่มีคำตอบ
เธอก็ได้ยืนอยู่หน้าประตู แล้วก็ได้เคาะประตู
“ตง ตง ตง” เสียงนั้นชัดเจนใส แล้วข้างในห้องก็ได้มีเสียงพูดว่า “เข้ามา”
เสิ่นอีเวยเปิดประตูอย่างช้า ๆ
สายตาแรกก็เห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง รู้สึกถึงความเสียใจอย่างไม่ชัดเจน แต่ในความทรงจำของเธอนั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงชอบอยู่ที่มุมนั้น ทุกครั้งที่เปิดประตูเข้ามาก็มักจะเห็เขาในสภาพแบบนั้น
เสิ่นอีเวยรู้สึกตกใจ ประหลาดใจ ก่อนเข้ามารู้สึกตื่นเต้น แต่ทำไมเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงก็กลับรู้สึกถึงความสงบนิ่ง
นี่เพราะอะไร ? ไม่รู้อะไรเลย
เสิ่นอีเวยยืนอยู่ที่เดิม ซึ่งคิดอยู่ว่าจะพูดกับเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างไรดี แต่ฝ่ายตรงข้ามก็หันมาก่อน
เซิ่งเจ๋อเฉิงหันกลับมาแล้วเห็นเสิ่นอีเวย สายตาชัดเจนว่ารู้สึกตกใจ แล้วพูดว่า “คุณมาทำอะไร ?”
เสิ่นอีเวยมองเซิ่งเจ๋อเฉิงด้วยความสงบเงียบ ในใจนั้นสงบเงียบอย่างที่สุด “ฉันมา ก็อยากจะถามเรื่องเรื่องหนึ่งกับคุณ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรมากมาย เหมือนกับเปิดประเด็นมาเลย
แต่เสิ่นอีเวยพบว่า คนที่กำลังจะเผชิญกับความตื่นเต้นที่สุดไม่ว่าจะเตรียมตัวมาดีอย่างไรก็ยากที่จะรับมือได้ เพราะว่าถ้ามันจะมาก็ถา มันจะไปก็ไป
ความตื่นเต้น ไม่สบายใจ ขนาดที่จะไม่อยากจะพบเจอและอยากจะหลีกหนีแต่ก็ไม่อาจจะหลีกหนีพ้นได้เลย
ใตอนนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงที่มองไปยังเสิ่นอีเวย ก็เริ่มมีสายตาอ่อนลง เพราะรู้ว่าตัวเองควรจะเปิดคำถามกับผู้ชายคนนี้ได้แล้ว
เปิดประเด็นอย่างชัดเจน เพื่อที่จะเข้าให้ถูกที่ถูกทาง
พอคิดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยพูดว่า “วันนี้ฉันจะมาถามเรื่องที่พ่อแม่ฉันมาเข้าร่วมงานของบ้านตระกูลเซิ่งในค่ำคืนนั้น”
บรรยากาศรอบข้างก็เริ่มเงียบลง
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่ในใจของเสิ่นอีเวย ตลอดมาไม่ใช่คนที่อ้อมค้อม ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร ผู้ชายคนนี้ก็จะพูดอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นเธอก็เลยพูดออกมาจากเถรตรง
เพราะว่าเสิ่นอีเวยได้ใช้ความจริงใจ เพื่อมาแลกความจริงใจจากเซิ่งเจ๋อเฉิง
แต่พอถึงตอนนี้เสิ่นอีเวยก็ยังถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงมองด้วยความน่ากลัวและเสียดสี
ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้คือผู้ชายที่น่ากลัวคนหนึ่ง อารมณ์ดีหรือร้ายก็ไม่แสดงให้เห็น แต่ในตอนนี้เธอกลับรู้สึกถึงการไม่สามารถบังคับตัวเองได้
คนที่แสดงถึงอารมณ์ที่ตกใจเช่นนี้ หมายถึงอะไร ?
โดยเฉพาะคนอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิง
ซึ่งอธิบายได้ว่า คำถามที่เธอถามนั้นสามารถพิสูจน์และรับรองได้จากเซิ่งเจ๋อเฉิงว่าเป็นเรื่องจริง
สองคนนั้นก็ยืนอยู่ที่เดิม ระยะห่างไม่ถึงสามถึงห้าเมตร แต่เสิ่นอีเวยกลับรู้ว่าห่างกันเหมือนภูเขากับทะเล ระยะเวลาของสองคนนั้นเหมือนกับผ่านมาแล้วเป็นศตวรรษเช่นนั้น
ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เซิ่งเจ๋อเฉิงก็เลยพูดออกมาว่า “ทำไมถึงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ?” ผู้ชายที่เถรตรงตลอดมา ไม่รู้ว่าทำไมรอบนี้ถึงได้ตอบอ้อมค้อมขนาดนี้ และได้หนีสายตาของเสิ่นอีเวย เพื่อไปมองบนโต๊ะทำงานของตนเอง
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้เดินไปยัง ณ ที่นั้น และได้ไปอ่านเอกสารเหล่านั้นที่อยู่บนโต๊ธ
เสิ่นอีเวยได้ย้ายสายตาไปยังผู้ชายคนนั้นที่อยู่บนโต๊ะทำงาน ใบหน้าที่หล่อเหลาเท่ห์เหลือเกิน ในระยะเวลานั้นเหมือนกับเกิดความสงบแบบมีความสุขแปลก ๆ