สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 261
บทที่ 261 กลายเป็นศัตรูอีกครั้ง
ในเวลาอันแสนสั้น เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าจะอธิบายกับความรู้สึกนี้อย่างๆร เซิ่งเจ๋อเฉิงผู้ชายคนนี้ทำไมถึงสังเกตการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเองได้
แต่ในขณะที่เป็นช่วงเวลาสำคัญขนาดนี้ เธอไม่อยากจะไปต่อล้อต่อเถียงกับผู้ชายคนนี้
เสิ่นอีเวยยิ้มอ่อน เหมือนกับกำลังปฏิเสธทุกสิ่งยิ่งบนโลกใบนี้
“ต่อให้เป็นอย่างที่คุณพูด แล้วจะทำล่ะ ? เมื่อสักครู่นี้ชั้นไม่ได้โกหก คุณจะเชื่อหรือไม่นั้นกช่างมันเถอะ” เสิ่นอีเวยก็ยังโกหกต่อไป
แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็ได้เห็นสีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่น่าเกลียดอย่างเป็นที่สุด ชัดเจนว่า ความอดทนของเขานั้นถูกเธอนั้นทำให้ถึงขีดสุดแล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงหันกลับไป แล้วนั่งบนเก้าอี้ สองมือกำแน่น ทั้งตัวของเขานั้นเหมือนกับเต็มไปด้วยความโกรธ
“คุณได้พบกับเสิ่นเหยียนชิ่งแล้วใช่ไหม ?” เซิ่งเจ๋อเฉิงถามขึ้นมาทันที
เสิ่นอีเวยตกใจแล้วพูดว่า “คุณรู้ได้อย่างไร ? ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มแสยะ แต่ไม่ได้ออกมาชัดเจนนั้น แต่ว่าหากเสิ่นอีเวยมองไม่ผิดแล้วล่ะก็ เมื่อสักครู๋นี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงที่มี่สายตาเต็มไปด้วยความอาฆาต กลับหายไปอย่างรวดเร็ว
ผู้ชายคนนั้นก็ได้เบนสายตา แล้วก็จับโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทร
“หลินอวี้”
“อยู่ครับ เชิญท่านพูด” ในเสียงโทรศัพท์มีเสียงหลินอวี้ออกมา
เสิ่นอีเวยตกใจเพราะว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นเปิดลำโพง เขากำลังพูดอยู่กับหลินอวี้ หากเป็นเรื่องธุรกิจ แล้วทำไมจะต้องให้คนอื่นฟังด้วยล่ะ ? เธอกำลังตกใจ
“ติดต่อเสิ่นเหยียนชิ่งเดี๋ยวนี้ แล้วพาเขามาหาผม” เซิ่งเจ๋อเฉิงใช้น้ำเสียงที่ไม่มีความอ่อนโยนแต่อย่างใด
ในสายโทรศัพท์รู้จักหัวหน้าตัวเองเป็นอย่างดี อยู่ดีดีก็เรียกเสิ่นเหยียนชิ่งมาพบ แสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน
หลินอวี้ไม่ได้มีความสงสัยแต่อย่างใด แล้วพูดว่า “รับทราบ กำลังไป”
พอวางสาย เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้ตอบคำถามเมื่อสักครู่นี้ “เขาได้พูดอะไรกับคุณ ? ”
เสิ่นอีเวยมีความตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง แล้วบวกกับเมื่อสักครู่นี้ที่เขานั้นโทรหาเสิ่นเหยียนชิ่ง ซึ่งเดาได้อย่างแน่นอนว่าจะเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน
เลยรีบเก็บสีหน้าอารมณ์อย่างรวดเร็ว และสีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมกว่าเดิม ในเมื่อเรื่องราวมาถึงตอนนี้ และบวกกับคำถามที่เซิ่งเจ๋อเฉิงถามมา ฉะนั้นเธอก็คิดว่าจะนำเรื่องเหล่านี้บอกให้หมดไปเลยเสียดีกว่า
คิดแล้วคิด เสิ่นอีเวยก็พูดว่า “ชั้นกับเสิ่นเหยียนชิ่งได้พบกันวันนี้ พอพบเสร็จชั้นก็เลยมาหาคุณ เขาเป็นคนเดียวที่นอกเหนือจากคนตระกูลเซิ่งที่รู้เรื่องนี้เกือบทั้งหมด เขาได้บอกเรื่องราวของพ่อแม่ชั้นเมื่อสี่ปีก่อน และความที่ไม่พอใจพ่อแม่ชั้น พ่อคุณก็เลยทำร้ายชีวิตพ่อแม่ชั้น เลยให้คนใส่ยาลงไปในแก้วเหล้า”
เรื่องเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอ เสิ่นอีเวยรู้แล้วว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะต้องรู้เรื่องนี้ ดังนั้นในคำพูดของเธอก็ได้เลยพูดถึงเนื้อหาสำคัญมาบอกกับเขา แล้วดูว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะอธิบายอย่างไร
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้มองสายตาของเสิ่นอีเวยแล้วพูดว่า “ใช่ เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง”
ในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ยินยอมรับความจริงกับเรื่องนี้
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมในใจเขากลับเป็นห่วงขึ้นมา เป็นห่วงในเรื่องของวันนี้ที่คนสองคนกำลังจะพูดเรื่องนี้อย่างชัดเจนที่สุด เสิ่นอีเวยได้มองคนตระกูลเซิ่งในแนวไหน
แต่เป็นเมื่อก่อน เซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้เลย เพียงแต่เวลาเขาทำงานอะไรก็จะมีกฎเกณฑ์เป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นจะต้องไปทำตามความต้องการของคนอื่น และไม่ต้องขอความคิดเห็นจากคนอื่น
แต่เรื่องแห่งความจริงที่ไม่อาจจะลบออกไปได้เลย เขาไม่อาจจะไม่ยอมรับ ใครก็ไม่อาจจะไม่ยอมรับได้ และเขาก็ไม่อยากจะหลอกเสิ่นอีเวยอีกต่อไป
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่พูดเสร็จไปแล้ว เสิ่นอีเวยก็เหมือนหัวใจจะหยุดเต้นลง
สิ่งที่เธอได้ฟังจากเสิ่นเหยียนชิ่งเกี่ยวกับเรื่องพ่อแม่ของเธอนั้นได้รับการพิสูจน์ความจริงจากเซิ่งเจ๋อเฉิง ในใจเธอเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างเป็นที่สุด
ก็แค่เจ็บใจไม่ใช่หรือ ?
ในระยะเวลาหนึ่งนาที หัวสมองของเสิ่นอีเวยก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ซึ่งทำให้เธอนั้นสับสนอย่างไม่ชัดเจน
หัวสมองของระเบิดออกมาเป็นพลุ
ทันใดนั้นเสิ่นอีเวยก็คิดไปเรื่องถึงคืนนั้น ซึ่งที่ตัวเองได้ผ่านห้องของเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วได้ยินเขาคุยโทรศัพท์
เสิ่นอีเวยได้กัดปากตัวเองแล้วยิ้ม ซึ่งในนั้นเต็มไปด้วยความน่ากลัว และยังมีความเยือกเย็นแห่งความน่ากลัวผสมอยู่ในนั้น
เสิ่นอีเวยพูดว่า “มีคืนหนึ่ง ชั้นได้ยินคุณคุยโทรศัพท์กับคนหนึ่ง “หากคุณรู้สึกผิด ก็ไปสารภาพความกับตำรวจซะ และได้พูดเรื่องราวทั้งหมด ไม่จำเป็นจะต้องให้ผมมารับรู้และชดใช้แทนคุณ” คำพูดในตอนนั้น ชั้นฟังอย่างตั้งใจ เซิ่งเจ๋อเฉิง ชั้นถามคุณหนึ่งคำ ตอนนั้นปลายสายคือพ่อของคุณเซิ่งเจิ้นอวิ๋นใช่ไหม ? ”
เสิ่นอีเวยถามอยากจริงจัง
เซิ่งเจิ้นอวิ๋น เมื่อสักครู่ที่เสิ่นอีเวยพูดคำนี้ขึ้นมา ในใจก็เต็มไปด้วยความเกลียดแค้น
เพราะว่าเสิ่นอีเวยรู้ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากเสิ่นเหยียนชิ่งที่เซิ่งเจิ้นอวิ๋นทำร้ายพ่อแม่ของเธอ เธอก็เลยไม่อยากจะใช้คำว่า “กง กง” มาเรียกเขาอีกแล้ว
เพียงแต่เซิ่งเจ๋อเฉิงพยักหน้า ฐานะของเซิ่งเจิ้นอวิ๋นในสายตาของเสิ่นอีเวย ก็คือคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา
เป็นพ่อของเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วทำไมล่ะ ? แล้วพ่อแม่ไม่สำคัญกับเธอกระนั้นหรือ!!
เสิ่นอีเวยยิ่งคิดก็ยิ่งมีความโมโหมากยิ่งขึ้น
ผ่านไปสักครู่นี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็พยักหน้า
“ปั้ง” เสียงที่ดังอยู่ในหัวสมองของเธอ
เสิ่นอีเวยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ใครล่ะพูดว่า หากรอเวลาแล้วอาทิตย์จะขึ้นสู่ฟ้า ?
ตอนนี้เรื่องราวทั้งหมดก็ชัดเจนหมดแล้ว แต่ทำไมตอนนี้โลกข้างหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยเมฆหมอก
เสิ่นอีเวยมองไปยังเซิ่งเจ๋อเฉิง สายตามีน้ำตา แล้วมีน้ำเสียงที่สั่นคลอน
“เซิ่งเจ๋อเฉิง ทำอย่างไรล่ะ ? ทำไมเหมือนกับคนนั้นเลยล่ะ กลายเป็นศัตรูกันอีกแล้ว