สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 263
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 263 ฉันไม่อาจจะกีดขวางคุณ
ในสมองของเธอนั้น “มึน” อยู่ในนั้น แต่สายตาก็เปิดกว้างมากขึ้น ลมหายใจแทบจะหยุดลง
ความจริงก็เป็นเพียงระยะเวลาที่แสนสั้น แต่เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าทำไมมันนานมาก ปากของเธอนั้นอ่อนมาก แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงกลับใช้แรงทั้งหมดที่มีไปจูบเธอ
เธออยากจะหนีออกไป แต่ก็ถูกผู้ชายคนนี้จับไว้อย่างแน่นที่สุด ข้างหลังก็แนบกับกำแพงที่เย็นมาก ๆ เสิ่นอีเวยไม่อาจจะขยับได้เลย ถึงแม้หัวสมองที่จะคิดอยู่แต่ว่าจะออกไปอย่างไร
เธอใช้แรงที่จะผลักเซิ่งเจ๋อเฉิงออกไป แต่กลับได้รับพลังความร้อนสะท้อนกลับมาจากตัวผู้ชายคนนี้
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เสิ่นอีเวยทันใดนั้นก็หน้าแดงขึ้นมา
แต่ในเวลานี้ หัวสมองของเธอเต็มไปด้วยความโกรธอย่างเป็นที่สุด
ซึ่งในตอนนี้ ถึงแม้จะรู้ว่าหากขั้นตอนการกระทำต่อไปจะทำร้ายเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่ว่าเสิ่นอีเวยกลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพราะผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว
หลังจากนั้น เธอรอโอกาสที่เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ทันระวังตัว ก็เลยได้เอาเข่าไปกระแทกระหว่างขาของเขา แต่เธอคิดว่าครั้งนี้คงไม่เหมือนครั้งก่อน ตอนที่ในใจกำลังจะตัดสินใจ แต่ขากลับมาหยุดอยู่ตรงที่กลางอากาศ
แต่ไม่ได้เพื่อที่จะมีจุดประสงค์อย่างอื่น เป็นเพราะเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นได้ยื่นมือออกมาจับขาเธอไว้
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังจูบอยู่เช่นนั้น แต่ว่าแรงที่จูบนั้นกลับไม่ได้ลดลงไปเลย ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกถึงความหมดหวัง แต่ขาขวาของเธอนั้นก็เหมือนมีไอร้อน ซึ่งเธอก็รู้ว่าเป็นมือของเซิ่งเจ๋อเฉิง
ซึ่งเขาก็รู้ว่าเสิ่นอีเวยกำลังจะทำอะไร เลยทำให้เขานั้นออกห่างมานิดหนึ่ง แต่ระยะห่างสองคนก็ยังคงใกล้กันมาก เกือบจะจมูกติดกัน
เซิ่งเจ๋อเฉิงเสียงต่ำพูดว่า “เมื่อสักครู่ คุณจะทำอะไร ?”
เมื่อได้ยินเสียงเช่นนั้น เสิ่นอีเวยก็รู้สึกตะลึงไปชั่วครู่ และไม่ได้สนใจในคำถามก็เลยพูดต่อไปว่า “ปล่อยชั้นไป”
หลังจากสามคำที่พูดไป เสิ่นอีเวยก็ไม่ได้หลีกห่างเลยแม้แต่น้อย
เซิ่งเจ๋อเฉิงกับสายตาที่ไม่ชัดเจนมองไปยังเสิ่นอีเวย ชัดเจนว่าอ่านสายตาของเธอนั้นออกทั้งหมดว่าโมโหและไร้กำลัง แต่ทำไมตัวเองยังไม่ปล่อยมือออกจากตัวเธอ
เสิ่นอีเวยยังอยากจะหลุดออกเท่าไหร่ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยิ่งจับแน่นมากเท่านั้น ซึ่งเวลาค่อย ๆ ผ่านไป ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกอยากจะเป็นบ้าไปเสียแล้ว
“ให้ผมได้อธิบายหน่อยได้ไหม” เซิ่งเจ๋อเฉิงได้เปิดปากพูดมา น้ำเสียงไม่หนัก แต่กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์อีกแบบหนึ่ง
เสิ่นอีเวยยิ้มแสยะแล้วพูดว่า “คุณจะอธิบายอะไรอีก ? แล้วใครจะมาฟังความในใจของชั้นบ้าง ? ”
เสิ่นอีเวยที่เต็มไปด้วยคำถามที่มากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเองอยากพูดออกมาทั้งนั้น
“ผมรู้ว่าเรื่องที่พ่อของผมนั้นทำลงไป จริงที่พ่อของผมนั้นทำความผิด ถ้าหาก ผมพูดว่าถ้าหาก….”
สายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นบีบเล็กลง เหมือนกับตัวเองนั้นมีความระทมที่สุด “หากคุณอยากจะถามถึงเรื่องพ่อของผมว่าเพราะอะไร อยากจะให้เขานั้นชดใช้อะไรแล้วล่ะก็ ผมก็จะไม่คัดค้านคุณ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงแสดงออกถึงความสงบเงียบ เหมือนกับเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา
ในระยะเวลานี้ เธอนั้นไม่กล้าที่จะเชื่อหูของตัวเอง
โลกนี้ยังมีคนนี้ไม่ชัดเจนในบางเรื่อง แล้วให้คนอื่นมีตัดสินแทนอย่างนั้นหรือ ?
พอพูดถึงที่สุดแล้ว ความจริงแล้วเสิ่นอีเวยในใจนั้นรู้ดีที่สุด เธอไม่อยากจะไปเชื่อแค่นั้นเอง
“ดังนั้นล่ะ ? คุณหมายความว่าอะไร ?”ไม่คัดค้านชั้นเป็นเรื่องที่คุณควรจะทำ คนที่เกิดเรื่องเป็นพ่อแม่ของนั้น ไม่ใช่คุณเซิ่งเจ๋อเฉิง ก็เลยไม่ได้รู้ถึงอะไรมากมายขนาดนั้น ดังนั้นคุณก็เลยพูดอย่างเหมือนกับสบายใจงั้นหรือ ? ”
เข็มไม่ได้ทิ่มบนตัวของตัวเอง ก็ไม่อาจจะรับรู้ความเจ็บปวดได้ เสิ่นอีเวยก็เลยไม่ได้เชื่ออะไรเหล่านี้เลย
“เสิ่นอีเวย” เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดออกมา แต่ให้ความรู้สึกถึงว่าเขานั้นไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับคำพูดเหล่านั้น แต่ในสายตาของเสิ่นอีเวยคือ เขานั้นแพ้ด้วยเหตุผลทุกอย่าง
แต่ทำไมเพราะอะไร ในใจกลับเต็มไปด้วยความเสียใจ และไม่สงบขึ้นเลย
“แต่เรื่องมาถึวันนี้ สิ่งที่ผมสามารถทำเพื่อคุณได้ ก็คือไม่คัดค้านคุณ ถ้าอย่างอื่น ผมไม่สามารถช่วยได้”
สองคนนี้ห่างกันใกล้มาก เสิ่นอีเวยก็เงยหน้ามองเช่นนั้น ซึ่งแต่ในใจก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ปกติ
ทันใดนั้น เธอก็เหมือนกลับไม่ได้คำพูดแล้ว ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
แต่ในใจเธอนั้นรู้ดีที่สุด ที่ไม่อาจจะอยู่เช่นนี้ไปได้ อุณหภูมิร่างกายของเซิ่งเจ๋อเฉิง และน้ำหอมของเสื้อของเขา ซึ่งเหมือนทำให้เธอนั้นรู้สึกถึงตกอยู่ในพวังของเขา และอีกทั้งห่างกันใกล้เหลือเกิน
เหมือนกับมือที่ไม่ได้รูปร่าง ย้ายเธอไปอีกที่หนึ่ง ซึ่งที่นั่นก็คือในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิง
“ตง ตง ตง” ในเวลานี้ก็ได้มีเสียงเคาะประตูมา
สายตาของสองคนนี้ก็ไม่ได้ไปสนใจ แล้วก็มีเสียงดังอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งความจริงแล้วตอนเสียงดังออกมา เธอนั้นก็รู้สึกโชคดีเพราะจะได้หยุดออกจากตรงนี้ ซึ่งอาจจะใช้โอกาสนี้หนีออกไป
แต่ว่า เธอกำลังจะเจาะเข้าส่วนลึกของเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงความจริงแล้วก็ไม่ได้มีความโมโหอะไร แต่การเคาะประตูครั้งที่สองเลยทำให้เขานั้นโมโหขึ้นมาแล้ว
“ออกไป” เสียงสูงระดับแปดออกมาจากปากของผู้ชายคนนี้
แม้กระทั่งเสิ่นอีเวยยังตกใจ เพราะว่าเวลาเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดคำนี้ ไม่ได้เอาสายตาออกไปจากหน้าเธอเลย
ซึ่งคนที่ได้ยินนั้นก็ได้ค่อย ๆ ออกไปจากห้องนี้
ซึ่งในตอนนี้บรรยากาศทำให้เสิ่นอีเวยถูกกดดัน แล้วเธอก็หรี่ตาเล็กลง แล้วลืมตา แล้วพูดว่า “ก็ต้องขอบคุณประธานเซิ่งแล้วล่ะ หากเป็นไปตามที่คุณพูดไว้ จะไม่คัดค้านเรื่องนี้แล้วล่ะก็ ก็ได้ว่าชั้นจะต้องเสียแรงไปเท่าไหร่”
เสียงที่ราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยการเสียดสี