สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 268
บทที่ 268 ไม่คาดว่าคุณจะกล้าทรยศ
เสิ่นเหนียนชิ่งเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดเช่นนี้ ก็ไม่กล้าที่จะต่อปากต่อคำ
และพูดขอร้องต่อไปอีกว่า “ประธานเซิ่ง เป็นเพราะผมนั้นโลภมากจนหมดความคิด ขอให้ท่านอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับผมเลย ปล่อยผมไปสักครั้งเถอะ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะว่าเห็นใจเสิ่นเหยียนชิ่ง แต่ว่าเรื่องราวมาถึงตรงนี้ แต่ยังไม่มีการออกมาพูดอะไรสักอย่าง เพราะอะไร เหตุผลอะไร
ซึ่งตรงนี้ ทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่พอใจอย่างมาก
เขาได้มองด้วยสายตาที่เย็นชาแล้วพูดว่าด้วยความเยือกเย็นว่า “จะพูดยังไงก็ตาม เพราะว่าคุณคืออาของเสิ่นอีเวย ดังนั้นผมก็เลยปล่อยไปตามปล่อยมาหลายครั้ง แต่เสิ่นเหยียนชิ่ง……”
พอพูดถึงชื่อขึ้นมา ก็ทำให้ดูเหมือนมีความน่ากลัวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เสิ่นเหยียนชิ่งก็กลับกลัวขึ้นกว่าเดิมมากนัก
“ผมไม่เคยนึกเลยว่า ความกล้าของคุณจะมากขนาดนี้ ก็พูดเถอะใครใช้เงินซื้อคุณล่ะ ? ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงแม้จะพูดแบบไม่ระวังอะไรก็ตาม แต่ในนั้นให้ความกดดันเป็นอย่างมาก
ปรากฏว่า เสิ่นเหยียนชิ่งก็ขาสั่นมือสั่นไปหมด เพราะเป็นความตื่นเต้นจนเกินไป
สายตาของเขาก็ตกลง ไม่อาจจะสู้สายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงได้ หัวในสมองก็วุ่นวายไปหมด ซึ่งกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของเซียวหันถิงที่พูดกับเขาตอนที่จะจ่ายเงินให้
หากเงินที่ส่งให้คุณแล้ว ก็หมายความว่าการค้าระหว่างเรานั้นเกิดขึ้นแล้ว หากคุณไปบอกกับคุณหญิงเสิ่นหรือว่าคนอื่นแล้วล่ะก็ ผลร้ายคืออะไร ท่านคงจะรู้ดี
ความจริงของเรื่องทั้งหมดแล้ว เป็นแผนการของเสิ่นเหยียนชิ่งทั้งหมด ก็เพียงแต่หลินอวี้มาถึงสนามบินจับเขามาตรงนี้แผนการก็เสียหายไปหมดแล้ว
เซิ่งเจ๋อเฉิง เซียวหันถิง
สองคนนี้เหมือนตัวเองกำลังกำหินไว้ในมือหนึ่ง จะให้ถอยก็ไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่ได้
เซิ่งเจ๋อเฉิงมองไปยังเสิ่นเหยียนชิ่งในสายตาของเขา เหมือนกำลังรู้ว่าคนๆนี้กำลังคิดอะไรอยู่
เขาได้พูดและสอดแทรกการตักเตือนไว้ว่า “มีอย่างหนึ่งที่ผมจะต้องกำชับคุณไว้เลย อย่ามาโกหกต่อหน้าผม คุณทำการทรยศผม ผมก็อ่อนข้อให้คุณมากมายแล้ว หากไม่ใช่เห็นแก่เสิ่นอีเวย ตอนนี้คุณนอนคุกไปแล้ว”
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่พูดไปหากฟังไปแล้วไม่เหมือนกับจะเป็นการล้อเล่น เสิ่นเหยียนชิ่งฟังแล้วก็ใจสั่น
แต่คนในโลกนี้ก็จะมีบางคนที่ถูกบีบบังคับจนหมดหนทาง และถูกคนอื่นบังคับจิตใจตัวเอง หากเรื่องพวกนี้กำลังจะผ่านพ้นไป ก็จะทำการล้วงความลับจากอีกฝ่าย
แต่ในเวลีน้ เสิ่นเหยียนชิ่งก็จะเป็นคนแบบนี้
เสิ่นเหยียนชิ่งแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจแล้วพูดว่า “คำพูดของประธานเซิ่งนั้นผมก็ไม่ค่อยเข้าใจแล้ว คนอย่างเสิ่นเหยียนชิ่งทำเรื่องผิดยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ไม่ควรโดนประหารหรอก แล้วจะไปอยู่ในคุกได้อย่างไร ?”
นอกจากเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้ว คนที่ฟังอยู่ในนั้นก็ไม่อาจจะอดความตื่นใจไม่ได้เลย
แน่นอนว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงโมโหจนถึงหัวแล้ว แต่เสิ่นเหยียนชิ่งยังพูดประโยคนี้ออกมาได้
ปรากฏว่า คำพูดของเสิ่นเหยียนชิ่งนั้นสิ้นสุดลง สายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เย็นเหมือนน้ำแข็ง ได้มองเสิ่นเหยียนชิ่ง
“อ้อ ไม่คาดคิดเลยว่าคุณชายเสิ่นจะมีความสามารถเท่านี้ กล้าคิดว่าตัวเองนั้นไม่เคยทำเรื่องราวร้าย ๆ ใหญ่ ๆ ?”
คนอย่างเสิ่ยเหยียนชิ่งเป็นคนที่รังแกคนอ่อนกว่า กลัวคนแข็งกว่า เซิ่งเจ๋อเฉิงซึ่งไม่ชอบคนเช่นนี้อยู่แล้วเสียด้วย
“แต่ แต่ก็ไม่ใช่มีความหมายเช่นนั้น…..” เสิ่นเหยียนชิ่งพูดการสั่น เหมือนจะอธิบายอะไรสักอย่าง
แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้ไปสนใจอะไรแล้วพูดต่อไปว่า “ใครจะบอกว่าผมจะเอาคุณเข้าคุกเรื่องทรยศล่ะ ? เรื่องพวกนี้ก็มีวิธีอื่นในการจัดการอยู่แล้ว ในมือผมมีอำนาจมากแค่ไหน คุณก็คงเข้าใจอยู่นะ เลือกเรื่องใดเรื่องหนึ่งมา แล้วก็ใส่ความคุณ ก็ส่งคุณเข้าคุกได้แล้ว ง่าย ๆ เอง”
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดอย่างสบายใจเบาๆ เหมือนสายลม แต่ว่าทำให้เสิ่นเหยียนชิ่งนั้นตกใจเป็นอย่างที่สุด
จริงน่ะสิ เมื่อสักครู่นี้เสิ่นเหยียนชิ่งทำการตอบโต้เซิ่งเจ๋อเฉิง แล้วก็พลาดกับปัญหาอย่างหนึ่งไป วันนี้ที่ตัวเองนั้นนั่งต่อหน้าผ็ชายคนนี้ เขาเป็นประธานบริษัทเซิ่งซื่อ เป็นผู้ที่มีอำนาจในกิจการเหล่านี้
แต่อำนาจบารมีของตระกูลนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ายิ่งใหญ่แค่ไหน
วันนี้ตัวเองนั้นตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ จะรักษาชีวิตก็ยังยาก แล้วยังจะกล้ามาหลอกเขาอีกรึ ?
ในกระบวนการเหล่านี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังดูการเปลี่ยนแปลงของเสิ่นเหยียนชิ่ง ซึ่งดูไปแล้ว เวลาก็ค่อนข้างพอสมควรแล้ว ภูมิคุ้มกันในใจเสิ่นเหยียนชิ่งก็น่าจะถูกทำลายหมดแล้ว
“ผมถามคุณรอบสุดท้าย ใครเป็นคนซื้อคุณ ? ” เซิ่งเจ๋อเฉิงถามอย่างเคร่งขรึม
เสิ่นเหยียนชิ่งตกใจ แล้วคิดในใจว่าจะตอบคำถามดีไหม
แต่ชัดเจนก็คือ เซิ่งเจ๋อเฉิงเห็นเขานั้นกังวลตื่นตูม ก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้ว แล้วเรียกชายชุดดำเข้ามาจัดการเสียที
ชายชุดดำในมือก็มีไม้ท่อนหนึ่งยาวประมาณหนึ่งฟุต ซึ่งมีความแข็งพอสมควร
สีที่เป็นสีเงิน วาววิบวับ ๆ ส่องมาแยงตาของเขา
เสิ่นเหยียนชิ่งก็กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะว่าตอนนี้สตินั้นอยู่จุดศูนย์กลางเกินไป เลยทำให้ไม่ได้ไประวังถึงคนข้างหลัง
ชายชุดดำได้รับคำสั่งจากเซิ่งเจ๋อเฉิง แล้วได้ไปยืนอยู่ข้างหน้าเสิ่นเหยียนชิ่ง แล้วยกไม้ขึ้น แล้วก็ฟาดลงไป
“โอ๊ยยยย” เสียงที่มีความขมขื่น
เพราะว่าไม้ที่ฟาดลงไป ไม่ใช่โดนแค่เข่าทั้งสองข้างก็เสิ่นเหยียนชิ่ง
เสิ่นเหยียนชิ่งโดนครั้งแรกก็รู้สึกเจ็บเป็นอย่างยิ่ง เขาทั้งล้มทั้งยืนลงไปกับพื้น แต่ก็ไม่ได้รับความเห็นใจจากเซิ่งเจ๋อเฉิงเลยแม้แต่น้อย
“ไม้แรก คือการที่คุณนั้นไม่เห็นผมอยู่ในสายตา ผมจะนับถึงสาม หากยังไม่พูด ก็จะไม่ใช่เป็นการตีง่าย ๆ เช่นนี้แล้ว ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้พูดขึ้นมาว่า “หนึ่ง” ในเวลานี้เสิ่นเหยียนชิ่งก็รู้สึกเหมือนทุกอย่างเลอะเลือนไปหมดแล้ว ร่างกายก็เจ็บจนกลืนความคิดไปหมดแล้ว แต่ก็ยังฟังคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงรู้เรื่อง
“สอง”
“คือ เซียวหันถิง”
เสิ่นเหยียนชิ่งเปิดปากพูดออกมา ถึงแม้เสียงจะไม่เบา แต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะปิดบังได้