สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 274
บทที่ 274 ช่วยฉันสักเรื่องได้ไหม
แม้ว่าใบหน้าของเสิ่นอีเวยกำลังยิ้มอยู่ แต่ฉินจื่อเฟิงก็สามารถเห็นความขมขื่นที่แฝงไว้ในรอยยิ้มนั่น
ผู้อำนวยการที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเธอ อายุเพียงแค่ยี่สิบห้า แต่เรื่องการออกแบบชุดแต่งงาน เธอมีฝีมือและพรสวรรค์อย่างยอดเยี่ยม
ฉินจื่อเฟิงกล่าวต่อ “ผู้อำนวยการเสิ่น ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มทำงานในบริษัทเซิ่งซื่อ ฉันได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากการทำงานกับคุณ คุณเป็นเหมือนครู และยิ่งเป็นเหมือนพี่สาวของฉัน ฉันเพียงแค่… .แค่รู้สึกเสียใจ คนดีๆอย่างคุณ ไม่ควรต้องเผชิญกับเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนแบบนี้ หากคุณมีโอกาสทำสิ่งที่คุณชอบอย่างราบรื่น คุณจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!”
ฉินจื่อเฟิงพูดระบายความในใจ จนไม่ได้สังเกตว่าเสิ่นอีเวยก็มีอารมณ์คล้อยตามคำพูดของเธอ
“จือเฟิง ขอบคุณเธอมาก” เสิ่นอีเวยพูดด้วยความจริงใจ
เธอต้องยอมรับว่าเธอซาบซึ้งใจกับคำพูดของฉินจื่อเฟิง แม้ว่าจะซาบซึ้งเพียงใด แต่ก็ไม่อาจหักห้ามความเจ็บปวดที่ฝังลึกในจิตใจ เพราะเสิ่นอีเวยไม่ได้คาดคิดว่า –
เธอเศร้าหมองมานานขนาดไหน แต่ตอนนี้ดูเหมือนความเศร้าโศกทุเลาขึ้นมาก คงเพราะมีคนใกล้ชิดให้ระบายความในใจ แต่ที่เธอไม่คาดคิดคือคน ๆนั้นคือฉินจื่อเฟิง
คนใต้บังคับบัญชาที่มีตำแหน่งเล็ก ๆของเธอเอง
นาทีนั้น เสิ่นอีเว่ยอดไม่ได้ที่จะถอนใจ: โชคชะตาระหว่างคนเรานี้ เป็นเรื่องแปลกแท้ๆ
“ผู้อำนวยการเสิ่น” ฉินจื่อเฟิงพูดขึ้นมาอีกรอบ เสิ่นอีเวยเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ
“วางใจเถอะ เรื่องที่คุณให้ฉันจัดการฉันจะต้องทำให้ได้ คุณวางใจได้เลย!”
ยิ่งเห็นฉินจื่อเฟิงรับปากหนักแน่นเอาจริงเอาจังขนาดนั้น เสิ่นอีเวยก็วางใจไปได้เปราะหนึ่ง เธอแย้มยิ้มอย่างอบอุ่น
หลังจากแยกจากฉินจื่อเฟิง เสิ่นอีเวยก็ขับรถไปที่โรงพยาบาลหาคุณหมอลู่
เคาะประตูไปสามครั้ง ถึงมีเสียงตอบรับจากคุณหมอลู่: “เข้ามาได้”
เสิ่นอีเวยผลักประตูเข้าไป คุณหมอลู่เงยหน้าขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “คุณเสิ่น”
เสิ่นอีเวยยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย “คุณหมอลู่”
“วันนี้คุณเสิ่นมารับยาเหรอครับ?” คุณหมอลู่ถาม
เสิ่นอีเวยส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามคุณหมอลู่: “ที่ฉันมาวันนี้ ก็เพื่อมาลาคุณ”
มือของคุณหมอลู่ที่กำลังเขียนหนังสืออยู่หยุดกึก แววตาส่อความแปลกใจและงงงวย: “มาลาผม? คุณเสิ่นคุณจะไปไหน?”
“ไปรักษาตัวที่อังกฤษคะ”น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยราบเรียบ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอสามารถจัดการบริหารสติอารมณ์ทั้งหมดของเธอได้แล้ว
เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้ว สิ่งที่เธอทำได้ ก็มีแต่จัดการเรื่องทั้งหมดในประเทศของตัวเองให้เรียบร้อย มีแต่ทำแบบนี้ เธอถึงจะไปอังกฤษได้อย่างสบายใจ
คุณหมอลู่ถามยิ้มๆ: “ไปรักษาตัวที่อังกฤษ … คุณเสิ่น คุณไม่ไว้ใจในฝีมือของแพทย์และเทคนิคการรักษาของโรงพยาบาลเราหรือครับ?”
แม้ว่าเสิ่นอีเวยจะดูออกว่าคุณหมอลู่กำลังพูดล้อเล่นกับเธอ แต่เธอเลือกที่จะตอบกลับเขาอย่างตั้งใจ: “ไม่ใช่คะเหตุผลที่ฉันต้องไปรักษาตัวที่อังกฤษ เป็นเพราะเรื่องส่วนตัวของฉันเอง คุณหมอลู่ขอโทษด้วย ที่ฉันไม่สะดวกบอกให้ทราบถึงรายละเอียดมากกว่านี้ได้ ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยกล่าวเพิ่มเติมว่า: “คุณหมอลู่ ที่ฉันมาหาคุณในวันนี้มีสองเหตุผลด้วยกัน หนึ่งคือมาลาคุณ สองคือมาขอบคุณ ที่คุณช่วยดูแลฉันมาตลอด”
คุณหมอลู่ยิ้มอย่างราบเรียบ ไม่พูดอะไร
เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเขาไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อได้ยินคำว่า “ไม่สะดวกบอกให้ทราบถึงรายละเอียดมากกว่านี้ได้ ” ที่อีกฝ่ายพูดออกมา เขาก็ไม่คิดที่จะถามต่อ
เมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ในโรงพยาบาล เขาก็เคยเห็นเสิ่นอีเวยและเซิ่งเจ๋อเฉิงทะเลาะกันอยู่หลายหน ประกอบกับเขาเป็นเพื่อนสนิทกับฉินโม่ ดังนั้นเขาจึงได้ยินเรื่องทำนองนี้อยู่บ้าง
ในเมื่อไม่สะดวกบอก เขาก็ไม่จำเป็นต้องซักไซ้ต่อ
คุณหมอลู่มีใบหน้าที่อ่อนโยน ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกถึงความปรานีของคนเป็นหมอ เขาพูดอย่างยิ้มๆว่า: “จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ดูแลอะไรคุณ ในที่สุดแล้วคุณก็ไม่ยอมรับการรักษาอยู่ดี ผมอุตส่าห์เกลี้ยกล่อมอยู่นานก็ไม่เป็นผลไม่ใช่หรอครับ?”
เสิ่นอีเวยส่ายหน้าพลางพูดปฏิเสธ: “ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นคะ หากไม่ใช่เพราะคำเกลี้ยกล่อมครั้งแล้วครั้งเล่าของคุณหมอ แม้แต่ยาแก้ปวดฉันก็คงไม่กิน ถ้าอาศัยเพียงแค่ใช้ความอดทนระงับเวลาที่อาการกำเริบครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันก็คงไม่รอดจนถึงทุกวันนี้หรอกคะ”
คุณหมอลู่ ถามอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่คุณจะไปรักษาตัวที่อังกฤษ เตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”
“ค่ะ”
เมื่อพูดถึงตอนนี้ เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าเธอควรจะพูดจุดประสงค์สำคัญที่เธอมาได้แล้ว
“คุณหมอลู่คะ ก่อนที่ฉันจะออกเดินทาง ฉันต้องการให้คุณช่วยฉันอย่างหนึ่ง” ท่าทีของเสิ่นอีเวยราบเรียบ แต่น้ำเสียงจริงจัง
“ช่วยอะไรครับ คุณเสิ่นคุณพูดมาเถอะ” คุณหมอลู่ตอบ
เสิ่นอีเวยกระพริบตาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องที่ฉันกำลังจะไปอังกฤษ หวังว่าคุณหมอลู่จะช่วยฉันปิดเป็นความลับให้ด้วยคะ”
ถึงแม้ว่าคุณหมอลู่อายุยังน้อย แต่ความสามารถในทางการแพทย์ของเขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองนี้ เรื่องความสามารถของเขาไม่ต้องพูดถึง เพราะฉะนั้นเรื่องความคิดความอ่านก็ต้องล้ำหน้ากว่าคนปกติทั่วไปอยู่แล้ว
เสิ่นอีเวยพูดเพียงประโยคเดียว คุณหมอลู่ก็รู้ถึงความหมายที่ลึกซึ้งในคำพูดของเธอ
“คุณเสิ่นไม่อยากให้ผมเอาเรื่องนี้ไปบอกกับฉินโม่ใช่ไหมครับ?”
เสิ่นอีเวยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความเร็วในการประมวลผลของสมองคุณหมอลู่ แต่ใบหน้าของเธอไม่แสดงอาการใดๆออกมา เธอพยักหน้าเล็กน้อย: “ใช่ค่ะ”
คุณหมอลู่วางปากกาในมือลง มองหน้าเสิ่นอีเวยตรงๆ”ผมรู้มาตลอดว่าฉินโม่คิดยังไงกับคุณ แต่คุณมีเจ้าของแล้ว อีกอย่างบวกกับที่คุณบอกกับผมเรื่องความรู้สึกที่คุณมีกับฉินโม่ ในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนของเขา เรื่องนี้ผมจะไม่พูดมาก แต่ว่า เรื่องที่ผมไม่เข้าใจคือ ในเมื่อคุณกำลังจะจากไป แม้แต่จะให้เขาไปส่งคุณหน่อยก็ไม่ได้เลยเหรอ?”
เสิ่นอีเวยนึกถึงคำพูดของคุณหมอลู่ รู้สึกช่วยไม่ได้ เธอได้แต่ถอนหายใจ
หลังจากเงียบอยู่นาน เธอก็พูดต่อว่า “จริงๆแล้วก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ตั้งแต่ฉินโม่กลับจากต่างประเทศ เขาช่วยเหลือฉันมากมายหลายเรื่อง สำหรับฉันเขาเป็นเหมือนพี่ชายค่อยดูแลเอาอกเอาใจ ถ้าเขารู้เรื่องที่ฉันจะไปรักษาตัวที่อังกฤษ เขาจะต้องเป็นห่วงฉันมากๆ แต่ฉัน…ในฐานะเพื่อนของเขา ฉันไม่อยากรบกวนเขามากไปกว่านี้”
เมื่อเห็นว่าคุณหมอลู่เหมือนกำลังจะพูดอะไรต่อ เสิ่นอีเวยจึงพูดเสริมว่า “และยังมีเหตุผลที่สำคัญมากอีกเหตุผลหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของฉัน เรื่องที่ฉันไปรักษาตัวที่อังกฤษมีแค่คนจำนวนน้อยที่รู้เรื่องนี้ การไปครั้งนี้ไม่เพียงแต่รักษาตัว แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่สำหรับฉันที่จะเติบโตขึ้นอีกขั้น เปลี่ยนสภาพแวดล้อมสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตได้ ดังนั้นฉันหวังว่าฉันจะทำสิ่งนี้ได้ด้วยตัวฉันเอง”