สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 278
บทที่ 278 ระหว่างเธอ กับ เซียวหันถิงเป็นอะไรกัน
ส่วนด้านบ้านของตระกูลเซิ่ง เสิ่นอีเวยวางมือถือ เมื่อครู่เธอโทรหาเซียวหันถิง เพื่อจะถามว่าเบื้องหลังเรื่องจ้างเสิ่นเหยียนชิ่งขายข้อมูลให้กับพวกเขา และอยากถามเพิ่มด้วยว่าเช่น: เซิ่งเจ๋อเฉิงทำเรื่องอะไรที่เธอยังไม่รู้อีก
แต่ว่าเซียวหันถิงกลับพูดว่าเขาไม่รู้เรื่อง เลยทำให้เสิ่นอีเวย รู้สึกฟุ้งซ่านเล็กน้อย
หรือจะต้องให้เธอถามเซิ่งเจ๋อเฉิงด้วยตัวเองจริง ๆหรือไงกัน?
ในใจของเสิ่นอีเวยรู้ดี มาถึงตอนนี้หลาย ๆ เรื่องเริ่มคลี่คลายมากขึ้น แต่ถ้าเธอและเซิ่งเจ๋อเฉิงยังพูดคุยกันหรือทะเลาะกัน ในใจของเธอก็ยังรู้สึกกลัวและตื่นเต้นเหมือนเดิม
ไม่ใช่ว่ากลัวทะเลาะแล้วจะไม่ชนะ และไม่ใช่ว่ากลัวจะเถียงไม่ทัน แต่ที่เธอกลัวคือ…หากเสิ่นอีเวยเผชิญหน้ากับเซิ่งเจ๋อเฉิงบ่อย ๆเข้า เธอจะยิ่งทำใจจากไปไม่ลง ยิ่งอยากอยู่ข้าง ๆ ผู้ชายคนนี้
ที่จริงพูดไปแล้ว แม้แต่เสิ่นอีเวยเองก็รู้สึกตลก ไม่รู้ว่าความเคยชินพวกนี้เกิดขึ้นตอนไหน? เธอชินที่จะทะเลาะขัดแข้งขัดขากันเองกับเซิ่งเจ๋อเฉิงมานานแล้ว
ตอนนี้เธอตัดสินใจที่จะจากไปจากที่นี่ กลับรู้สึกเหมือนถูกลอกหนังเลาะกระดูกยังไงบอกไม่ถูก รู้สึกไม่สบายทุกอณูเซลล์ของร่างกาย เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอตัดสินใจที่จะจากไปแล้ว ก็ต้องทำให้ได้ เรื่องนี้ไม่มีอะไรจะมาสั่นคลอนความคิดของเธอได้ เพราะฉะนั้นเธอจะต้องค่อย ๆ เอาชนะความเคยชินเหล่านี้ให้ได้
หลังจากที่เสิ่นอีเวยคิดชัดเจนกับปัญหานี้ เธอก็รู้สึกว่าร่างกายอ่อนล้าเกินทน
ช่วงที่ผ่านมามีเรื่องถาโถมเข้ามามากมาย บวกกับที่เธอรู้ว่าตัวเองเป็นไบโพลาร์ อารมณ์ความรู้สึกของเธอก็สับสนและซับซ้อนมากขึ้น พอเครียดมาก ๆ เข้ากลางคืนเธอก็จะนอนไม่หลับ
แต่ตอนนี้ ความง่วงจู่โจมเธออย่างกะทันหัน กลืนสติและความคิดที่ยังหลงเหลืออยู่อย่างริบหรี่ของเสิ่นอีเวยจนมิด
เธอรู้สึกหนักหัวขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายเสิ่นอีเวยก็เอนตัวนอนลงบนโซฟานุ่มตัวใหญ่ แล้วผล็อยหลับไป
ตอนสี่ทุ่มเบนท์ลีย์สีดำเคลื่อนหยุดอยู่ที่หน้าบ้านตระกูลเซิ่ง นั้นเป็นรถของเซิ่งเจ๋อเฉิง
ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง มักจะมีฝนตกปรอย ๆ เซิ่งเจ๋อเฉิงเข้ามาในบ้านพร้อมกับความหนาวเหน็บ และเวลาเดียวกันนั้นเอง เสิ่นอีเวยที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟากำลังงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเปิดประตู
ตอนที่เธอหลับไปเป็นช่วงเวลากลางวัน ดังนั้นในห้องรับแขกจึงไม่ได้เปิดไฟไว้ ในห้าวินาทีที่เธอลืมตาขึ้นมา ในหัวว่างเปล่า สมองของเสิ่นอีเวยงุนงง มึนๆสะลึมสะลือ ยังคิดอยู่ว่าที่นี่ที่ไหน? ทำไมตัวเองถึงหลับนานขนาดนี้?
“กึ๊ก” เสียงเบาๆดังขึ้น
เสิ่นอีเวยยังไม่ทันได้รู้สึกตัว วินาทีต่อมา ในห้องรับแขกไฟก็สว่างจ้า เซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนเปิดไฟที่สวิตซ์ไฟด้านข้างประตู
อยู่ในที่มืดเป็นเวลานาน อยู่ ๆ ไฟก็สว่างขึ้นมา แสงแยงตาทำให้เสิ่นอีเวยยังรู้สึกปรับตัวไม่ได้ เธอยกมือขึ้นบังดวงตา พลางพยุงตัวลุกขึ้นนั่งบนโซฟาอย่างช้าๆ
เซิ่งเจ๋อเฉิงสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงผมยาวสยายอยู่บนโซฟา แต่เขาก็ควบคุมอารมณ์และท่าทีไว้ได้ เมื่อมองชัด ๆ ว่าเป็นเสิ่นอีเวย แววตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เย็นชาลง
“ตุ๊บ!”เขาโยนสูทและของอย่างอื่นตรงตู้ข้างสวิตซ์ไฟ
เซิ่งเจ๋อเฉิงเดินไปหาเสิ่นอีเวยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เสิ่นอีเวยยังไม่ทันได้วางมือที่กำลังขยี้ตาลง ก็รู้สึกถึงแรงมหาศาลของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ฉุดแขนซ้ายของเธอขึ้นมา แรงจนทำให้เธออดไม่ได้ที่จะทำหน้าบูดบึ้ง
วินาทีต่อมาเธอก็ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงกระชากขึ้นมาทั้งตัว
เสิ่นอีเวยยังไม่ทันได้ตั้งตัว ได้แต่ร้องเสียงหลง: “เซิ่งเจ๋อเฉิงคุณจะทำอะไร! ปล่อยฉันนะ!”
เซิ่งเจ๋อเฉิงเฉยเมยต่อปฏิกิริยาของเสิ่นอีเวย เขาลากถูลากไถเธอขึ้นไปชั้นบน เสิ่นอีเวยทั้งงงทั้งกลัว ไม่รู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นอะไรถึงได้ทำร้ายเธอแบบนี้ ราวกับว่าทุกเซลล์ในร่างกายของเธอกำลังออกแรงต่อต้านกับการกระทำของเขา
แต่แรงของเซิ่งเจ๋อเฉิงมากขนาดไหนเธอก็รู้ดี เพราะฉะนั้นการต่อสู้ของเธอไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เซิ่งเจ๋อเฉิงลากเสิ่นอีเวยจนถึงหน้าบันได แม้ว่าแขนที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าจะถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงดึงลากเจ็บมากขนาดไหน แต่เสิ่นอีเวยก็ยังไม่ยอมแพ้ เป็นตายร้ายดีก็ไม่ยอมขึ้นไปชั้นบน
นิสัยของเสิ่นอีเวยเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ใช้ไม้อ่อนได้ห้ามใช้ไม้แข็ง ยิ่งคนอื่นบังคับขมขู่เธอเท่าไรเธอก็ยิ่งขัดขื่นต่อสู้มากขึ้นเท่านั้น ไม่สนว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นใครหรือตำแหน่งอะไรก็ตาม
ตั้งแต่ที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นเสิ่นอีเวยยังไม่รู้จักยอมใคร ดังนั้นเธอจึงโดนเรื่องสารพัดเล่นงานจนหนักหน่วง
และแน่นอนว่า ตอนนี้เธอก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่ ยิ่งเผชิญหน้ากับเซิ่งเจ๋อเฉิง “การขัดขืน” ของเสิ่นอีเวยก็ยิ่งถูกกระตุ้นให้แสดงออกมามากขึ้นเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงรู้จักกับเสิ่นอีเวยมาหลายปี เขาก็พอจะรู้นิสัยแบบนี้ของเสิ่นอีเวย แต่คืนนี้ นาทีที่เขาเห็นเสิ่นอีเวย ความโกรธที่สุ่มอยู่ในใจก็กลืนกินสติสัมปชัญญะของเขาทั้งหมด
ผู้หญิงคนนี้ ถ้าไม่จัดการสักหน่อยคงไม่ได้แล้ว
“เซิ่งเจ๋อเฉิง! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เสิ่นอีเวยตะโกนลั่นด้วยความโกรธ
“ฉันว่าเธอควรจะทำตัวดี ๆ หน่อย จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมากนัก” น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงเย็นชาแต่มือของเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย
เสิ่นอีเวยตกใจชะงักไปครู่หนึ่ง จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมากนัก? ผู้ชายคนนี้หมายความว่าอะไร? เธอเริ่มรู้สึกกลัว
แขนขวาของเสิ่นอีเวยถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงดึงลากขึ้นบันได มือซ้ายของเธอก็คว้าราวบันไดไว้ไม่ยอมปล่อย ครู่หนึ่งเซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกว่าเขาลากเธอไม่ไปเลยหันหน้ากลับมามอง พอเห็นปุ๊บ ไฟโกรธก็ทวีความรุนแรงขึ้น
“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้” เซิ่งเจ๋อเฉิงเตือนเสิ่นอีเวยด้วยแววตาที่น่ากลัว
อีกฝ่ายไม่มีความหวาดกลัวใดๆ แววตาใสแจ๋วแต่กลับดื้อรั้นเป็นที่สุด เธอจ้องเซิ่งเจ๋อเฉิงด้วยความไม่พอใจ: “คุณบอกให้ฉันปล่อยมือฉันก็ต้องปล่อยเหรอ? แล้วทีฉันบอกให้คุณปล่อยแขนฉัน ทำไมคุณถึงไม่ปล่อยล่ะ?”
การเผชิญกับการเถียงมีเหตุมีผลของเสิ่นอีเวย เซิ่งเจ๋อเฉิงก็หมดความอดทน แววตาของชายหนุ่มเย็นเฉียบขึ้นมาทันที
วินาทีต่อมา: “อ๊ะ!”
เสียงร้องลั่น กลางบ้านหลังใหญ่
เสิ่นอีเวยลอยขึ้นไปกลางอากาศ ด้วยเหตุที่เธอตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว เหตุการณ์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หน้าของเธอกระแทกกับหน้าอกของเซิ่งเจ๋อเฉิง สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่อบอุ่น ผสมกับกลิ่นน้ำหอมบนตัวของชายหนุ่ม
กลิ่นหอมละมุ่น จนเสิ่นอีเวยจมอยู่ในห้วงภวังค์อยู่ครู่หนึ่ง
ขายาว ๆ ของเซิ่งเจ๋อเฉิงเดินไปอย่างรวดเร็ว ไม่กี่ก้าวก็ก้าวถึงบันไดขั้นบนสุด หน้าต่างไม้บานเล็กสลักลายที่อยู่ตรงปลายทางเดินบนชั้นสองมีแสงสีขาวของดวงจันทร์ทะลุผ่านเข้ามา
เสิ่นอีเวยก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกสงบขนาดนี้ สองมือของเธอจับปกเสื้อของเซิ่งเจ๋อเฉิงไว้แน่น เหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะขว้างเธอออกไป
หัวใจของเธอสั่นไหว จากมุมที่เธอเงยหน้าขึ้นมอง สามารถมองเห็นลูกกระเดือกที่ยื่นออกมาของเซิ่งเจ๋อเฉิงและคางที่ได้รูปของเขา
ประตูห้องนอนของเซิ่งเจ๋อเฉิงถูกเตะจนเปิดออก เสียงดัง”ตูม!” เสิ่นอีเวยตกใจ หลุดออกมาจากภวังค์ รู้สึกตัวขึ้นมา
เซิ่งเจ๋อเฉิงยืนอยู่ข้างเตียงกางแขนออก เสิ่นอีเวยถูกโยนลงบนเตียงเต็มแรง
เสิ่นอีเวยกำลังด่าเขาในใจ …
แม้ว่าเตียงจะนุ่มขนาดไหน แต่ต้นคอและหลังของเธอก็รู้สึกว่าโดนกระแทกอย่างแรง หัวกระแทกกับเตียงจนรู้สึกงงไปหมด
เธอเจ็บปวดจนหลับตาลง ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เซิ่งเจ๋อเฉิงก็คร่อมตัวเธอไว้
“เธอกับเซียวหันถิงเป็นอะไรกัน? “เสียงเย็นชา ดังขึ้นข้างหูของเธอ