สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 279
บทที่ 279 คุณทำแบบนี้ได้ยังไง
เสิ่นอีเวยตกตะลึงไปสักพัก สมองว่างเปล่าจนขาวโพลนไปหมด ตอนนี้ตัวเองกลับมาถูกซักฟอกงั้นหรอ? แต่ที่เซิ่งเจ๋อเฉิงถามนี่มันเป็นคำถามบ้าบออะไรกัน คราวที่แล้วก็อธิบายจนรู้เรื่องเข้าใจกันหมดแล้วไม่ใช่หรอ?
แถมตอนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเปิดปากถาม เธอได้กลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั่ว คืนนี้ผู้ชายคนนี้ดื่มเหล้างั้นหรอ?
อารมณ์ของผู้ชายคนนี้ค่อนข้างคุกรุ่นไปทั่วทั้งตัว เหมือนว่ากำลังโกรธจริงๆ เสิ่นอีเวยเงยศีรษะขึ้นมา สายตาหล่อนจ้องไปที่ดวงตาที่ดำสนิทของเขา
เธอไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าดวงตาคู่นั้นช่างงดงาม ทว่าจัดอยู่ในจำพวกดวงตาของปีศาจ เธอกลัวเหลือเกินว่าตัวเองยิ่งจ้องตาเขานานอีกสักนิด กลัวว่าจะถูกดูดเข้าไปแทน
ในเวลานี้เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าตัวเองทุรนทุรายขึ้นมา เธออยากจะอ้าปากพูดแต่เรือนร่างที่ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงกดทับเอาไว้แทบขยับไม่ได้เลยสักนิด จนมาถึงขนาดนี้แล้ว ในใจค่อยๆก่อกองไฟความโกรธขึ้นมา
“ปล่อย” เสิ่นอีเวยจ้องมองเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วเอ่ยกับเขาอย่างเย็นชา
น้ำเสียงของหล่อนช่างแสดงออกและเตือนอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้วถูกหล่อนทำน้ำเสียงแบบนี้ใส่เอาคงจะช็อคจนนิ่งไปสักพัก
ทว่า คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหล่อนกลับไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นเซิ่งเจ๋อเฉิง ผู้ชายคนนี้เป็นคนจำพวกไม่กลัวเกรงแต่สิ่งใดบนโลกใบนี้
สายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงแสดงออกให้เห็นเลยว่าเขาดุดันขึ้นกว่าเดิม : “ตอบคำถามฉันมา”
อีกด้านในใจของเสิ่นอีเวยเริ่มกระตุกต่อมการต่อต้านขึ้นมา สายตาแน่วแน่แล้วตอบกลับไป: “คำถามนี้คราวที่แล้วฉันตอบไปแล้วนี่ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอีก”
พูดจบประโยคเสิ่นอีเวยก็เตรียมตัวหันหลังกลับ เธอไม่อยากจะสบตากับเซิ่งเจ๋อเฉิงอีก
ณ วินาทีนั้น เธอรับรู้ถึงอุณหภูมิอันอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากเรือนร่างกำยำของผู้ชายคนนี้ได้อย่างชัดเจน ความอบอุ่นนั้นนำกลิ่นหอมอ่อนๆมาด้วย ทำให้เธอคิดถึงวันงานแต่งงานเมื่อสามปีก่อนขึ้นมาได้ วันนั้นที่ผู้ชายคนนี้กอดหล่อนด้วยความอบอุ่นแบบนั้น
แต่ก็เป็นแค่ครั้งนั้นที่เขาเป็นคนเริ่มกอดเธอก่อน หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยกอดหล่อนก่อนอีกเลย
เมื่อคิดถึงอ้อมกอดในวันงานแต่งงานนั้นมันก็แค่ทำเพื่อให้จบๆตามพิธีการแต่งงานไป เขาถึงได้ทำแบบนั้น เสิ่นอีเวยคิดแล้วหัวใจยิ่งเจ็บขึ้นมากกว่าเดิม
ในตอนนี้ เสิ่นอีเวยอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ
เธอรู้สึกว่าตัวเองรักความอบอุ่นของผู้ชายคนนี้อย่างสุดขั้วหัวใจ แต่คิดได้ว่าตัวเองต้องห่างจากไป เสิ่นอีเวยอยากจะเอามือผลักดันเซิ่งเจ๋อเฉิงออกไป
ทว่า เธอทำไม่ได้ ทำยังไงก็ทำไม่ได้จริงๆ
เสิ่นอีเวยไม่อยากให้อารมณ์ที่วุ่นวายของเธอแสดงอาการเปิดเผยเรื่องต่างๆออกมา หล่อนได้แต่หันศีรษะไปอีกทางเพื่อให้ตัวเองหลีกเลี่ยงสายตาของเขา
แต่การหันศีรษะแบบนี้ สิ่งที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเห็นมันหมายถึงเสิ่นอีเวยกำลังเบื่อหน่ายตัวเขาไม่อยากเห็นการแสดงออกของเขาอีก
การทำแบบนี้ ความโกรธที่อยู่ในใจของเขายิ่งลุกไหม้หนักกว่าเดิม
“หมับ!–”
เสิ่นอีเวยสูดลมหายใจเข้าอย่างรวดเร็วเพราะเธอรับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บที่บริเวณคางที่ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงบีบเอาไว้แน่นเพื่อบังคับให้หล่อนหันมาจนสายตาของทั้งคู่กลับมาจ้องมองกันเหมือนเดิม
เสิ่นอีเวยโมโหจนสติหลุด ความโกรธอย่างมหาศาลที่เกิดขึ้นทำให้หล่อนยกเท้าเตรียมเตะเซิ่งเจ๋อเฉิง แต่เขาก็เดาทางหล่อนได้ตั้งแต่แล้ว เขาแทบไม่สนใจเลยสักนิด เซิ่งเจ๋อเฉิงเอาขาตัวเองขึ้นมาขวางหล่อนได้ ขาของเสิ่นอีเวยที่ลอยอยู่ถูกเขาจัดการไว้เรียบร้อย
เซิ่งเจ๋อเฉิงค่อยขยับจนใกล้บริเวณหูของหล่อน การหายใจเข้าออกมันแผ่ถึงลมหายใจที่อันตรายอยู่ในระดับหนึ่ง : “สอนให้นะ การต่อสู้ที่เหมือนกันโดยไม่มีการใช้รอบที่สอง”
ริมฝีปากที่ร้อนรุ่มของเขาค่อยๆประทับลงบนใบหูของเธอ ลมหายใจที่ยากยิ่งต่อการสูดลมหายใจเข้าออก จนเปลี่ยนความหมายเป็นอย่างอื่นที่มองไม่เห็นแทน
เสิ่นอีเวยเข้าใจร่างกายของตัวเองเป็นอย่างดี ใบหูและลำคอเป็นส่วนที่ร่างกายของหล่อนอ่อนไหวง่ายที่สุด
เซิ่งเจ๋อเฉิงเพิ่งจะเริ่มจูบเบาๆ ทว่าเสิ่นอีเวยกลับรู้สึกราวกับถูกกระแสไฟซ๊อต เรือนร่างของหล่อนสั่นสะท้านไม่หยุด
ทั้งสองอยู่ไม่ห่างจากกันมากนัก เซิ่งเจ๋อเฉิงจับความรู้สึกของหล่อนได้ สายตาของเขาส่องประกายความซุกซนขึ้นมา : “ทำไมหรอ? ไม่สบายหรอ?”
เสิ่นอีเวยแทบไม่ได้สนใจสิ่งที่ขาทำเลย หล่อนพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้แล้วตอบเขาไป : “ออกไปให้ห่างจากฉันนะ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงหรี่สายตาออกมา มุมปากยิ้มแห้งๆแล้วเอ่ยขึ้นมา : “ฉันถอยออกมาให้ห่างเธอ เพื่อที่เซียวหันถิงจะได้ใกล้เธอได้อีกนิดงั้นหรอ?”
เสิ่นอีเวยขมวดคิ้วแล้วถามกลับ : “คุณหมายความว่ายังไง?”
“ความหมายตามที่พูด” เซิ่งเจ๋อเฉิงตอบกลับทันที ทั้งคู่ต่างตอบกันไปโต้กันมาอย่างไม่ลดละ
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดว่าความหมายตามที่พูด เสิ่นอีเวยคิดตามที่เขาพูดว่าตัวเองกับเซียวหันถิงสนิทกันเกินไป ในตอนนั้นเอง หล่อนถึงคิดถึงเหตุการณ์ขึ้นมาได้ว่าปกติตัวหล่อนเองกับเซียวหันถิงเจอกันขึ้นมาได้ ผู้ชายคนนี้พูดมั่วๆ! ทุกครั้งที่ตัวหล่อนเจอกับเซียวหันถิงจะเว้นระยะห่างตามสมควรเสมอ
แต่สิ่งที่เสิ่นอีเวยไม่รู้ก็คือ สิ่งที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดนั้นมันมีความหมายอีกอย่าง เสิ่นอีเวยเข้าใจว่า เป็นระยะห่างระหว่างของคนทั้งสองจริงๆ แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงกลับพูดถึงเรื่องจิตใจ
“หือ? ตอบฉันมา” เซิ่งเจ๋อเฉิงถามย้ำ มือที่บีบคางของเสิ่นอีเวยยิ่งลงน้ำหนักแรงขึ้นขึ้นอีก เสิ่นอีเวยได้แต่ขมวดคิ้วไว้แน่น หล่อนรู้ดีว่าหากให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คางของตัวเองคงโดนผู้ชายคนนี้ดึงออกมาแน่ๆ
ครั้งนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงโกรธขึ้นมาจริงๆ เสิ่นอีเวยรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้ชัดเจน
“เสิ่นอีเวย ทำไมเธอถึงได้กล้าเดินใกล้กับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นได้ แต่กลับไม่ยอมให้สามีทำตามใจแบบนั้นบ้าง เธอทำแบบนั้นได้ยังไง เธอช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว…”
ดวงตาของเขาจ้องมองที่เธอแต่กลับเหมือนว่ากำลังพูดคุยกับตัวเอง เสิ่นอีเวยถึงกลับทำตัวไม่ถูกว่าตอนนี้ที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดออกมานั้นมันคือคำพูดจากใจจริงหรือว่าเป็นเพราะว่าเหล้ากันแน่?
หากเป็นคำพูดจากใจจริง เธออาจจะพูดอธิบายให้เขาเข้าใจได้ แต่หากเป็นเพราะคำพูดที่มาจากเหล้าแล้วทุกอย่างก็ไม่จำเป็นอีก
เพราะว่าพรุ่งนี้หากเขาตื่นขึ้นมาแล้ว เขาก็ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไปทั้งหมดอยู่แล้ว
เสิ่นอีเวยได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น
“เซิ่งเจ๋อเฉิง ฉันก็มีเรื่องอยากจะถามคุณ” เสิ่นอีเวยเปิดปากถามเขา
คำถามก่อนหน้านี้หล่อนไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อแล้วเลยถามคำถามเองอีกคำถามเลยดีกว่า ยังไงเรื่องนี้เธอก็ตั้งใจที่จะถามเขาอยู่แล้ว
สายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงเย็นยะเยือก กลิ่นลมหายใจบางๆพ่นลงบริเวณบนใบหน้าของเธอ : “พูดมา”
“เสิ่นเหยียนชิ่งทำผิดอะไร? ทำไมคุณถึงให้คนไปจับเขามา?”
สิ่งที่ควรถามก็ถามไปแล้วเพราะใกล้จะจากกันอยู่แล้ว ถึงเวลานั้นทุกอย่างที่วรจะหายไปก็หายไปพร้อมกับตัวหล่อนเอง
“เธอรู้เรื่องนี้ได้ไง?”
ดวงตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงส่องประกายขึ้นมา อาการของเขาในเวลานี้เหมือนหายเมาอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เองที่เสิ่นอีเวยรู้สึกลำบากขึ้นมาเพราะหล่อนไม่รุ้ว่าเขาหายเมานั้นมันอยู่ในระดับไหนกันแน่ ในความจำของหล่อนนั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนที่ดื่มเก่ง อาการที่เป็นอยู่น่าจะ…ไม่น่าจะเมา
เมื่อคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ในใจของเสิ่นอีเวยเริ่มผ่อนคลายขึ้นมาเยอะ
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ เธอตอบคำถามฉันมาก็พอ” คุณอนุญาตให้ตัวเองหยิ่งได้แต่ไม่อนุญาตให้คนอื่นหยิ่งได้งั้นหรอ เสิ่นอีเวยบ่นอยู่ในใจ