สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 29
ตอนที่ 29 ทำสงครามอย่างยุติธรรมกับผม
เสิ่นอีเวยเงยหน้าขึ้น ภายในดวงตาเผยแววตาผิดหวัง ผู้ชายคนนี้ทำตัวเป็นดั่งราชามาโดยตลอด ทั้งยังพยายามทำทุกวิถีทางขุดหลุมฝั่งเธอไว้ในหลุมที่ลึกที่สุดด้วย
สองปีมาแล้ว ความเข้าใจผิดและการทำร้ายจิตใจยิ่งรุนแรงขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า การถูกเมินเฉย การถูกเสียดสี แต่เสิ่นอีเวยก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังสามารถอดทนได้อยู่
แต่ตอนนี้ สาเหตุการตายของพ่อแม่ของตัวเองยังตรวจสอบไม่แน่ชัดเลย อีกทั้งบริษัทที่พ่อแม่ทอดทิ้งไว้ก็ถูกผู้ชายคนนี้บดทำลายในมืออีก ทำกันได้ยังไง ทำได้ยังไงกัน? เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าทรวงอกของตังเองเหมือนกับกำลังจะระเบิด เป็นความรู้สึกที่เก็บกดไว้มานานหลายปีที่จะระเบิด ชั่วพริบตาเสิ่นอีเวยก็รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องอดทนต่อไปแล้ว
เธอค่อยๆตะเกียกตะกายปืนลุกขึ้นมา และพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองไว้ เมื่อรอจนเสียงของตัวเองไม่ได้สั่นเทาแล้ว เธอจึงเอ่ยปากพูดว่า
“แล้วถ้าหากฉันไม่ยินยอมล่ะ?” ดวงตาเป็นประกายของเสิ่นอีเวยจ้องมองเซิ่งเจ๋อเฉิง ในน้ำเสียงแฝงด้วยความเด็ดขาด
เซิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะอย่างเย็นชา เพราะเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ที่เขาคาดการณ์ไว้ของเสิ่นอีเวย “คุณคิดว่าตัวคุณจะมีอะไรต่อต้านผมได้หรอ?”
“ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด ไม่กี่วันมานี้คุณต้องได้รับสายโทรศัพท์จากคุณปู่แน่เลยใช่ไหม? แล้วคุณปู่คงเร่งให้คุณมีลูกเร็วๆด้วยล่ะสิ?” สีหน้าของเสิ่นอีเวยไม่เปลี่ยน แต่ขณะพูดเผยแววตาเล่ห์เหลี่ยมขึ้น
เมื่อเซิ่งเจ๋อเฉิงได้ยิน สีหน้าถึงกับเผยความคับแค้นขึ้น “คุณหมายถึงอะไรกันแน่?”
“คุณคงคิดว่าตัวเองเป็นคนควบคุมทุกอย่างได้อย่างนั้นหรอ ว่าแต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าหากฉันบอกคุณปู่ว่าตั้งแต่คุณแต่งงานกับฉันมาสองปี คุณให้ฉันทานยาคุมกำเนิดมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าท่านจะมีปฏิกิริยายังไงบ้าง?”
ส่วนสูงของเสิ่นอีเวยไม่ได้สูงมาก แต่เธอมีรูปร่างอรชรอ่อนแอ่น ซึ่งปกติแล้วผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของเซิ่งเจ๋อเฉิงมักเป็นผู้หญิงประเภทนี้ส่วนมาก รูปร่างที่ทำให้คนรู้สึกอยากปกป้องถะนุถนอม แต่เสิ่นอีเวยในเวลานี้เนื่องจากโกรธเดือดดาล แถมยังมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยว ดังนั้นต่อให้เธอจะหน้าซีดเซียวเพราะอาการจากการโรค แต่ก็ยังมีท่าทางผ่าโผน ดูเหมือนกับเป็นเจ้าหญิงที่ไม่เกรงกลัวใคร
เสิ่นอีเวยในท่าทางแบบนี้ ทำให้เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกแปลกตา
เซิ่งเจ๋อเฉิงมองใบหน้าอันสวยหยาดเยิ้มของเสิ่นอีเวย เขาพูดขึ้นมาว่า “ดูเหมือนนี้จะเป็นครั้งแรกที่คุณคิดอยากต่อกรกับผม ดีเลย แต่ช่วยพิจารณาดูหน่อยว่าในมือของตัวเองมีอำนาจมากขนาดไหนกัน แล้วค่อยมาทำสงครามอย่างยุติธรรมกับผม คิดอยากช่วงชิงบริษัทของแม่คุณคืนหรอ ถ้าเช่นนั้นคุณก็ต้องใช้ความสามารถของคุณมาช่วงชิงมันนะ”
เมื่อพูดจบประโยคนี้ ดวงตาอันเย็นชาของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เหลือบมองเสิ่นอีเวยแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินจากห้องผู้ป่วยไปเลย
เสิ่นอีเวยมองประตูห้องที่ว่างเปล่า และนั่งลงบนพื้น แล้วคิดไตร่ตรองต่อว่าต่อไปควรทำยังไงต่อ ทันใดนั้นนายแพทย์ก็เดินเข้ามา
เมื่อมองเห็นสถานการณ์เบื้องหน้า นายแพทย์ก็นิ่งอึ้งชั่วขณะ และพูดว่า “คุณเสิ่นครับ หลังจากผ่านการวินิจฉัยเบื้องต้นจากพวกเราพบว่า คุณเป็นเนื้องอกบริเวณตับ ญาติของคุณคงได้แจ้งให้คุณทราบแล้วใช่ไหมครับ?”
เสิ่นอีเวยยิ้มอย่างขืนข่ม คุณหมอคงนึกว่าเซียวหันถิง คนที่ส่งเธอมาโรงพยาบาลเป็นญาติของเธอ
“อืม ค่ะ”
“ถึงแม้สถานการณ์ของคุณตอนนี้ไม่ได้รุนแรงมาก แต่ถ้าหากการรักษาช่วงเวลาแรกไม่ราบรื่นช่วงหลังมีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นมะเร็งในตับได้ ดังนั้นนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป คุณต้องมาตรวจที่โรงพยาบาลตามกำหนด การรักษาจะได้เป็นไปอย่างราบรื่น”
มะเร็งคำสองพยางค์นี้ทำลายระบบการคิดการอ่านของเสิ่นอีเวยจนยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว เหมือนกับหัวใจถูกคนบีบไว้ในกำมือ จนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด
เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าคุณหมอจากไปตั้งแต่ตอนไหน นับตั้งแต่ตะเกียกตะกายปืนลุกขึ้นมานั้น เสิ่นอีเวยก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายรู้สึกเจ็บปวด จู่ๆก็มีร่างเงาสีดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นตรงประตู จากนั้นเธอก็หันหน้ามองประตู
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเซียวหันถิง
“ท่านประธานเซียวยังไม่กลับอีกหรอ?” น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยตกใจมาก และยังแฝงด้วยน้ำเสียงรำคาญเล็กน้อย
เซียวหันถิงเป็นคนฉลาด เมื่อได้ยินน้ำเสียงในคำพูดของเสิ่นอีเวย เขาก็ยิ้มและพูดว่า “บทสนทนาระหว่างคุณเสิ่นกับประธานเซิ่งเมื่อสักครู่ ผมฟังหมดแล้ว ถ้าหากคุณเสิ่นต้องการช่วงชิงบริษัทของพ่อแม่คุณกลับมา ทำไหมถึงไม่ร่วมมือกับผมล่ะ? ทุกคนล้วนต้องการในสิ่งที่ตัวเองปราณนากันทั้งนั้น
เสิ่นอีเวยพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “ท่าประธานเซียวค่ะ ฉันเคารพคุณในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจ แต่คุณไม่ควรใช้วิธีการสกปรกเพื่อได้รับของที่ตัวเองต้องการ ไม่ว่าระหว่างฉันกับเซิ่งเจ๋อเฉิงมีบุญคุณแค้ส่วนตัวที่ยากจะแก้ไขกันยังไง ฉันก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ ถ้าหากท่านประธานต้องการหาคนร่วมมือจริงๆ สามารถติดต่อกับคนที่เหมาะสมด้านนั้นมากกว่า ฉันคิดว่าฉันได้อธิบายความหมายของตัวเองหมดแล้วอย่างชัดเจน หวังว่าท่านประธานเซียวจะเข้าใจนะค่ะ”
ถ้าหากเป็นคนอื่นที่มีฐานะเหมือนกับเซียวหันถิงคงถูกเสิ่นอีเวยยั่วโมโหไปแล้ว แต่เซียวหันถิงไม่โดน
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจดีว่าหากกระทำการใดต้องใจเย็นค่อยดำเนินการ ยังมีเวลาอีกเยอะแยะ และเมื่อถึงวันนั้น บางทีอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ได้จริงไหม คุณเสิ่น ไว้เจอกันใหม่นะครับ
เสิ่นอีเวยมองเซียวหันถิงที่เดินจากไป และไม่ได้คิดไตร่ตรองคำพูดของเขาอีกด้วย จะว่าไปพวกเขาล้วนเป็นคนประเภทเดียวกัน
ขณะที่คฤหาสน์ของตระกูลเสิ่นใกล้จะถึงเวลากินข้าวเย็นนั้น วันนี้เป็นวันที่คุณปู่ของตระกูลเซิ่งใกล้จะมีอายุครบเจ็ดสิบปี เนื่องจากอายุของคุณปู่ที่มากแล้ว และร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงด้วย ดังนั้นเลยไม่ได้จัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิด แต่จัดเตรียมอาหารกินรวมกับครอบครัวหนึ่งมื้ออย่างเรียบง่าย
เสิ่นอีเวยกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้ากระจกอยู่ ทันใดนั้นบนบ่าก็มีแรงหนึ่งทาบ เสิ่นอีเวยเงยหน้ามองเซิ่งเจ๋อเฉิง
“คุณคงรู้ใช่ไหมว่าอยู่ต่อหน้าคุณปู่ควรพูดว่าอย่างไร และไม่ควรพูดอย่างไร” ดวงตาของเซิ่งเจ๋อเซิ่งเผยแววตาเย็นชา
“ทำไหมหรอ คุณกลัวหรอ?” เสิ่นอีเวยเผยสีหน้ายั่วโมโห
เซิ่งเจ๋อเฉิงก้มหน้าจ้องมองเสิ่นอีเวย และเห็นดวงตาเป็นประกายคู่นั้นแฝงด้วยคำว่าต่อต้าน เมื่อเห็นเสิ่นอีเวยที่ดื้อดึง อารมณ์ของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ดีเลยทันที
“หลังจากผ่านเรื่องราวที่โรงพยาบาล ดูเหมือนคุณจะกำเริบเอาใหญ่แล้วนะ ทำไหมหรอ ต้องการใช้วิธีนี้ต่อต้านผมอย่างนั้นหรอ?”
เสิ่นอีเวยยิ้มเยาะเย้ย และพูดอย่างไรก็ปราณีว่า “ท่านประธานเซิ่งนี่หยอกล้อเก่งนะค่ะ คนที่ไม่มีคุณธรรมความดีอย่างฉันจะมีคุณสมบัติหรือความสามารถอะไรต่อต้านคุณล่ะ? แต่พอนึกถึงคุณปู่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าท่านอาจจะถามฉันเรื่องลูกก็ได้ แต่ฉันเฝ้ารอฟังคำตอบของคุณนะค่ะ!”
เสิ่นอีเวยเผยสีหน้าลุ้นระทึกอย่างไม่ปกปิดออกมา ทำให้ในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงเกิดความขุนเคืองขึ้น ผู้หญิงคนนี้เริ่มกำเริบสืบสานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
หลังจากผ่านเรื่องราวที่โรงพยาบาลครั้งนั้น เสิ่นอีเวยก็เข้าใจแจ่มแจ้ง สำหรับเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วเปรียบเหมือนดั่งก้อนหินเย็นชาก้อนหนึ่งที่เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่มีวิธีทางหลอมละลายได้ ในเมื่อหัวใจของเขาอยู่กับเสิ่นหุ้ยที่นอนพิงบนเตียงผู้ป่วยที่นอนหลับอักเนิ่นนาน ถ้าเช่นนั้นเธอก็จะไม่เสียแรงกายแรงใจกับเขาอีกต่อไปแล้ว
เป็นคนแบกรับภาระมาหลายปี ครั้งนี้ต้องจบเสร็จ!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยก็มองเห็นใบหน้าอันคุ้นชินเบื้องหน้าขึ้น จมูกก็เริ่มรู้สึกแสบเล็กน้อย แต่วินาทีต่อมา เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่ บริษัทที่แม่ของตัวเองสร้างขึ้นมาจากน้ำพัดน้ำแรง เธอต้องพึงพาความสามารถของตัวเองช่วงชิงคืนกลับมา!
เสิ่นอีเวยประคองแขนของเซิ่งเจ๋อเฉิงไว้พร้อมเดินลงมา บนใบหน้าของทั้งสองคนเผยรอยยิ้มอันเปล่งประกาย แต่แผนการภายในใจของทั้งสองคนไม่มีใครล่วงรู้
เซิ่งเจ๋อเฉิงระมัดระวังกระโปรงอันยาวเยียดของเสิ่นอีเวยอย่างเป็นห่วงเป็นใย ส่วนเสิ่นอีเวยมองทุกอย่างด้วยสายตาเย็นชา คงมีเพียงแค่คนในครอบครัวและสื่อมวลชนที่ผู้ชายคนนี้จะแสแสร้งแกล้งทำเป็นเป็นห่วงเป็นใยเธอมากถึงเพียงนี้ เสิ่นอีเวยอยากรู้จริงๆว่าเขาจะมีความอดทนมากถึงขนาดไหน
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ดวงตาของเสิ่นอีเวยก็ประกายเล่ห์เหลี่ยมขึ้น ค่ำคืนของวันนี้เธอวางแผนก่อกวนป่วนให้เกิดเรื่องนิดหน่อ