สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 307
บทที่ 307 ให้เจ้านายของคุณกลับบ้านไปอาบน้ำนอนเถอะ
แต่เสิ่นอีเวยมีท่าทีงุนงงเพียงไม่นาน ก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที เพราะเธอถูกดึงดูดความสนใจด้วยคำว่า“แต่งงานใหม่”สามคำนี้
เซิ่งเจ๋อเฉิง สามคำนี้ผุดขึ้นมาในสมองของเสิ่นอีเวย มันเหมือนกับการโยนก้อนหินเล็กลงไปในทะเลสาบ บนผิวน้ำกระเพื่อมไปด้วยระลอกคลื่น
เสิ่นอีเวยยอมรับว่า เมื่อนึกถึงผู้ชายคนนี้ ตนเองมีอาการหายใจติดขัดขึ้นมาทันที เพราะเธอรู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่ไปอยู่ประเทศอังกฤษมาสี่ปี เธอไม่ใช่คนเดิมเหมือนวันก่อนนานแล้ว
เสิ่นอีเวยเป็นคนที่มีจิตใจละเอียดอ่อนเป็นที่สุด ดังนั้นเธอจึงรู้จักตนเองมากพอ ก่อนหน้านี้เธอต้องใช้เวลานานจึงจะสามารถจัดการอารมณ์และความรู้สึกของตนเอง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ราวกับว่าเธอทิ้งความรู้สึกเหล่านั้นไปแล้ว
ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง เธอรู้ดีว่าจะใช้อารมณ์แก้ปัญหาไม่ได้
ความรู้สึกมักจะเกิดจากเรื่องราวเล็กๆน้อยๆตามปกติ แท้จริงเป็นเพียงความรู้สึกทั่วไปของทุกคนแค่นั้น เหมือนกับตอนที่มองเห็นค่าชดใช้ที่สูงมาก ตั้งแต่ตอนนั้นเธอก็เริ่มแสดงออกว่าหงุดหงิดตามปกติ แต่มันไม่ใช่อารมณ์
อารมณ์ คือสิ่งที่อยู่เบื้องลึกในจิตใจ ถ้ามันถูกส่งออกมา มีความเป็นไปได้ว่า เป็นเพราะมีบางสิ่งไปกระทบกระเทือนความรู้สึกในใจที่แท้จริงของคนผู้นั้น
สี่ปี เป็นเวลาสี่ปีเต็มๆ ผู้ชายคนนี้อยู่ในความทรงจำเบื้องลึกของเธอเสมอมา นี่คือสิ่งที่เสิ่นอีเวยไม่อยากยอมรับมันสักนิดเดียว เธอพยายามบังคับให้ลืม ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากตนเอง
แต่เมื่อสักครู่นี้ เมื่อเห็นตัวหนังสือที่เขียนคำว่า“ข้อตกลงการแต่งงานใหม่”เหมือนเธอโดนลากให้จมลงในห้วงความคิดอย่างฉับพลัน ย้อนกลับไปในตอนที่ยังอยู่กับเซิ่งเจ๋อเฉิง
เธอเคยคิดว่าเจ็บปวดก็คือเจ็บปวด เฉยชาก็คือเฉยชา แต่ในตอนนี้ ถึงแม้ความรู้สึกที่เธอมีต่อเซิ่งเจ๋อเฉิงจะเฉยชาไปแล้ว แต่หัวใจกลับรู้สึกเจ็บปวด
สภาวะที่ยุ่งเหยิงและไม่มีทางเลี่ยงเช่นนี้ ไม่รู้จะทำอย่างไร
เสิ่นอีเวยไม่เปิดกระดาษอ่านต่อ สายตาหยุดมองไปที่ตัวหนังสือพิมพ์ใหญ่อย่างมึนงงตลอดเวลา และในระหว่างนี้ ซ่งลู่เหยี่ยนก็ไม่เปิดปากพูดรบกวนเสิ่นอีเวย แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือ เสิ่นอีเวยวางเอกสารที่ยังไม่เปิดไว้ที่เดิม เธอไม่สนใจเปิดอ่านข้างหลังเลยสักนิด
หลังจากวางเอกสารลง เสิ่นอีเวยเงยหน้ามองซ่งลู่เหยี่ยนอย่างสงบนิ่ง ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความไม่เข้าใจทันที ถามว่า :“คุณเสิ่นไม่ต้องการอ่านรายละเอียดในหน้าอื่นๆหรอครับ?”
เสิ่นอีเวยมีท่าทีสงบนิ่ง เธอไม่ต้องการตอบคำถามของซ่งลู่เหยี่ยน เธอใช้นิ้วชี้จากมือขวาเคาะเอกสารบนโต๊ะ พูดเบาๆว่า:“เจ้านายของคุณคือเซิ่งเจ๋อเฉิงหรอคะ?”
เรื่องราวมาถึงตรงนี้ ในที่สุดความจริงต้องถูกเปิดเผย
ซ่งลู่เหยี่ยนพยักหน้า พูดว่า:“ ใช่ครับ”
“วันนี้เรื่องรถชนก็คือความคิดโง่ๆของเขาใช่ไหม?”น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและเยาะหยัน
ซ่งลู่เหยี่ยนรับรู้ได้ถึงการใช้คำพูดของเสิ่นอีเวย จึงตอบกลับไปว่า:“ ไม่ใช่ครับ เหตุการณ์ในวันนี้ไม่ใช่เจตนาของประธานเซิ่ง เรื่องรถชน เป็นเพราะความประมาทของคุณเสิ่นจริงๆ”
อันที่จริงตอนพูดออกมา แม้แต่ซ่งลู่เหยี่ยนตนเองก็ยังไม่เชื่อ
แต่เป็นเพราะเจ้านายสั่งเอาไว้ว่า อย่าพูดแผนการทุกอย่างออกมา แต่หากจำเป็น ต้องไว้หน้าเขาต่อหน้าคุณนายเซิ่งบ้าง
งั้นก็ได้เลย ดังนั้นเมื่อสักครู่ที่เสิ่นอีเวยเกิดความเข้าใจผิดต่อเซิ่งเจ๋อเฉิง เขาจึงอธิบายแบบนั้นออกไป
ทัศนคติการทำงานของเขาคือทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เผื่อได้ขึ้นเงินเดือน!ซ่งลู่เหยี่ยนคิดอยู่ในใจ
“คุณซ่ง ทำไมคุณถึงได้มีจิตใจที่ดีอย่างนี้?คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำเพื่อเจ้านายขนาดนี้ เขาให้เงินเดือนคุณเท่าไหร่หรอ?”คำพูดของเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยการเยาะหยันตลอดเวลา
ซ่งลู่เหยี่ยนยิ้มมุมปาก เขารู้สึกคุ้นเคยกับวิธีการพูดของผู้หญิงที่อยู่ตรงข้าม และในที่สุดเขาก็เข้าใจ วิธีการพูดของผู้หญิงคนนี้……หรือว่าวิธีการพูดจะเป็นแบบเดียวกับเจ้านายของเขานะ!
เป็นอย่างที่คิดไว้เลย เหมาะสมกันจริงๆสามีภรรยาคู่นี้ ถึงแม้ตอนนี้ความสัมพันธ์สามีภรรยาของทั้งสองคนจะไม่ดี แต่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าอย่างไรก็เคยใช้ชีวิตด้วยกันมาก่อน ต่างซึมซับคำพูดและการกระทำที่เคยชินของแต่ละคนมานานหลายปี
ดังนั้นต่างคนต่างเป็นเงาของฝั่งตรงข้าม ก็น่าจะให้อภัยกันได้
อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเยาะหยันเสิ่นอีเวย ซ่งลู่เหยี่ยนกลับไม่พูดอะไร
เสิ่นอีเวยมองเห็นสถานการณ์ จึงพูดต่อว่า:“ก็ได้ ในเมื่อความจริงเปิดเผยแล้ว งั้นฉันขอถามตรงๆ แท้จริงแล้วพวกคุณไม่กี่คนมีจุดประสงค์อะไร?”
“กี่คน”ในคำพูดของเธอ คนที่ฉลาดต่างรู้ว่ามีสามคนคือเซิ่งเจ๋อเฉิง หลินอวี้ และซ่งลู่เหยี่ยน
แต่หลังจากนั้นเขากลับจงใจถามขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า :“พวกผมมีกี่คนหรอ ?กี่คนอะไรหรอครับ?”
เสิ่นอีเวย:“……”
เธอกรอกตามองบน ไม่ต้องการตอบคำถามของซ่งลู่เหยี่ยนเลยแม้แต่น้อย
“ประธานเซิ่งต้องการแต่งงานอีกครั้งกับคุณเสิ่น” ซ่งลู่เหยี่ยนตอบคำถามของเสิ่นอีเวย
เสิ่นอีเวยหยุดคนกาแฟทันที ค้อนควักใส่ซ่งลู่เหยี่ยน พูดออกมาเบาๆ :“งั้นคุณสามารถให้เจ้านายกลับบ้านอาบน้ำนอนได้เลย”
ท่าทีแบบนี้ ซ่งลู่เหยี่ยนคาดการไว้นานแล้ว เพราะอ้างอิงจากนิสัยในปัจจุบันของคุณนายเซิ่ง เธอไม่ตกลงแน่นอน
เพียงแต่ว่า อีกฝ่ายมีสิ่งที่ยืนหยัด ส่วนเขาเองก็มีสิ่งที่ต้องรับมือ
ซ่งลู่เหยี่ยนวางแก้วในมือลง นั่งตัวตรง ขยับเข้าใกล้เสิ่นอีเวยเพิ่มขึ้นนิดหน่อย :“เมื่อก่อนประธานเซิ่งกับคุณมีเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ตอนนี้เขาต้องการหัวใจของคุณกลับคืนมาจริงๆ คุณเสิ่นจะไม่ลองพิจารณาให้ดีสักหน่อยหรอครับ?”
เสิ่นอีเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอกำลังคิดในใจว่าคำพูดของซ่งลู่เหยี่ยนแท้จริงแล้วหมายความว่าอย่างไร ในนั้นแท้จริงแล้วมีความจริงใจมากกว่าหรือมีความดูถูกมากกว่ากัน
แต่คนที่อยู่ตรงหน้าคือลูกน้องของเซิ่งเจ๋อเฉิง เธอเข้าใจคนแบบเซิ่งเจ๋อเฉิงดี
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว แต่ไหนแต่ไรเขามักใช้คนโดยไม่ต้องสงสัย ดังนั้นคนที่สามารถได้รับการว่าจ้างจากเขา ความคิดและความสามารถต้องไม่ธรรมดา
เหมือนกับหลินอวี้ที่คอยติดตามเขามานานแสนนาน
เซิ่งเจ๋อเฉิงสามารถใช้ให้ซ่งลู่เหยี่ยนทำเรื่องนี้ได้ งั้นอย่างน้อยสามารถอธิบายได้ว่าผู้ชายคนนี้ได้รับความไว้วางใจจากเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นอย่างมาก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คำพูดเมื่อสักครู่อาจจะเป็นการใช้จิตวิทยาของซ่งลู่เหยี่ยนเอง เสิ่นอีเวยรู้สึกเยือกเย็นในใจ……เวลาสี่ปีที่เธออยู่ในประเทศอังกฤษ จิตใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงจะเปลี่ยนไปเป็นยังไงนะ?
คาดไม่ถึงว่าจะสามารถให้ลูกน้องมาพูดจาล่อล่วงคนที่เจียนตายเช่นนี้! รับไม่ได้จริงๆ!
ความอดทนของเสิ่นอีเวยหมดลงในพริบตา เธอรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
“ปัง!”
เธอตบโต๊ะและลุกขึ้นยืน