สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 32
ตอนที่ 32 เงื่อนไขของเซียวหันถิง
“อันที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่ได้จัดการยากอะไร ในเมื่อผมกับประธานเซิ่งเจรจาเรื่องราคาเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้คุณเสิ่นกลับไม่ยินยอม เช่นนั้นก็ให้คุณเสิ่นมาชดเชยก็แล้วกัน ผมจะเสนอเงื่อนไขอย่างหนึ่ง คุณเสิ่นสามารถพิจารณาไตร่ตรองก่อนได้ ถ้าหากคุณเสิ่นยอมรับ เรื่องนี้ก็ยึดตามความคิดเห็นของคุณจัดการ แต่ถ้าคุณเสิ่นไม่ยินยอม พวกเราก็จะทำตามที่ตกลงกับเซิ่งเจ๋อเฉิง”
ในคำพูดของเซียวหันถิง เสิ่นอีเวยได้ยินเพียง’ยึดตามความคิดเห็นของคุณจัดการ’ จากนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า”เงื่อนไขอะไรหรอค่ะ?”
มุมปากของเซียวหันถิงกระตุกขึ้น ยิ้มและพูดว่า”เงื่อนไขของผมก็คือ––อยู่กับผมตามลำพังคืนหนึ่ง”
เมื่อเสียงสิ้นสุด เสิ่นอีเวยก็ตกใจช็อก เธอจ้องมองเซียวหันถิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ และคิดว่าเมื่อกี้ตัวเองฟังผิดไป
แต่ในเวลานี้มีเพียงเซียวหันถิงที่สังเกตเห็นสีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อมทุกข์มาก
อันที่จริงเซียวหันถิงแค่อยากหยอกล้อเล่นเสิ่นเจ๋อเสิ่นเท่านั้น อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ก็น่ารักมากด้วย แต่น่าเสียดายเธอเป็นของเซิ่งเจ๋อเฉิง คนอย่างเธอเขาคงหาไม่เจอชั่วชีวิตนี้แน่
แต่เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าเสิ่นอีเวยคงไม่ตอบแน่ อีกอย่างเขาอยากเห็นว่าประธานเซิ่งที่ทำตัวสูงส่ง เมื่อได้ยินผู้ชายคนหนึ่งเสนอเงื่อนไขแบบนี้ให้กับภรรยาของเขาแล้ว เขาจะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างไรกัน
เป็นดังที่คาดการณ์ไว้ ภายในดวงตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงถูกย้อมด้วยความรู้สึกเคืองโกรธ”ประธานเซียว คุณเสนอเงื่อนไขแบบนี้กับภรรยาของผมต่อหน้าผมแบบนี้ ไม่เกินไปหน่อยหรอ?”
เซียวหันถิงยิ้มอย่างผ่อนคลาย และพูดว่า”เงื่อนไขของผมเสนอให้กับคุณเสิ่น จะตอบรับหรือไม่ตอบรับล้วนอยู่ที่การตัดสินใจของคุณเสิ่น ผมคิดว่าประธานเซิ่งอย่าเพิ่งโมโหดีกว่า พวกเรารอฟังคำตอบจากคุณเสิ่นก่อน”
ในใจของเสิ่นอีเวยรู้สึกหนักอึ้ง เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของเซิ่งเจ๋อเฉิง เธอก็รู้ดีว่าเขาคงไม่สนใจ และคำสั่งของเขาที่ไม่ยอมให้เธออยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่น อันที่จริงเป็นเพียงการห่วงของที่น่าขันเพียงเท่านั้น
แต่เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าแบบนี้คงน่าขันดี เธอยอมรับว่าเธออยากแก้แค้น อยากแก้แค้นเซิ่งเจ๋อเฉิงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่ใช่เพราะเขาไม่รัก แต่เพราะความเห็นแก่ตัวของเขา
ในตอนนี้ในใจของเสิ่นอีเวยปะปนไปด้วยความรู้สึกเคียดแค้นกับความรู้สึกขืนข่ม เธอหยิบไวน์แดงขวดหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะ และดื่มกลอกเข้าปาก เพราะการเคลื่อนไหวรวดเร็วก่อนไป ทำให้น้ำไวน์สีแดงค่อยๆไหลลงบนลำคออันขาวเนียนของเธอ
ถึงแม้ผู้ชายทั้งสองคนจะเห็นภาพเหตุการณ์เหมือนกัน แต่สภาพจิตใจกลับไม่เหมือนกันเลย
วินาทีต่อมา ในห้องขนาดใหญ่ที่เงียบสงบก็มีเสียงอ่อนโยนดังขึ้น”ได้ค่ะ ฉันตอบรับ”
เพียงแค่ประโยคสั้นๆ แต่น้ำเสียงกลับแอบแฝงไปด้วยความกล้าหาญ ชั่วพริบตาสีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เปลี่ยนสี
เซียวหันถิงตกใจอึ้ง แต่มุมปากกลับเผยรอยยิ้มพึงพอใจเลือนราง เขาจ้องมองเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่ด้านข้าง และเห็นบนใบหน้าชายคนนั้นเผยสีหน้าดูไม่ออกว่าตกลงโกรธเคืองหรือไม่สนใจกันแน่
ของเหลวที่ร้อนซ่าได้กระตุ้นร่างกายของเสิ่นอีเวยแล้ว อันที่จริงเธอดื่มไวน์ไม่ค่อยเป็น ดังนั้นในกระเพาะเลยเกิดความรู้สึกแสบร้อน
เมื่อแอลกอฮอล์เริ่มกระตุ้นสมอง เสิ่นอีเวยก็เดินตรงไปหาเซียวหันถิงอย่างห้าวหาญไม่กี่ก้าว ระยะห่างของทั้งสองคนก็เริ่มค่อยๆใกล้กัน ทำให้เซียวหันถิงสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันร้อนรุ่มที่มีอาการจากแอลกอฮอล์ของเสิ่นอีเวย
เสิ่นอีเวยในตอนนี้ สำหรับเซียวหันถิงแล้ว เธอดูเซ็กซี่และน่าเย้ายวนใจมาก
เสิ่นอีเวยเม้มริมฝีปากเล็กน้อย และมองเซียวหันถิง พร้อมพูดว่า”ท่านประธานเซียว ฉันไม่ค่อยชอบบรรยากาศของที่นี้เลย ในเมื่อต้องการเจรจาเรื่องสำคัญ ถ้าเช่นนั้นก็หาสถานที่ที่ดีกว่านี้ให้กับพวกเราหน่อยสิ คุณว่ายังไง?”
แขนที่เปิดโล่งของเสิ่นอีเวยถูกพละกำลังหนึ่งดึงเข้ามา ทำให้เธอต้องหันหลังกลับไปและสบตากับดวงตาอันเคืองโกรธของเซิ่งเจ๋อเฉิง เขาพูดตักเตือนว่า”เสิ่นอีเวย คุณอยากตายหรอ?”
ค่ำคืนนี้เสิ่นอีเวยได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว ต่อให้สุดท้ายตัวเองต้องได้รับโทษ เธอก็พร้อมยอมรับ เธอไม่อยากถูกกลั่นแกล้งจากเซิ่งเจ๋อเฉิงอีกแล้ว
เมื่อนึกถึงตอนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเขวี้ยงโทรศัพท์มือถือและพูดว่าตัวเอง…ไม่รู้จักพอ เธอก็ยิ้มแย้มออกมา”ไม่ใช่ว่าคุณบอกว่าฉันมันไม่รู้จักพอหรอกหรอ? ถ้าไม่ทำเช่นนี้ฉันคงทำคุณผิดหวังแย่เลย”
ชั่วพริบตา เสิ่นอีเวยก็เห็นสีหน้าความรู้สึกบนใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างชัดเจน และในใจเธอก็รู้สึกสะใจอย่างที่สุด
ทำไมหรอ เซิ่งเจ๋อเฉิง คุณรู้สึกเจ็บเป็นด้วยหรอ?
ส่วนเรื่องของบริษัทแม่ ค่ำคืนนี้เสิ่นอีเวยจะพยายามทุ่มเททั้งหมดเพื่อเจรจาต่อรอง แต่ตอนที่ตัวเองพูดเมื่อกี้นั้น ในใจก็เกิดความรู้สึกเจ็บแวดที่อยากจะต้านทานได้ขึ้น
เสิ่นอีเวยยิ้มอย่างขืนข่ม เธอไม่มีวิธีทางอื่นแล้ว
ปลายมืออันเรียวขาวลูบไล้วนไปมาบนหน้าอกของเซียวหันถิง และเธอก็ไม่พูดจาอะไร แต่สำหรับเซียวหันถิงแล้ว นี้กลับเป็นการยั่วยวนที่ทำให้คนควบคุมอารมณ์ยากที่สุด อีกอย่างคนที่อยู่ในอ้อมอกตอนนี้ก็สวยเร้าใจด้วย
อันที่จริงเซียวหันถิงเห็นผู้หญิงแบบนี้มาบ่อยแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่านี้เป็นครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว
เมื่อมองเห็นดวงตาของเสิ่นอีเวยเป็นประกายดั่งแสงดาว เซียวหันถิงก็กอดเธอไว้ ดูเหมือนคนที่อยู่ในอ้อมอกจะเกิดอาการตกใจ แต่ไม่ได้ขัดคืนแต่อย่างใด
เสิ่นอีเวยถูกวางลงบนเตียงขนาดใหญ่เบาๆ วินาทีต่อมา เธอลุกขึ้นยืน
“ท่านประธาน…ท่านประธานเซียวค่ะ เรื่องคืนนี้ฉันเป็นคนผิดเอง” เสิ่นอีเวยเผยสีหน้าเขินอาย
ในที่สุดเซียวหันถิงก็ดึงสติกลับมาได้ เขายิ้มแย้ม”ที่แท้ผมถูกคุณเสิ่นหลอกใช้นี่เอง เพื่อแสดงต่อหน้าประธานเซิ่งหรอ?”
เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไง เธอยืนคิดไตร่ตรองอยู่ตรงที่เดิมสักพัก
“ฉันรู้ดีค่ะว่าท่านประธานเซียวเป็นบุคคลมีอิทธิพลแบบไหน คืนนี้…เป็นเพราะการกระทำของฉันไม่เหมาะสม แต่ฉันไม่มีวิธีการ ถ้าหากท่านประธานเซียวไม่ยอมยกโทษให้ฉัน ฉันก็ไม่ว่าอะไรค่ะ”
เซียวหันถิงใช้มือเดียวดันเสิ่นอีเวยชิดติดกับผนัง และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า”แล้วเงื่อนไขของผมที่คุณเสิ่นตอบรับเมื่อสักครู่ล่ะ ? หรือว่าจะไม่ยอมทำตามแล้ว? ผมไม่ชอบคนโกหกนะครับ!”
เสิ่นอีเวยสะดุ้งตกใจ เหตุผลที่เธอสามารถทำแบบนั้นต่อหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เพราะเธออยากแก้แค้นเขา แต่เธอไม่ได้คิดเลยว่าเรื่องต่อมาจะจัดการอย่างไรต่อ
แต่เมื่อถึงตอนนี้แล้ว เสิ่นอีเวยก็รู้ดีว่าถ้าหากยอมแพ้ก็จะพ่ายแพ้ตลอด
เธอจ้องมองดวงตาของเซียวหันถิง และพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า”ท่านประธานเซียวค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ จากที่ฉันทราบมา นอกจากคำพูดของคุณกับท่านประธานเซิ่งในเรื่องการโอนถ่ายบริษัทก็ไม่มีการทำข้อตกลงลายลักษณ์อักษรเลย จากมุมมองของทนายความแล้วถือว่าโมฆะนะค่ะ”
แววตาของเซียวหันถิงจ้องมองดวงตาอันใสบริสุทธิ์ของเสิ่นอีเวย จู่ๆเขาก็จับคางเธอไว้ “: “ที่แท้คุณก็ฉลาดแบบนี้นี่เอง”
เสิ่นอีเวยหลบหน้าออกมา ทำให้ปลายนิ้วที่สัมผัสหลุดออกมา
“แต่ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ คุณเสิ่นทำไมคุณถึงไม่ฉลาดกว่านี้หน่อย ด้วยการร่วมมือกับผมล่ะ? การแต่งงานของคุณกับเซิ่งเจ๋อเฉิงเดิมทีก็เป็นแค่การบังหน้า เขาปฏิบัติภรรยาอย่างคุณยังไง คุณเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ อีกอย่างครั้งที่แล้วผมก็บอกแล้วว่า ถ้าหากคุณช่วยผมหาข้อมูลทางธุรกิจ ผมก็จะช่วยสืบหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของพ่อแม่คุณ พวกเราน่าจะทำตามสิ่งที่ปราณนานะ!”