สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 331
บทที่ 331 ถูกไอ้หัวโจกหัวล้านเหม่งจับเป็นตัวประกัน
ทว่าตอนที่เขาจะอ้าปากพูดออกมานั้น กลับได้ยินเสียงตะกุกตะกักและเสียงสัญญาณรถตำรวจดังเป็นพรวนมาจากด้านนอก
“แม่ง! แม่ใครแจ้งตำรวจวะ อยากตายใช่ไหม?” ไอ้หัวโจกหัวล้านเหม่งนั่นโมโหแล้วกวาดสายตาไปมองผู้คนรอบข้าง
แต่ว่ากลับไม่มีใครพูดตอบกลับมา แน่นอนว่าเสิ่นอีเวยไม่ได้โง่ดักดานที่จะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนโทรแจ้งตำรวจ แถมเธอยังไม่หันหน้าไปมองเลยด้วย เพราะเธอให้ความสนใจที่อวี๋มั่นมั่นที่นอนกองอยู่กับพื้นมากกว่า
ไอ้หัวโจกหัวล้านเหม่งนั่นเป็นคนที่คร่ำหวอดในวงการนี้มานาน เพราะฉะนั้นการตั้งรับของเขาจึงเร็วมาก ขนาดเสิ่นอีเวยที่ยังไม่รู้ตัวว่าตำรวจมาแล้ว เธอรู้ว่าควรจะบังคับให้อวี๋มั่นมั่นพูดออกมาให้ได้ว่า
เหมียนเหมียนอยู่ที่ไหน
แต่เธอกลับรู้สึกว่าแขนของตัวเองถูกคนจับไว้แน่น ต่อมาก็ถูกคนเอามือมาปิดปาก ส่วนสวี่เส้าเหิงกับอวี๋มั่นมั่นก็ถูกพวกสมุนลากขึ้นมาจากพื้น
ส่วนเรื่องที่จะหาทางหนีออกไปจากที่นี่นั้น ในใจคนพวกนี้ต่างรู้ดีอย่างชัดเจน เธอ สวี่เส้าเหิงและอวี่มั่นมั่นทั้งสามคนถูกคนลากไปด้านหลัง สมุนคนหนึ่งฉีกผ้าม่านเก่าผืนหนึ่งออก มันคือประตูเล็กๆ!
ตำรวจยังไม่ทันถึงชั้นหนึ่ง ทุกคนก็หนีออกไปจากที่นี่แล้ว ทุกคนต่างถูกยัดใส่รถบรรทุกคันค่อนข้างเก่า
สถานที่แย่ๆแบบนี้กลับมีทางออกที่หลบซ่อนเอาไว้ได้อีก! เสิ่นอีเวยแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง! ขนาดไส้เธอบิดจนไส้จะเขียวแล้วเนี่ย หากเมื่อกี้เธอตรวจสอบให้ละเอียดอีกสักนิด ป่านนี้ก็คงลงมือไปแล้ว!
น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยช่างดูดุดันโหดร้าย: “อวี๋มั่นมั่น ถ้าลูกสาวฉันเป็นอะไรไป ถึงตอนนี้ฉันจะให้แกร้องขอความตายเลยแหละ!”
คำพูดที่พูดออกมาฟังแล้วเหมือนการทารุณอยู่บ้าง แต่สิ่งที่เธอพูดออกมานั้น เสิ่นอีเวยรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันเป็นความรู้สึกทางใจจริงๆ เธอไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า หากเหมียนเหมียนถูกผู้หญิงอย่างอวี๋มั่นมั่นทำร้ายขึ้นมา เธอจะไม่ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปแน่!
อวี๋มั่นมั่นที่ได้ยินสิ่งที่เสิ่นอีเวยพูดออกมา ในใจหล่อนเริ่มกังวลขึ้นมา แต่หล่อนเพิ่งถูกท่อนเหล็กฟาดอย่างแรงมาต้องสองครั้ง ขนาดจิตวิญญาณยังเรียกกลัมาไม่ครบเลย เลยไม่มีแรงจะมาต่อสู้กับคำพูดแรงๆของเสิ่นอีเวยได้ยังไงกัน
เสิ่นอีเวยจ้องตาอวี๋มั่นมั่นด้วยสายตาที่เดือดดาลและเยือกเย็น จนในที่สุดฝ่ายตรงข้ามที่ถูกบีบให้พูดก็พูดออกมา : “เสิ่นอีเวย ฉันพูดแล้วนะว่า…. ขอแค่เธอช่วยพวกเราคืนเงินให้เขาไป ลูกสาวของเธอ ฉันก็จะคืนให้เธอ….”
วันนี้อากาศแจ่มใสดีจริงๆ ดวงอาทิตย์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าได้สาดแสงจ้าพร้อมทั้งอุณหภูมิสูงลงมาจนทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ด้านหลังของรถที่ผุพังมันสั่นเอามาก ด้านในบรรทุกคนทั้งหมดห้าคน มีเธอ สวี่เส้าเหิง อวี่มั่นมั่น แล้วยังมีสมุนไอ้หัวโจกหัวล้านเหม่งนั่นอีกสองคน เอาไว้จัดการคอยดูแลพวกเราทั้งสามคน ส่วนด้านหน้าข้างคนขับนั่นคือไอ้หัวโจกหัวล้าน ส่วนอีกคนรับผิดชอบขับรถ
เสิ่นอีเวยหันศีรษะกลับไปพอมองผ่านพวกเขาก็เห็นว่าด้านหลังมีรถขับตามมาอีกหนึ่งคัน น่าจะเป็นลูกสมุนของไอ้หัวโจกหัวล้านเหม่งนั่น
ทุกวินาทีที่ผ่านไปอย่างช้าๆ เสิ่นอีวยได้แต่ร้อนอกร้อนใจ ในใจก็ได้แต่ภาวนา ในเวลานี้ หล่อนได้แค่หวังว่าหยางอันหรานจะหาเหมียนเหมียนจนพบแล้ว ทว่ายิ่งนานเข้ากับไม่ได้การติดต่อกลับมาจากหยางอันหรานเลยแม้แต่น้อย เสิ่นอีเวยรู้ดีว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นนั้นมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
ยิ่งคิดยิ่งสลดหดหู่ใจ เธอแทบไม่อยากจะคิดเลยว่า หากเหมียนเหมียนเกิดเรื่องขึ้นมา เธอจะทำยังไงต่อไป
ไม่ได้การแล้ว ตัวเองจะมานั่งรอคอยความหวังลมๆแล้งๆแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ในสมองเสิ่นอีเวยคิดแล้วคิดอีก ตอนที่เธอกำลังสรรหาวิธีการในการหลบหนีอยู่นั้นช่างพอดีกับที่คนขับรถที่อยู่ด้านหน้าเบรครถแบบกระทันหัน คนที่นั่งบนรถก็เอนกลิ้งเป็นลูกขนุนไปข้างหน้าอย่างสมเหตุสมผล
เสิ่นอีเวยตกใจสุดขีด รีบเอามือจับกรอบหน้าต่างรถได้ทันเวลาพอดีจนร่างกายตัวเองนิ่งสนิท ส่วนบริเวณศีรษะนั้นไม่ได้กระแทกด้านหลังเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้า
ส่วนคนที่โดนมัดมือมัดเท้าอย่างสวี่เส้าเหิงและอวี๋มั่นมั่นนั้นโชคไม่ได้เข้าข้างพวกเขาเลย ทั้งสองคนปกติก็นั่งได้ไม่เต็มตูดอยู่แล้ว เพราะงั้นเลยลื่นถลไปยังด้านหน้า อวี๋มั่นมั่นถึงกับร้องเสียงหลงขึ้นมา
เสิ่นอีเวยได้แต่จ้องมองด้วยสาตาที่เยือกเย็นแทนแล้วไม่พูดประโยคใดออกมาอีกเลย แต่ก็ไม่คิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยด้วย
ถึงอย่างไรอวี่มั่นมั่นก็เป็นผู้หญิงที่ละเอียดรอบคอบคนหนึ่งทำไมหล่อนจะไม่สังเกตเห็นว่าเสิ่นอีเวยไม่แม้แต่จะคิดดึงพวกเขาขึ้นมาเลยหรอ? ตอนนั้นหล่อนโกรธจนพูดไม่ออก
หลังจากที่เบรครถกระทันหันแล้ว เสิ่นอีเวยถึงได้สติได้เร็วแล้วพบว่ารถทั้งคันจอดสนิท ส่วนรถที่อยู่ด้านหลังนั้นก็ไม่ได้ขับตามมา แต่ยังคงจอดรออยู่ที่เดิม
เสิ่นอีเวยยื่นคอออกไปดูเหตุการณ์ด้านหน้า ถึงกับอุทานว่า ช่างดีจริงๆ บริเวณด้านหน้าของรถที่จอดอยู่นั้นเป็นวิวที่ยากแก่การพบเห็น?
เพราะว่าสถานที่ที่พวกเขาหยุดรถนั้นมันเป็นถนนเลียบชายทะเลเป็นถนนสายหลักในการใช้การเดินทาง
ถนนที่กว้างขวาง ณ ตอนนี้ กลับถูกรถ Bugatti Veyron สีดำขลับตัวใหม่ล่าสุดคันหนึ่งจอดขวางทางอยู่ถึงจะบอกว่ามันปกติธรรมดา ทว่ามันกลับไม่ได้ธรรมดาแบบนั้น
ส่วนด้านหลังรถ Bugatti Veyron นั่นกลับมีรถลีมูซีนขับติดๆตามหลังมา บริเวณด้านในรถเหมือนเห็นว่าเป็นเงาของคนอีกหลายคน เสิ่นอีเวยดูแล้วว่ามันก็ไม่มีอะไรที่แปลกประหลาดไปนี่หน่า แต่อยู่ดีๆกลับความรู้สึกว่ารถ Bugatti Veyron สีดำคันนั้นมันช่างดูคุ้นตาอยู่ เหมือนเคยไปเจอที่ไหนมาก่อนแต่ก็คิดไม่ออกสักที
เสิ่นอีเวยจิตใจยังคงจดจ่อเป็นห่วงเหมียนเหมียนตั้งแต่แรกกลัวเหลือเกินว่าเหมียนเหมียนจะได้รับอันตราย เลยไม่ได้ทันสนใจว่าอยู่ดีๆรถหรูทั้งสองคันนั่นได้จอดขวางรถที่เสิ่นอีเวยนั่งอยู่ จนถึงตอนที่รถที่เธอโดยสารมาเหยียบเบรคในตอนนั้น เสิ่นอีเวยถึงได้รู้ว่ามันไม่ปกติแล้ว
ตัวรถสีดำขลับนั่นเมื่อโดนแสงแดดอันแรงกล้าสาดส่องมันช่างสะท้อนแสงดูดดึงสายตาได้ดีทีเดียว รวมทั้งสายตาของกลุ่มลูกสมุนและตาหัวล้านหัวโจกนั่นก็ด้วยทุกสายตาก็ถูกรถBugatti Veyron สีดำคันดึงดูดไปจนหมด
ขนาดสวี่เส้าเหิงเองก็ยังส่งสายตาจ้องมองรถคันนั้นด้วยความหวังที่อยากจะได้ เสิ่นอีเวยเห็นสภาพเขาเป็นแบบนั้น มันทำให้หล่อนรู้สึกขยะแขยง ทุเรศลูกตา จนอยากจะอาเจียนออกมา เมื่อก่อนตอนที่เธออยู่กับผู้ชายคนนี้ ทุกครั้งจะแสดงออกมาว่าเป็นคนที่พึ่งพิงได้ นิสัยใจคอก็ดูเป็นคนสุขุมแล้วก็ความคิดเป็นของตัวเอง เมื่อก่อนทำไมถึงไม่เห็นสภาพของสวี่เส้าเหิงที่สื่อออกมาว่าช่างสงสารแบบนี้ออกมานะ?
เสิ่นอีเวยรู้สึกอยากจะอาเจียนอยู่ในใจ
ที่แท้ ดังสุภาษิตที่ว่า ม้าที่วิ่งได้ไกลถึงจะรู้พละกำลังของม้า คนก็เช่นกันพอนานวันเข้าก็ถึงจะรู้ใจกัน ตอนนี้ตัวเธอก็ได้เห็นกับตาตามที่สุภาษิตได้เอ่ยไว้แล้ว ผู้ชายอย่าสวี่เส้าเหิงนี่แหละชัดเจนที่สุดตามที่สุภาษิตเขาว่าเอาไว้ ความสุขที่เขาสร้างไว้เมื่อก่อนนี้มันก็แค่เขาสร้างมันขึ้นมาทุกอย่างเพื่อหลอกลวงให้เธอเห็นตามนั้น
สมุนที่เป็นคนขับรถนั่นอยู่ดีๆกับเหยียบเบรคเอาซะหัวทิ่มหัวตำ ทุกคนต่างก็เจ็บระนาวไปตามๆกัน ยิ่งหัวโจกหัวล้านเหม่งคนนั้นแล้วเขานั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับรถ ศีรษะเขากระแทกเข้ากับถุงลมนิรภัยด้านหลังรถจนหัวปูดขึ้นมาเป็นลูกมะนาว เขาศีรษะใหญ่จริงแต่สมองที่อยู่ข้างในไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น
“เพี๊ยะ!”
ไอ้หัวโจกหัวล้านเหม่งนั่นเอามือฟาดหัวลูกสมุนคนที่ขับรถเสียงดังลั่นพลางด่าอย่างโมโห : “แม่ง ขับรถยังไงวะ!?”