สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 336
บทที่ 336 ตัดขาทั้งสองขาของเธอทิ้งซะ
“อีกอย่าง–”
พอพูดถึงตอนนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงกลับหยุดพูด: “สี่ปีก่อน เธอก็บอกกับฉันว่าจะอยู่ด้วยกัน แต่อยู่ดีๆก็หนีไปอยู่ต่างประเทศซะงั้น? เธอแน่ใจนะว่าไม่ใช่คนที่พูดแล้วคืนคำ หรือว่าเธอกลับทำเป็นลืมเรื่องนี้ไปแล้วหรอ?”
น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงช่างพูดตรงๆ ระดับเสียงที่พูดออกมานั้นก็ไม่ดังมากหรือเบาเกินไป แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นมีเพียงแค่เสิ่นอีเวยคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยินคำพูดนี้ของเขา
หลังจากฟังที่เขาสื่อออกมานั้น ในใจเสิ่นอีเวยถึงกับเต้น “โครมคราม” ผู้ชายคนนี้หมายความว่ายังไง? หรือว่าเขาดูออกว่าเธอกำลังโกหกอยู่งั้นหรอ?
เซิ่งเจ๋อเฉิงจ้องมองดวงตาของเสิ่นอีเวยทำราวกับว่าเขาดูออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เลยเอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบๆ: “อย่าห่วงไปเลย ถึงอย่างไร ฉันกับเธอเราก็รู้ไส้รู้พุงกันอย่างดีอยู่แล้วนี่ เรื่องที่เธอกังวลอยู่ตั้งแต่แรกนั้นมันเป็นสิ่งที่ฉันเตรียมไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะไม่โทษเธอและก็จะไม่มีการลงโทษเธอแต่อย่างใด แต่ในตอนนี้ เธอต้องฟังฉัน เข้าใจไหม?”
ตอนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังพูดออกมานั้นเขาแทบไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองลดเสียงลงอย่างอ่อนโยน เพราะว่าเขาต้องใช้วิธีการต่างๆเพื่อจัดการให้รู้ราวซะก่อน เรื่องนี้แหละถึงได้ล่อตาล่อใจเสิ่นอีเวยเอาไว้ได้…
เสิ่นอีเวยถึงกลับเบิกตาโพลงแถมครุ่นคิดว่าเมื่อกี้ตัวเองคงเดาทางความคิดของเซิ่งเจิ๋อเฉิงได้ซะอีก ทั้งสองคนราวกับเป็นคนที่ไม่รู้จักกัน ถึงแม้ว่าเธอเองอยากให้เขาเข้ามาช่วยก็ตามแต่ไม่มีอะไรเพิ่มเติมจากนั้นเลย ก็เธอบอกแล้วนี่ว่าเดี๋ยวพาลูกสาวมาคืนให้ไม่ใช่หรอ? ก็แค่..ตกลงไปตามนั้น จะทำหรือไม่ทำนั่นมันอีกเรื่องหนึ่ง
ฉะนั้น สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นั้นก็เป็นความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกัน แต่อีตานี่ทำยังกับว่าเธอเป็นลูกน้องเขาที่มาคอยรับคำสั่งจากเขาแบบนั้นแหละ?
พอคิดได้ถึงเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ในใจเสิ่นอีเวยเริ่มไม่พอใจเอาซะแล้ว
แล้วถ้าจะยังไงก็ตามฉันไม่ยอมขึ้นรถคุณล่ะ? คุณจะทำยังไงหรอ?
เธอไม่เชื่ออยู่แล้วว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะกล้าให้คนมาลากเธอขึ้นรถต่อหน้าทุกคนอย่างนี้หรอก?
แต่ในความเป็นจริงนั้น เสิ่นอีเวยรับรู้เป็นอย่างดีว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเขามีความหน้าด้านมากพอในเรื่องพวกนี้จริง
ระยะสายตาของเสิ่นอีเวยถูกทาบด้วยแสงเงามืด มันคือเงาใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ทาบลงมา ส่วนเขาเอาแต่จ้องตาหล่อนตลอด เสิ่นอีเวยทำได้แค่จ้องตาตอบกลับ
“เธอบอกว่าเธอจะไม่ยอมขึ้นรถฉันใช่ไหม? งั้นดี สงสัยฉันคงให้คนมาตัดขาของเธอทั้งสองข้างทิ้งแทน”
เซิ่งเจ๋อเฉิงแค่พูดเปรียบเปรยอย่างเรียบง่าย แต่ใจของเสิ่นอีเวยที่คอยคิดลบกับเขาอยู่แล้วถึงกับตกใจจนสั่นไม่หยุด
“….คุณหมายความว่าไง” เสิ่นอีเวยเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง แต่สีหน้าของเธอกลับผิดปกติต่างไปจากเดิม
ตอนแรกเสิ่นอีเวยคิดว่าเขาคงพูดล้อเล่น เขาคงไม่ทำร้ายเธอด้วยวิธีการรุนแรงแบบนี้ต่อหน้าทุกคน อีตานี่แค่เผลอแปบเดียวก็คงไม่ทำหรอกมั้ง?
ทว่า เสิ่นอีเวยเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงหันกลับไปส่งสัญญาณให้เหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ที่รถ Bugatti Veyron ใจเธอเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขซะแล้ว
แถมเซิ่งเจ๋อเฉิงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าข้างๆเขายังมีแก๊งหัวล้านเหม่งพวกนั้นอยู่ในเวลานี้ด้วย เขาก็แค่หันขวับกวาดตามองพวกนั้นอย่างเฉยชาแล้วเอ่ยขึ้นมา: “พวกแกยังไม่ไปอีกหรอ? ยังมีธุระอะไรอีกไหม?”
สักพักหัวหน้าแก๊งหัวล้านเหม่งนั้นถึงได้รู้ตัวว่าวันนี้เขารู้เรื่องอะไรมากเกินพอแล้ว แถมผู้ชายคนนี้ยังเป็นคนพูดขึ้นมาเองอีก เพราะฉะนั้นรีบหายไปจากตรงนี้ให้ไวยิ่งดี
จริงๆแล้วที่เมื่อครู่พวกเขาไม่ไปนั้นก็เพราะว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ยอมพูดออกมาก่อน พวกเขาเลยยืนอยู่ที่เดิมไม่กล้าแม้จะขยับ…
ส่วนเสิ่นอีเวยที่ยืนอยู่ข้างๆ หล่อนมองเห็นทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าว่าเรื่องมันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เธอเห็นหัวหน้าแก๊งหัวล้านนั่นเรียกลูกน้องของตัวเองขึ้นรถจนเธอแอบคิดอยู่ในใจอยู่ตลอดว่า : พวกนาย ทำไมถึงได้ขี้กลัว อ่อนแอ ทำตัวไม่มีประโยชน์แบบนี้ไปได้ล่ะ…
ส่วนหัวหน้าแก๊งหัวล้านยืนขึ้นพร้อมทั้งเรียกลูกน้องเขาตัวเองขึ้นรถ รวมถึงสวี่เส้าเหิงและอวี๋มั่นมั่นด้วย เพราะพวกเขาทั้งสองคนติดหนี้ตัวเองอยู่หลายล้านยังไม่ได้ใช้หนี้เขาเลยสักสลึงเดียว อยู่ดีๆจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกันใช่ไหมล่ะ?
เสิ่นอีเวยรับรู้ความรู้สึกของสวี่เส้าเหิงที่พยายามส่งสายตามาให้เธอเพื่อเป็นการขอร้องให้เธอช่วยเหลือเขา แต่หล่อนกลับไม่คิดที่จะช่วยเหลือเขาอยู่แล้ว แต่ในใจหล่อนก็เอาแต่ครุ่นคิดว่าจะปล่อยให้อวี่มั่นมั่นหลุดมือไปดีไหม ถ้าเป็นงั้นจริงแล้วเธอจะได้ข่าวคราวของเหมียนเหมียนหรือเปล่า
ช่วงที่เสิ่นอีเวยกำลังใช้ความคิดว่าจะเลือกวิธีการไหนดีนั้น โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของเธอก็มีข้อความเข้ามาพอดี หยางอานหรานที่เป็นผู้จัดการของเหมียนเหมียนนั้นเป็นส่งข้อความเข้ามา: “ทางพวกเรากำลังให้บริษัทที่จัดการด้านความปลอดภัยช่วยเสาะหาร่องรอยของเหมียนเหมียนอยู่ อย่างได้กังวลไปเลย”
บริษัทธุรกิจสื่อบันเทิงขนาดใหญ่นั้นข้อมูลทางด้านความปลอดภัยค่อนข้างช่วยเหลือได้เยอะทีเดียว ส่วนในเวลานี้เธอแค่ปลีกตัวออกไปไม่ได้เท่านั้นเอง ในใจเสิ่นอีเวยถือว่าสบายใจไปหนึ่งเปราะ แต่มันก็แค่นิดเดียวเท่านั้น หัวใจของเธอเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ในเวลานี้เธอไม่อยากให้เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้เรื่องที่เหมียนเหมียนหายตัวไปอีก ไม่งั้นวันนี้เธอคงไม่สามารถหนีไปจากที่นี่ได้ อย่างนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องรั้งอวี่มั่นมั่นเอาไว้เลย ไม่งั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงต้องสงสัยขึ้นมาแน่ๆ
พอคิดได้ เสิ่นอีเวยก็ไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมา เธอเลือกที่จะไม่สนใจสายตาที่พยายามร้องขอความช่วยเหลือจากสวี่เส้าเหิงอีกเลย ผู้ชายคนนี้ในสายตาเธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเรียกเขาว่าผู้ชายทุเรศ เพราะฉะนั้นเธอไม่จำเป็นต้องมาสนใจใยดีสวี่เส้าเหิงด้วยซ้ำ
หัวหน้าแก๊งหัวล้านเหม่งนั้นเป็นคนขับรถคันนั้นออกไป ในรถคันนั้นมีสวี่เส้าเหิง อวี๋มั่นมั่นและลูกน้องของตัวเองทั้งหมด ขับรถฝุ่นตลบหายไป
หลังจากนั้น บริเวณข้างถนนก็เหลือแค่เสิ่นอีเวย เซิ่งเจ๋อเฉิงและลูกน้องของเขาเท่านั้น
ส่วนบอดี้การ์ดพวกนั้น พวกเขาแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างเดียว เมื่อเดินเข้ามาใกล้พลางถามเขา : “ท่านประธานเซิ่งครับ ไม่ทราบว่าท่านมีคำสั่งการว่ายังไงนะครับ?”
เสิ่นอีเวยถึงกับตกใจและแปลกใจ หล่อนพยายามมองใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่เขาจะตอบกลับลูกน้องอย่างไร แต่สิ่งที่เห็นก็คือเขาเอาแต่สนใจจัดการแขนเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอยู่นั่นแหละ แถมออกคำสั่งทั้งที่ตัวเองแทบไม่เงยหน้าขึ้นมามองเลยและพูดอย่างกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรราวกับลมพัดเบาๆ : “ตัดขาทั้งสองข้างของเธอทิ้งซะ”
เหล่าบอดี้การ์ด: “……”
ส่วนเสิ่นอีเวย: “…..” ก็พูดไม่ออกเช่นกัน
หลินอวี้: “….” เงียบเชียบเช่นเดิม
เสิ่นอีเวยเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้ เธอถึงกับโมโหขึ้นมาจริงๆ : “เซิ่งเจ๋อเฉิงนี่เอาจริงหรอ!”
“งั้นสิ? คุณเสิ่นคิดว่าคนอย่างผมนี่จะมาล้อเล่นอยู่หรอ?” เซิ่งเจ๋อเฉิงทำหน้าทำตาจริงจัง
เหล่าบอดี้การ์ดเอาแต่เงียบนิ่งเพราะไม่รู้ว่าเจ้านายของตัวเองนั้นพูดจริงหรือแกล้งพูดเฉย ทุกคนอยู่กับเซิ่งเจ๋อเฉิงมานาน ส่วนคุณเสิ่นอีเวยที่อยู่ตรงนั้น พวกเขาก็รู้จักเป็นอย่างดี เธอเป็นภรรยาของเจ้านาย การที่เจ้านายมาบอกว่าให้ตัดขาทั้งสองข้างของเธอทิ้งซะและจะให้พวกเราตัดขาทั้งสองข้างของเธอจริงหรอ?
ในเวลาที่สำคัญขนาดนี้ เสิ่นอีเวยมองว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นอดีตที่ผ่านมาของเธอเท่านั้น ภายใต้จิตสำนึกของเธอนั้นรู้สึกว่าอีตานี่สามารถทำเรื่องร้ายๆกับเธอแน่ๆ
เธอเอาคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นมาสร้างว่ามันเป็นเรื่องจริงในตอนนี้