สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 362
บทที่ 362 ขอเชิญคุณแม่ขึ้นมาบนเวที
ได้ยินเหมียนเหมียนน้อยพูดแบบนี้ พิธีกรที่ถือไมโครโฟนดวงตาเป็นประกาย พูดต่อไปด้วยความตื่นเต้น:“งั้นตอนนี้สามารถพูดผ่านไมโครโฟนของพี่ได้เลยค่ะ พูดอะไรกับพวกเขาสักประโยคดีไหมคะ?”
น้ำเสียงของพิธีกรเต็มไปด้วยการชักจูง เนื่องจากเธอรู้ว่า ถึงแม้เหมียนเหมียนน้อยจะเป็นนักแสดงเด็กที่มีความสามารถ แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ดังนั้นน้ำเสียงที่เธอใช้พูดกับเหมียนเหมียนน้อยจึงคล้ายกับกำลังหลอกล่อเหมือนกัน
แต่เห็นได้ชัดเจนว่า เหมียนเหมียนน้อยเหมือนกับจะไม่หลงกล เธอรับไมโครโฟนจากพิธีกรสาวด้วยสีหน้าขรึม หลังจากนั้นเธอกลับไม่พูดกับเหล่าแฟนคลับด้านล่าง แต่พูดกับพิธีกรสาวที่นั่งอยู่ข้างตนเอง เสียงของเธอยังเป็นเด็ก แต่น้ำเสียงกลับมีความจริงจัง:“พี่คะ พี่ไม่ต้องพูดกับหนูเหมือนกำลังหลอกล่อเด็กหรอกค่ะ หนูเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผลค่ะ”
พิธีกรสาว:“……”
เสิ่นอีเวยที่สวมหมวกอยู่ด้านล่างเวที:“……”
เหมียนเหมียนน้อยพูดประโยคนั้นผ่านไมโครโฟน ดังนั้นจึงทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างได้ยินกันถ้วนหน้า ใบหน้าของพิธีกรสาวปรากฏความตกใจและกระอักกระอ่วนขึ้นมาแวบหนึ่ง เพราะเธอกังวลว่าคำพูดของเหมียนเหมียนน้อยอาจทำให้เกิดผลกระทบไม่ดีตามมา
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่า หลังจากแฟนคลับด้านล่างได้ยินเหมียนเหมียนน้อยพูดประโยคนั้นออกมา กลับยิ่งส่งเสียงโห่ร้องแสดงความชอบใจมากกว่าเดิม
แต่เด็กอายุห้าขวบที่อยู่ทางฝั่งซ้ายและขวา สติปัญญายังไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาอ่อนต่อโลกไม่เคยคอยเจอสถานการณ์แบบนี้ แต่ตอนนี้ล่ะ?
เสิ่นเหมียนที่นั่งถัดจากเธอ สติปัญญาของเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับเด็กที่อายุเท่ากัน นักแสดงเด็กสองคนที่นั่งข้างเธอ เห็นได้ชัดว่าโตกว่าเธอสักหน่อย แต่เมื่อเหมียนเหมียนน้อยพูดออกมาทำให้คนรู้สึกว่าโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าสองคนนั้น
“เหมียนเหมียนน้อยคือไอดอลของฉัน!”กลุ่มคนด้านล่างเวทีส่งเสียงร้องด้วยความชอบใจอีกครั้ง
มือเล็กๆของเหมียนเหมียนน้อยถือไมโครโฟน เธอลุกยืนขึ้นและพูดว่า:“หนูมีบางอย่างต้องการพูดกับแฟนคลับทุกคนของหนู——”
เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา ด้านล่างเวทีเงียบสงัดทันที เสิ่นอีเวยตกตะลึงกับความสามารถในการเป็นผู้นำของลูกสาวตนเองจนพูดไม่ออก เธอประหลาดใจอย่างมาก จนแทบไม่อยากเชื่อ
เหมียนเหมียนน้อยพูดต่อว่า:“หนูรู้ว่าหนูยังเด็กมาก แต่เพราะแบบนี้ หนูจึงยิ่งรู้ชัดเจนว่า เส้นทางบนวงการบันเทิงของหนูยังอีกยาวไกล แต่หนูรู้ว่า หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาแฟนคลับทุกคน หนูคงไม่สามารถกลายเป็นนักแสดงเด็กที่ดีอย่างวันนี้ได้ ดังนั้นต่อจากวันนี้ไปอีกแสนนาน หนูจะทำให้ดีกว่าเดิม และหวังว่าแฟนคลับทุกคนจะยังคงสนับสนุนหนูต่อไป พวกเราจะก้าวไปพร้อมกัน หนูรักทุกคนตลอดไปค่ะ!”
เหมียนเหมียนพูดจบ บรรยากาศเงียบสงัด ไม่มีใครพูดอะไร สถานการณ์ที่เงียบสงบนี้กินเวลาประมาณสามวินาที หลังจากนั้นบรรดาแฟนคลับต่างพากันตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง :“พวกเราก็จะรักหนูตลอดไป!สู้ๆ!”
ในช่วงเวลานี้ เบื้องหน้าของเสิ่นอีเวยทั้งซ้ายและขวาเต็มไปด้วยดอกไม้และป้ายไฟที่โยกไปโยกมา มองแล้วยุ่งเหยิงตาแทบลาย
เหตุการณ์เบื้องหน้า เธอตะลึงจนพูดไม่ออก แต่ในขณะเดียวกันบรรยากาศอบอุ่นที่ไม่มีอะไรเทียบเท่าได้ทำให้เธอคล้อยตาม จึงเริ่มชูป้ายไฟในมือโบกไปโบกมา
ในตอนนี้ เสิ่นอีเวยรู้สึกภูมิใจอย่างมาก เหมียนเหมียนน้อยคู่ควรกับการเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง ทุกประโยคที่เธอเพิ่งพูดออกมา ไม่เพียงเป็นการยอมรับว่าตนเองคือนักแสดงเด็กที่ดี แต่ยังเป็นการบ่งบอกว่าตนเองจะมีทัศนคติแบบไหนกับอาชีพการแสดงในวันข้างหน้า เป็นการแสดงออกทางทัศนคติที่ยอดเยี่ยม
ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอคือความจริง!เสิ่นอีเวยอดไม่ได้ต้องอุทานออกมาในใจอย่างซาบซึ้ง
เธอรู้ชัดเจนว่า เมื่อกิจกรรมดำเนินมาถึงช่วงที่คนสำคัญออกมาพูด นั้นหมายความว่ากิจกรรมเกือบจะจบแล้ว ดูเหมือนว่ากิจกรรมในวันนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น การปรากฏตัวของเหมียนเหมียนน้อยก็เป็นไปอย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน เสิ่นอีเวยค่อยๆถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก
แต่ในตอนนี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเหมียนเหมียนน้อยบนเวทีกำลังมองคุณแม่ที่อยู่ด้านล่าง แววตาปรากฏความดีอกดีใจขึ้นมาแวบหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงไม่รีบคืนไมโครโฟนในมือให้กับพิธีกรสาวทันที
ในระหว่างที่พิธีกรกำลังงงงวย เหมียนเหมียนน้อยหันกลับไปมองผู้ชมด้านล่างเวที เธอพูดเสียงคมชัดและดังกังวานกระจายออกทางไมโครโฟน:“วันนี้ม่ามี้ของหนูก็มางานนี้ หนูอยากเชิญเธอขึ้นมาบนเวที หนูมีบางประโยคอย่างพูดกับเธอ”
เมื่อประโยคนี้ออกมาจากปากของเหมียนเหมียนน้อย ผู้คนจากด้านล่างและด้านบนของเวทีต่างส่งเสียงดังอื้ออึง เสิ่นอีเวยยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ เจ้าเด็กคนนี้……เธอคิดจะทำอะไร?
นิสัยของลูกสาวสุดที่รักของตนเอง แน่นอนเสิ่นอีเวยรู้ดีอย่างยิ่ง ถึงแม้ส่วนมากเหมียนเหมียนน้อยจะเป็นเด็กดีคอยเชื่อฟัง ทั้งสองคนต่างสนิทกัน แต่มีบางครั้ง เธอก็ชอบมีแผนแปลกๆ ทำให้คนไม่สามารถรับมือได้
ดังนั้นเพราะแบบนี้ เสิ่นอีเวยจึงมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นในใจ
ส่วนพิธีกรและผู้คนในเหตุการณ์ที่ได้ยินประโยคนี้ เห็นได้ชัดว่าต่างคนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เสิ่นเหมียนเอย! แม่ของเธอเอย!ใครจะไม่อยากเห็นตัวจริงบ้าง?
ความจริงบางครั้งเสิ่นอีเวยก็รู้สึกจำใจ อาจเป็นเพราะภายในระยะเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่เดือน เหมียนเหมียนน้อยดันกลายเป็นนักแสดงเด็กโด่งดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ซึ่งเป็นเหตุผลที่นักข่าวสื่อบันเทิงเหล่านั้นให้ความสนใจพวกเธอสองแม่ลูก
และสิ่งนี้ก็เป็นเพราะตอนแรกเสิ่นอีเวยค่อนข้างเก็บตัว
ช่วงก่อนที่เหมียนเหมียนน้อยจะเซ็นสัญญากับบริษัทการบันเทิงเฟิงสิง เสิ่นอีเวยมีการคิดเรื่องต่างๆอย่างละเอียดรอบคอบ เนื่องจากเหมียนเหมียนน้อยจะกลายเป็นดารา ในไม่ช้าก็เร็วอาจจะมีคนหยิบยกเรื่องภูมิหลังทางครอบครัวและเรื่องราวในชีวิตต่างๆออกมา
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เรื่องที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นพ่อแท้ๆของเหมียนเหมียนน้อยในที่สุดอาจถูกเปิดโปง ตอนแรกที่เสิ่นอีเวยคิดถึงความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ เธอจึงตัดสินใจจ่ายเงินจำนวนมากจ้างทีมงานมืออาชีพ ลบข้อมูลทุกอย่างที่สามารถค้นเจอบนอินเทอร์เน็ตของเหมียนเหมียนน้อย ไม่ให้ใครหน้าไหนมีช่องทางหยิบยกเรื่องภูมิหลังทางครอบครัวที่แท้จริงออกมาได้
เนื่องจากเป็นดาราดังแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรกลับไม่เคยมีภาพถ่ายร่วมกับพ่อของตนเอง สื่อมวลชนจะต้องเล่นคำถามนี้ไม่ปล่อยแน่ๆ เสิ่นอีเวยคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นเธอจึงโดนสัมภาษณ์ตามข้างถนนอย่างไม่เต็มใจหลายครั้ง ทั้งหมดเป็นเพราะถูกติดตามโดยปาปารัสซี่ที่คอยขวางทาง
เป็นอย่างที่เธอคิด สื่อมวลชนถามเกี่ยวกับพ่อของเหมียนเหมียนน้อย เสิ่นอีเวยจึงตอบง่ายๆเพียงหนึ่งประโยค:เขาทำงานไกลอยู่ต่างประเทศ
ไม่ว่าสื่อมวลชนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เสิ่นอีเวยคิดว่าตนเองไม่ควรใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ เพราะเธอตอบคำถามออกไปอย่างชัดเจนแล้ว และจะไม่ตอบคำถามนี้อีก