สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 369
บทที่ 369 ให้ฉันมาหยุดสายตาอันสุดแย่ของคุณเถอะ
เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าความรู้สึกตัวเองนั้นเกิดอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า เมือ่สักครู่นี้ที่เจียงเฉิงหวินนั้นได้พูดออกมา ด้วยสีหน้าและสายตานั้นที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี แต่ตอนนี้กลับรู้สึกถึงความอบอุ่น
ดังนั้นในตอนนี้ เธอมองไปยังเขานั้นก็รู้สึกมีความเขินอายเกิดขึ้น
แล้วในตอนที่เสิ่นอีเวยกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดหรือไม่พูดดี เจียงเฉิงหวินก็ได้พูดออกมาว่า “งั้น ผมก็มีหนึ่งคำถาม ไม่รู้ว่าคุณนั้นคุณชายสวี่นั้นเลิกกันหรือไม่”
เสิ่นอีเวยอึ้งสักครู่ เพราะไม่คิดว่าสวี่เส้าเหิงจะยังมาระรานอยู่เช่นนี้
เธอนั้นเงียบไปสักครู่แล้วพูดว่า “พวกเราเลิกกันนานแล้ว”
เจียงเฉิงหวินได้ฟังแล้วก็มีความดีใจเป็นอย่างมาก ทั้งร่างกายก็กลับไปเป็นคนเดิมเมื่อก่อนเช่นนั้น
ความรู้สึกของเสิ่นอีเวยในตอนนี้มีความสับสนเป็นอย่างมาก เพราะเธอไม่อยากจะต้องมาคุยกับผู้ชายที่ไม่เกรงอกเกรงใจ ความรู้สึกแบบนี้ จะพูดอย่างไรดี ? รู้สึกแปลก ๆ จัง
“ประธานเจียง หากไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ” เสิ่นอีเวยพูดอย่างสุภาพ
เจียงเฉิงหวินก็ไม่ได้รีบตอบกลับ เพียงแต่มองเธออย่างตั้งใจ แล้วก็พูดตะกุตะตักออกมาว่า “จากที่ผมตรวจสอบดูแล้ว สายตาในการคบหากับแฟนนั้นไม่ค่อยจะดีเลยนะ”
เส่นอีเวยตกแล้ว ในใจก็เริ่มมีความรู้สึกขัดแย้งขึ้นมา สามารถพูดถึงคนที่ตัวเองไม่สนิทด้วยพูดจาเช่นนี้ หน้าจะต้องหนาขนาดไหน ? หากไม่เช่นนั้น ผู้ชายอย่างเจียงเฉิงหวินในสายตาของตัวเองแล้วที่ดูดีไม่เกินสามวิ ในใจเธอนั้นเต็มไปด้วยการดูถูก
เส่นอีเวยก็ได้หรี่ตาเล็กลง ซึ่งสายตาเต็มไปด้วยการเสียดสี เธอมองเจียงเฉิงหวินแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าประโยคนี้ของคุณหมายความว่าอะไร ?”
เจียงเฉิงหวินไม่ดูตื่นเต้นอะไร เขานั้นก็ได้เปิดมุมปากออกมาเหมือนกับทำให้ผู้หญิงหมื่นคนหลงในเสน่ห์ของเขา แต่เสิ่นอีเวยกลับไม่ใช่หนึ่งในหมื่นคนนั้น
หลังจากนั้นก็ได้มองแล้วพูดอย่างสุภาพว่า “ฉันหวังว่า ฉันจะสามารถมาหยุดสายตาอันสุดแย่ของคุณในการหาแฟน”
พอพูดคำนี้เสร็จ ทำให้บรรยากาศมีความเงียบงัน แม้กระทั่งเสียงของรถที่ขับไปมาก็ยังมีความเบาลง
เสิ่นอีเวยก็ยืนอยู่เช่นนั้น แล้วใช้เวลาไม่ถึงห้าวินาทีแล้วก็คิดอยู่ว่าคำพูดของเจียงเฉิงหวินนั้นหมายความว่าอะไร
แต่หากผู้ชายที่ชื่นชมตัวเองอยู่นั้น หากอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่อาจจะเหลือคำพูดที่ทำให้ผู้หญิงนั้นลำบากใจ
เจียงเฉิงหวินยิ้มแล้วก็อธิบายว่า “คุณหญิงเสิ่น ผมคิดว่าคุณเป็นคนที่ดีมากเลยแหละ แล้วผมก็ได้ตามจีบคุณมานานแล้ว หากคุณตอบรับแล้วล่ะก็ ผมรับรอบว่า สายตาที่มองคนไม่แม่นยำของคุณก็จะสิ้นสุดลง”
เจียงเฉิงหวินใช้คำพูดที่มั่นใจของตัวเองนั้นพูดเสร็จไป เสิ่นอีเวยก็รู้สึกว่าจะพูดมากเกินไปแล้ว
หากเธอนั้นจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ เจียงเฉิงหวินเป็นคนที่สามที่พูดว่าเธอนั้นหาผู้ชายได้แย่มาก คนก่อนคือเหมียนเหมียน ก่อนหน้านั้นคือเซิ่งเจ๋อเฉิง
ชื่อที่น่าเกลียดตรงนี้ก็ได้ขึ้นมายังหัวสมองของเธอ เสิ่นอีเวยก็รู้สึกถึงอารมณ์ที่เริ่มจะไม่ค่อยดี
“และทั้งยัง…” เจียงเฉิงหวินพูดต่อไป “ในเมื่อเมื่อสักครู่นี้ได้ชัดเจนแล้วว่าคุณเป็นคนโสก ดังนั้นคุณก็ไม่ได้มีการเตรียมการตอบรับเกี่ยวกับการตามจีบของผม ดังนั้นผมก็สามารถที่จะตามจีบคนต่อได้ใช่ไหม ?”
เสิ่นอีเวยก็ได้แต่มองเขาด้วยความรู้สึกที่สับสน แต่โชคดีที่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในสมองของเธอนั้นกลับไม่วุ่นวาย อย่างน้อยก็ยังสามารถที่จะรักษาตรรกะที่ชัดเจนไว้ได้
ความจริงแล้วเสิ่นอีเวยก็ไม่อาจจะไม่ยอมรับได้ว่า หากตัวเองนั้นยังอายุน้อยกว่านี้อีกสักหน่อย หรืออาจจะถูกเจียงเฉิงหวิใช้คำพูดที่อ่อนหวานมาประโลมใส่ แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่ไม่เหมาะสมยิ่งนัก เรพาะตอนนี้เธอไม่ใช่เสิ่นอีเวยคนก่อนที่ไม่รู้ความเสียแล้ว
คิดอยู่สักพักหนึ่ง เสิ่นอีเวยก็ได้คิดคำตอบออกมาแล้วก็พูดอย่างอ่อนน้อมว่า “ขอโทษนะคะประธานเจียง พูดความในใจแล้วละกันค่ะ ขอขอบคุณที่คุณตามจีบฉัน แต่ตอนนี้สายตาการมองคนของฉันคุณก็รู้ดี เมื่อก่อนก็ชอบพบเจอกับคนที่ไม่ค่อยเหมาะสมด้วย พูดความจริงเลยก็คือ ตอนนี้ฉันยังไม่สามารถปรับสภาพได้ ดังนั้นตอนนี้ฉันยังไม่อาจจะอยู่กับคุณได้อย่างไม่คิด”
เจียงเฉิงหวินก็ได้จับประเด็นสำคัญจากประโยคนั้น “ถ้างั้นก็ ความหมายของคุณก็คือ รอสภาพจิตใจของคุณดีขึ้น ก็สามารถให้ผมตามจีบได้ต่อใช่ไหม ?”
เสิ่นอีเวยตกใจ แล้วก็พูดอย่างปกติว่า “คำตอบนี้ ฉันก็ไม่อาจจะมั่นใจได้ แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ? เพียงแต่โอกาสและความเป็นไปได้มันเกิดขึ้นก็ไม่แน่ โลกนี้ก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ ? ดังนั้นเกี่ยวกับคำถามนี้ของคุณ ก็รอก่อนแล้วค่อยพูดดีกว่าค่ะ”
เสิ่นอีเวยสาบานต่อฟ้าว่า ยังไงก็จะไม่ให้โอกาสคนแบบนี้ได้เลย แต่เพราะว่าจะต้องรีบถอนตัว ดังนั้นก็เลยทำการยืดเวลาออกมาไป
ปรากฏว่า เจียงเฉิงหวินเห็นด้วย ก็เลยยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “ในเมื่อคุณหญิงเสิ่นพูดเช่นนี้ ผมก็วาง….”
เจียงเฉิงหวินนั้นไม่ได้พูดจบประโยค สายตาก็ได้เหลือบไปเห็นรถคันสีดำได้ขับมาหาอย่างรวดเร็ว ทำให้ในใจนั้นรู้สึกตื่นเต้น
เรื่องราวผ่านไปอย่างไม่อาจจะคาดเดาได้ เสิ่นอีเวยเพราะว่ายืนอยู่กับเจียงเฉิงหวิน ดังนั้นก็เลยได้รู้สึกถึง แต่ว่าหัวสมองเธอนั้นเข้าสู่ห้วงแห่งความเลวร้าย ในหัวสมองอยากจะรีบออกจากตรงนั้น แต่กลับตกใจจนไม่อาจจะขยับได้เลย
แล้วเห็นรถคันนั้นขับมาหาตนเอง แล้วในตอนนี้ เสิ่นอีเวยเหมือนกับที่เอวถูกแรงมหาศาลจับไว้ แล้วไม่ได้รอเธอรู้ตัว ในวินาทีนั้น ทั้งร่างกายก็ได้ถูกสองมือยกมาไว้ข้าง ๆ
แล้วรถคันสีดำนั้นก็ได้เกิดเสียงเบรกอย่างแสบหู แล้วก็ได้ไปหยุดตรงที่ที่เธอยืนอยู่ แล้วมองกลับไป คนที่ได้ช่วยเธอไว้ก็คือเจียงเฉิงหวิน
ถึงแม้เสิ่นอีเวยจะมีความรู้สึกปฏิกิริยาที่ช้า แต่การได้พูดคุยกับคนนี้รู้สึกไม่ดีเลย แต่กลับไปมองสายตาขออีกฝ่าย