สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 370
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 370 คุณก็ไม่ใช่คนที่ดีอะไรขนาดนั้น
“ขอบคุณค่ะ” เสิ่นอีเวยพูดออกมา
เจียงเฉิงหวินก็ได้พยักหน้า แล้วก็ได้เดินไปยังรถคันนั้น ซึ่งรถยังไม่ได้เปิดออก แต่ก็ยังสามารถเห็นผ่านกระจกได้ สามารถเห็รได้ว่ามีคนในนั้นกำลังทะเลาะอะไรกัน
ความจริงแล้วตอนที่รถคันนั้นกำลังแล่นมาหาเสิ่นอีเวยนั้น เธอก็มีความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะได้นักเท่าไหร่แล้ว ตอนที่เธอเห็นสองคนนั้นลงมาจากรถ ในใจก็เริ่มหัวเราะออกมาอย่างน่าสมเพช
ไม่รู้ว่าทำไมคนในโลกนี้ที่หน้าด้านช่างมีมากมายเหลือเกิน ครั้งก่อนนั้นก็เสิ่นเหยีนยชิ่งคนหนึ่ง ตอนนี้ที่กำลังจะมาหาเธออีกคนนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว
“ปึ้งงงง” เสียงที่สะท้อนออกมาจากของที่หล่นลงบนพื้น ก็คือผู้ชายที่มาคุกเข่าต่อหน้าเธอ
คนที่คุกเข่าตรงหน้านี้คือสวี่เห้าเหิง ซึ่งเป็นสวี่เส้าเหิงที่รู้จักจริง ๆ หรือ ? เสิ่นอีเวยก็รู้สึกมีคำถามในใจ ใบหน้าและคอและผิวหนังก็มีรอยบาดแผล ชุดสูทก็ยับไปหมด ทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่น ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกถึงความน่าสมเพชในใจ
สวี่เส้าเหิงข้าง ๆ ของเขาก็มีผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง ก็คืออวี๋มั่นมั่น เสิ่นอีเวยก็ได้มองอยู่เช่นนั้น ไม่ได้พูดอะไร
ขณะที่สวี่เส้าเหิงกำลังจะจับกระโปรงเสิ่นอีเวย เธอก็ขยับถอยออกมา สวี่เส้าเห้าก็เหมือนได้แต่จับอากาศ แต่เสิ่นอีเวยก็ไม่ได้มีความรู้สึกสงสารแต่อย่างใด แต่กลับยืนอยู่เช่นนั้นมองลงมา เหมือนกับคนที่ยืนตระหง่านมองลงมาเช่นนั้น
“อีเวย ผมขอช่วยคุณ ช่วยผมเถอะ ขอร้องคุณแล้ว” หากเสิ่นอีเวยมองไม่ผิดแล้วล่ะก็ สวี่เส้าเห้านั้นมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว
เสิ่นอีเวยมองสวี่เส้าเหิงแล้วพูดว่า “หืมมมมม ไม่คิดว่าคุณจะทุเรศได้ขนาดนี้ ฉันขอถามหน่อยนะ หากฉันไม่ช่วยคุณ คุณจะเป็นอย่างไร ?”
สวี่เส้าเหิงก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป แล้วก็พูดอย่างไม่มีหัวหางว่า “อีเวย คุณต้องเชื่อผม….หากคุณไม่ช่วยผม ผมจะต้องโดนพวกมันเอาตายแน่ ๆ ก็คือพวกทวงหนี้นั่นแหละ ไอ้หัวล้านคนนั้น พวกเขาไม่ปล่อยผมไปแน่ ๆ ”
สวี่เส้าเหิงตอบมาเช่นนี้ ความจริงก็อยู่ในความคิดของเสิ่นอีเวยอยู่แล้ว ตอนแรกที่เธอนั้นไม่ได้ช่วยสวี่เส้าเหิงเอาเงินให้ ดังนั้นไอ้พวกหัวล้านแน่นอนว่าจะไม่ปล่อยเขาไปแน่นอน
ซึ่งแท้จริงแล้วสวี่เส้าเหิงเป็นคนที่กลัวคนแข็งกว่ารังแกคนอ่อนกว่า เลยกลัวมาก ๆ ที่จะถูกรังแก
แน่นอน เสิ่นอีเวยก็ได้เหลือไปมองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา ซึ่งคนที่ยืนข้าง ๆ เขาที่ทำท่าเหมือนเป็นคนที่สูงส่งนั่นก็คือ อวี๋มั่นมั่น
“ในเมื่อฉันไม่ช่วยคุณแล้วคุณจะต้องตายแล้วล่ะก็ ฉันก็จะบอกคุณสี่คำก็คือ คุณ ไป ตาย ซะ ” เสิ่นอีเวยก็ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน ความจริงแล้วถ้าหากเธอและสวี่เส้าเหิงมีความสัมพันธ์ระหว่างสองคนไม่เกี่ยวกับใคร เลิกราก็เลิกรากันไป เธอคงไม่ใช้วิธีที่น่ากลัวเช่นนี้หรอก
มีเพียงเหตุผลเดียวก็คือ นั่นก็คือไอ่ผู้ชายชั่วและหญิงเลวคนนี้กล้าที่จะให้เหมียนเหมียนมีความอันตราย
ซึ่งเป็นสิ่งที่เสิ่นอีเวยไม่อาจให้อภัยได้เลย
และผู้ชายคนนี้ก็อยู่กับอวี๋มั่นมั่นมาก่อนหน้านี้ หากพูดว่าเขานั้นไม่รู้เรื่องเลย แน่นอนว่าเสิ่นอีเวยไม่อาจจะเชื่อได้เลย
พูดไปแล้ว สองคนนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าใครหรอก
ถึงตอนนี้ เสิ่นอีเวยก็เดินเข้าใกล้สวี่เส้าเหิง แต่กลับมีแรงมาถึงตรงไหล่ของเธอ ถึงแม้จะไม่แรงมาก แต่ก็พอควร
เสิ่นอีเวยหันกลับไปนั่นก็คือเจียงเฉิงหวิน ซึ่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามและเป็นห่วง “คนนี้น่ากลัวนัก คุณอย่าไปเข้าใกล้เขาเลย”
เสิ่นอีเวยยิ้มแล้วพูดว่า “ประธานเจียงวางใจเถอะ คนนี้กลัวคนแข็งกว่ารังแกคนอ่อนกว่า ฉันไม่ใช่คนที่จะมาระรานง่าย ๆ ตอนนี้เขาไม่อาจจะทำอะไรฉันได้หรอกค่ะ”
เสิ่นอีเวยพูดเสร็จแล้ว ถึงแม้น้ำเสียงจะมีความเรียบง่าย แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เธอตัดสินใจแล้วก็ไม่อาจที่จะฟังความคิดคนอื่นแล้วมาเปลี่ยนแปลงความคิดตัวเอง
ในท้ายที่สุด เจียงเฉิงหวินก็ปล่อยไป
เสิ่นอีเวยหันกลับไป แล้วก็ได้มองไปยังสวี่เส้าเหิง แล้วเธอก็ค่อย ๆ นั่งลง แล้วก็ได้เอามือไปจับชุดสูท แล้วก็ได้ดึงเข้าใกล้เข้ามาอีก
อวี๋มั่นมั่นได้เห็นแล้วก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“เสิ่นอีเวย เธอจะทำอะไร ? ปล่อยเขาไป” อวี๋มั่นมั่นพูดออกมา อย่างไม่เกรงกลัวอะไร
เสิ่นอีเวยไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าอะไร เพียงแต่มองไปยังสี่เว้าเหิง แล้วพูดอย่างชัด ๆ ว่า “หากอยากจะฟังฉันดีที่สุดก็คือให้เธอนั้นหุบปากซะ”
สวี่เส้าเหิงฟังแล้ว ก็ได้หันไปบอกอวี๋มั่นมั่นว่า “คุณเบาหน่อยได้ไหม อย่ามารบกวนฉัน”
พอพูดออกมา อวี๋มั่นมั่นก็เงียบ แล้วเสิ่นอีเวยก็ยิ้มอย่างเย้ยหยัน เพื่อให้อวี๋มั่นมั่นลดอีโก้ลง
เสิ่นอีเวยได้มองไปยังสวี่เส้าเหิง แล้วพูดอย่างช้าช้าว่า “คนกลุ่มเหล่านั้น ยังไม่เก็บคุณให้เรียบร้อยอีกหรือ ? สวี่เส้าเหิง ฉันสงสัยมาก ทำไมตอนนี้ยังมีหน้ากล้ามาหาฉันอีก ?”
สวี่เส้าเหิงเห็นแล้วก็เปลี่ยนสีหน้าอีกครั้ง เขาใช้สายตาที่ล่องลอยไปมาแล้วพูดว่า “อีเวย….คุณ…..คนกลุ่มนั้นที่ทำร้ายผม เกี่ยวกับคุณหรือ ? ”
เสิ่นอีเวยยิ้มแล้วพยักหน้าว่า “หากฉันบอกว่าคนเหล่านั้นคือฉันส่งไป คุณจะตกใจไหม ? ดังนั้น คุณคิดว่าทำไมฉันจะต้องช่วยคุณล่ะ ?”
ปากของสวี่เส้าเหิงก็สั่นอยู่เช่นั้น ในหัวสมองก็เต็มไปด้วยความสับสน เพราะว่าเขาถูกเสิ่นอีเวยพูดจนไม่รู้อะไรเป็นอะไร
สวี่เส้าเหิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ ฉันไม่เชื่อ อีเวย คุณคงไม่ทำแบบนี้กับผมแน่นอน”