สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 383
บทที่ 383 ฉันเป็นคนทำเรื่องนั้นจริงๆ
เสิ่นอีเวยถึงกับตกตะลึงงึงงันไปสักพักเพราะเธอไม่คิดว่าคนอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิงจะถามชื่อของเขาขึ้นมา แถมตัวเองก็ยังไม่ได้เตรียมชื่อเอาไว้อีก ทำไงดี?
ความคิดของเสิ่นอีเวยแล่นปรู๊ดปร๊าด ในสมองของเธอก็ปรากฏชื่อต่างๆมากมายก่ายกอง ขนาดตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเลยเอ่ยชื่อเซียวหันถิงขึ้นมาแทน
เสิ่นอีเวยได้แต่ขอโทษเซียวหันถิงอยู่ในใจ: พี่คะ ขอโทษนะ อาศัยที่เคยคบหากันมาก่อน ตอนนี้เลยเอาชื่อคุณมาแอบอ้างหน่อยนะ
เธอคิดว่าเซียวหันถิงต่างเป็นคนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงและเธอรู้จัก แถมเขายังเป็นนักธุรกิจยักษ์ใหญ่แถมยังเป็นนักธุรกิจที่ต่างเป็นที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง อีกอย่างเมื่อก่อนก็เคยมีปัญหากันมาก่อน แถมอีตานี่เมื่อก่อนก็เคยสงสัยความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถบอกใครได้ระหว่างเธอกับเซียวหันถิงอยู่แล้ว?
งั้นในตอนนี้เธอก็เอาสิ่งที่เขาเคยคิดไว้มาทำให้เป็นเรื่องจริงขึ้นมาสิ
พอคิดได้อย่างนี้ เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าสมองของตัวเองหมุนได้เร็วมากแถมลื่นไหลทุกอย่างมันมาจากความสุขของตัวเอง ความรู้สึกเคร่งเครียดที่อยู่ในใจเริ่มลดน้อยลง
ทว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าสีหน้าเขากลับยิ้มแล้วยิ้มอีก ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?
เสิ่นอีเวยยืนชิดมุมผนังกำแพง แถมเซิ่งเจ๋อเฉิงพยายามเขยิบเข้าหาเธอเรื่อยๆ ส่วนเธอพยายามก้าวถอยหลังหนีเขา ทว่าด้านหลังเธอกลับไม่มีที่ใดให้ถอยได้เลย
เซิ่งเจ๋อเฉิงยืนอยู่ประชิดตัวเธอมาก เขาค่อยก้มศีรษะลงจนจมูกเกือบชนกัน ช่วงที่เขาพูดออกมาลมหายใจแผ่วเบาที่พ่นออกมาจากช่องปากนั้นมันหอมจนเสิ่นอีเวยถึงกับใจลอยไปชั่วขณะ
เซิ่งเจ๋อเฉิงใช้น้ำเสียงทุ่มต่ำแถมยังมีความแสดงอาการขำขันออกมา: “เซียวหันถิงหรอ? นี่ถามหน่อย คนที่เธอพูดถึงเนี่ยใช่คนที่เมื่อสามปีที่แล้วเขาทำธุรกิจหลอกลวงและก็หนีภาษีจนได้รับโทษเป็นสองคดีแถมตอนนี้ก็ยังติดคุกอยู่ใช่ไหม?”
เมื่อเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดจบ เสิ่นอีเวยถึงกับเบิกตาค้างด้วยความตกใจ เซียวหันถิงหรอ? ติดคุกหรอ?
เธอไม่อยากจะเชื่อได้แต่จ้องตาเซิ่งเจ๋อเฉิงถามกลับ: “เมื่อครู่คุณพูดว่าอะไรนะ…?”
เสียงของเขายังคงขำขันอยู่: “ทำไม ฟังไม่ชัดหรอ? อยากให้ฉันพูดอีกรอบใช่ไหม?”
เสิ่นอีเวยฟังเขาพูดจนได้ยินอย่างชัดเจนแต่เธอไม่กล้าที่จะเชื่อเลย อีกทั้งไม่รู้ว่าควรจะเชื่อถือผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าได้ไหม เพราะอำนาจทางการตลาดของเซียวหันถิงนั้นก็ถือว่าใหญ่มาก จะติดคุกได้ยังไงกัน?
แค่ตัวเธอไม่ได้อยู่เมืองนี้แค่สี่ปีเอง แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาบ้าง? เสิ่นอีเวยรู้สึกปวดหัวขึ้นมา
แถมตอนนี้เธอยังไม่สามารถปกป้องตัวเองได้แล้วยังไม่โดนเซิ่งเจ๋อเฉิงจับได้ว่าเธอโกหกเขาอีก เซียวหันถิงติดคุกหรอ? มันเกิดเรื่องอะไรกัน?
“ทำไมเซียวหันถิงถึงติดคุกได้ล่ะ?” น้ำเสียงสั่นพร่าของเสิ่นอีเวยเอ่ยถาม ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันในใจของเธอเหมือนมีความรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมา เรื่องที่เซียวหันถิงติดคุกนั้น มันจะเกี่ยวข้องกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ไหม…
สายตาเซิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนสายดำมืดแห่งท้องทะเลที่ไม่สามารถเดาทางได้ แต่เสิ่นอีเวยดูแล้วดูอีกไม่ว่าจะดูซะกี่รอบก็ตาม ผู้ชายคนนี้เหมือนทำท่าพออกพอใจอย่างนั้น
เซิ่งเจ๋อเฉิงเดินตรงรี่มาทางเสิ่นอีเวยน้ำเสียงช่างเยือกเย็น: “สีปีที่แล้วเธอก็หนีไปอังกฤษแถมไม่บอกไม่กล่าวกันเลยสักคำ เธอรู้ไหมว่าตอนนั้นฉันรู้สึกยังไง? ——”
พอพูดถึงตรงนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็หยุดไปสักพัก จากนั้น เสิ่นอีเวยก็เห็นรอยยิ้มเยาะๆให้ตัวเองออกมาจากปากเขา
“ฉัน เซิ่งเจ๋อเฉิง ตัวเองคิดว่าตั้งแต่แต่เกิดมาไม่เคยโกรธ หวาดกลัวแบบนั้นมาก่อนเลย แต่พอรู้ว่าเธอจะไม่อยู่ข้างกายฉันอีกแล้วในวินาทีนั้น ฉันทำอะไรไม่ถูกจริงๆ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดอย่างปกติ ทว่าเสิ่นอีเวยกลับยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น เพราะเธอไม่รู้ว่าตอนนี้ควรพูดอะไรออกไปดี ณ วินาทีนั้นในใจเธอแค่รู้สึกว่า ช่วงนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงดูผิดแปลกไปจริงๆ ผิดแปลกไปมาก
เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าควรจะแสดงสีหน้าอะไรออกไป ส่วนเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ต้องการให้เธอตอบอะไรเช่นกัน
เขาพูดต่อเรื่อยๆ: “ในเวลานั้นฉันพยายามหาเบาะแสให้เจอเธอ จนถึงขนาดไปถามคนที่เคยรู้จักกับเธอ และก็ไปหาเซียวหันถิงด้วย”
เสิ่นอีเวยเอาแต่จ้องมองเขาอย่างเงียบๆแล้วเอ่ยถามเขาแทน: “นอกจากเซียวหันถิงแล้ว ในตอนนั้นคุณไปหาใครอีกหรือเปล่า?”
“นอกจากเขาแล้วก็มีฉินโม่ ฉินจื่อเฟิงแล้วก็ยังมีคุณหมอที่ดูแลอาการป่วยของเธอคนนั้นอีกคน”
เสิ่นอีเวยหรี่ตาลงเพราะเขาเอ่ยชื่อทั้งสามคนนั้นต่างเป็นคนที่นิสัยไม่เลวเลยทีเดียว เธอกลัวเหลือเกินว่าผู้ชายคนนั้นจะทำอะไรพวกเขาบ้าง
“คุณทำอะไรพวกเขาหรือเปล่า?” เธอถามกลับ
สายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงแทบไม่มีความรู้สึกใดๆเลย แต่เขาก็ยังยิ้มอ่อนๆออกมา: “ฉันไม่ได้ทำอะไรกับพวกเขาทั้งสามคนเลย ฉันไม่ใช่คนที่แยกไม่ออกนะ ถึงแม้ว่าตอนแรกพวกเขาจะไม่ยอมเปิดปากพูดออกมาแต่ท้ายสุดแล้วก็ถูกฉันบังคับจนต้องพูดออกมา แต่ว่าเธอวางใจได้เลย วิธีการที่ฉันบังคับพวกเขานั้นไม่ใช่วิธีการโหดร้ายทารุณ”
ทว่าฉันก็ดูออกนะว่าในสี่คนนี้ฉินโม่กับเซียวหันถิงเขาไม่รู้เบาะแสของเธอจริงๆ เพราะฉะนั้นฉันเลยเล็งเป้าไปที่ฉินจื่อเฟิงแทน ตามที่เธอรู้มาว่าฉันไม่ได้ทำร้ายเธอเลยด้วยซ้ำก็แค่ให้เธอออกไปจากบริษัทเซิ่งซื่อซะ
การบรรยายของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่พรรณนาออกมาอย่างปกติ แต่เสิ่นอีเวยยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห: “เซิ่งเจ๋อเฉิงทำไมคุณถึงได้ใช้อำนาจตัวเองมาทำเรื่องทุเรศขนาดนี้! ฉินจื่อเฟิงก็แค่เด็กสาวคนหนึ่ง!”
เซิ่งเจ๋อเฉิงได้แต่ยิ้มแถมยื่นมือของเขามาจับคางเล็กๆของเสิ่นอีเวยเอาไว้ เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าตัวเองผีเข้าเพราะว่าเธอลืมที่จะขัดขืนผู้ชายคนนี้ไปได้ยังไงกันนะ?
สายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นสิ่งที่ทำให้คนเกรงกลัว น้ำเสียงที่เอ่ยออกมามักซ่อนการเตือนอยู่ในตัว: “เธอก็รู้ดีอยู่แล้วว่าหล่อนเป็นแค่สาวน้อย เธอไม่ควรที่จะบอกให้หล่อนรู้เบาะแสของเธอแถมยังปิดปากไม่ยอมบอกฉันอีก!”
เซิ่งเจ๋อเฉิงเขาโกรธจริงๆขึ้นมาแล้ว น้ำเสียงจากความโกรธของเขามันทำให้แก้วหูของเธอเกือบทะลุ
เธอได้แต่บังคับตัวเองให้สงบเข้าไว้แล้วถามเขากลับ: “แล้วเซียวหันถิงล่ะ? เขาเกิดเรื่องอะไรขึ้น? การที่เขาเข้าไปอยู่ในคุก คุณสร้างเรื่องให้เขาเข้าไปอยู่ในคุกใช่ไหม?”
เซิงเจ๋อเฉิงเริ่มผ่อนแรงมือลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น: “ไม่น่าเชื่อว่าการที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษมาคนเดียวสี่ปีนี้ จะทำให้การพัฒนาความคิดด้านสมองสูงขึ้นยังเยอะ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ช้าอย่างกับเต่า”
เสิ่นอีเวยแทบไม่ใส่ใจเลยที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเอาแต่พูดถากถางเธอ
“ที่เธอพูดมาไม่ผิดหรอก การที่เซียวหันถิงติดคุกได้นั้น ฉันเองที่เป็นคนลงมือ ฉันเกลียดคนๆนี้ เพราะฉะนั้นก็ต้องให้เขาได้รู้ถึงความลำบากบ้าง หลังจากที่เธอเดินทางไปประเทศอังกฤษแล้ว ฉันเคยไปถามเขาเรื่องของเธอ แต่เขากลับตอบว่าไม่รู้ไม่เห็น ตอนนั้นอารมณ์ของฉันแย่มากไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี ด้วยอารมณ์โมโหของฉันเลยให้คนออกไปตรวจสอบบริษัทของเซียวหันถิงทั้งหมด”
ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ฉันก็มีเรื่องของเขาอยู่ในมืออยู่แล้ว หากในเวลานั้นเขาทำอะไรเธอขึ้นมาละก็ เรื่องของเขาที่อยู่ในมือฉันจะถือว่าเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่ฉันจะเอามาเล่นงานเขา ในตอนนั้นที่ให้คนไปตรวจสอบเขาก็เพื่อที่จะให้เขาเป็นความที่ทำผิดตามความจริงที่เป็นอยู่ที่เขาหลอกลวงด้านธุรกิจและการหลบเลี่ยงภาษี โดยเฉพาะการหลบเลี่ยงภาษีนั้นก็ทำให้เขานอนคุกได้หลายปี